ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 467-2 ถามความลับ (2)
ตอนที่ 467 ถามความลับ (2)
………………..
เขาเป็นคนนำทาง ส่วนเขาเป็นคนฆ่าหรือเปล่า นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เจี่ยงเชาดูแคลนต่อ แต่ยังคงเอ่ยอย่างตะกละตะกลามอยู่บ้าง “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เอาอาหารขึ้นโต๊ะเถอะ! สัตว์ปีศาจขั้นเจ็ด…ฉันก็เคยกินมาเหมือนกัน”
เขาเคยกินอยู่แล้ว แต่เมืองเจิ้นซิงไม่ได้ฆ่าสัตว์ปีศาจได้บ่อยขนาดนั้น
พวกผู้อาวุโสหลายปีถึงจะเอากลับมาครั้งหนึ่ง อยากให้ผู้อาวุโสฆ่าเอากลับมาให้กิน นั่นเป็นไปไม่ได้
ส่วนคนอื่นๆ เคยฆ่าสัตว์ปีศาจ แต่เอากลับมานับครั้งได้
ฟางผิงฟังจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่เจี่ยง พูดแบบนี้ยอดฝีมือเมืองเจิ้นซิงก็เข้าไปล่าสัตว์ในถ้ำใต้ดินได้น่ะสิ?”
เจี่ยงเชาปิดปากเงียบ รออยู่สักพัก พอเนื้อสุนัขขึ้นโต๊ะแล้วก็รีบกินเข้าไปหนึ่งคำ เผยสีหน้าพอใจออกมา
ด้านข้างซูจื่อซู่ก็คีบขึ้นหนึ่งชิ้นเข้าปาก เห็นฟางผิงมองเธอด้วยรอยยิ้มก็หน้าขึ้นสีอยู่บ้าง เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “คือ…ปู่หลี่บอกว่าห้ามพูดเรื่องเมืองเจิ้นซิงมั่วซั่ว”
เวลานี้เจี่ยงเชาก็หัวเราะขึ้นมา “ฟางผิง หลายวันนี้พวกเราก็เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับนายอย่างละเอียดแล้ว…ยังไง…ยังไงพวกเราก็พอจะเดาถึงบางอย่างได้ แต่พูดเรื่องพวกนี้ไม่มีประโยชน์ คิดเสียว่าเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตละกัน แต่ว่าบางเรื่องไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากพูด แต่พูดไม่ได้จริงๆ”
ฟางผิงไม่สนใจเช่นกัน เดาอะไรอีก เรื่องเดิมพันก่อนหน้านี้สินะ ฉินเฟิ่งชิงเจ้ายาจกนี้ ทำความรู้จักหน่อยก็รู้แล้วว่าเขาจ่ายเงินห้าหมื่นล้านออกมาไม่ได้หรอก
ได้ยินเจี่ยงเชาพูดแบบนี้ ฟางผิงจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เจี่ยง นายคิดว่าฉันเป็นคนของลัทธินอกรีตหรือไง?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว!”
“ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ?”
“จะเป็นไปได้ไง!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันขอถามพี่เจี่ยงอีกสักประโยค ฉันเทียบกับอัจฉริยะของเมืองเจิ้นซิงแล้วเป็นยังไง?”
เจี่ยงเชาเกาหัว เอ่ยอึกอักว่า “เอ่อ…เก่งไม่น้อย ได้ยินว่านายหลอมกระดูกทองแล้ว พลังจิตใจแข็งแกร่งมาก บางทีอาจจะเข้าสู่ขั้นเจ็ดได้เร็วกว่าพวกหลี่เฟยซะอีก”
ฟางผิงคลี่ยิ้มว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของถ้ำใต้ดินเลวร้ายลงเรื่อยๆ คนอื่นบางทีอาจไม่มีคุณสมบัติรู้เรื่องพวกนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันมีคุณสมบัตินี้ รวมถึงความสามารถและพลังในการแบกรับเรื่องทั้งหมด! เป้าหมายของเมืองเจิ้นซิงไม่ใช่เพื่อเก็บซ่อนความลับ แต่กังวลว่าจะสร้างความตื่นตระหนกหรือทำให้พวกที่ไม่มีความสามารถจะรู้เรื่องทั้งหมดเกิดความหมดหวังขึ้นมาได้ ฉันพูดแบบนี้ พี่เจี่ยงยอมรับหรือเปล่า?”
เจี่ยงเชาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันอยากจะเข้าใจบางเรื่องให้มากหน่อย เพื่อมนุษยชาติ เพื่อประเทศชาติ อุทิศบางอย่างออกไป…ประเด็นอยู่ที่ฉันอยากให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สูญเสียน้อยลง หอประวัติศาสตร์และสุสานเขตทางใต้ ฉันไม่อยากให้มีอะไรมาเพิ่มแล้ว! ตอนนี้พี่เจี่ยงก็ยังไม่อยากจะบอกงั้นเหรอ?”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างอัดอั้นว่า “ฟางผิง นายกำลังสร้างความลำบากใจให้ฉัน?”
“นายอ้วน!”
จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนเสียงดัง เอ็ดว่า “ถามนายแค่นิดหน่อย นายก็บอกปัดเสียงแข็งแล้ว! นายไม่พูด ฉันไม่พูด ทุกคนไม่พูด ใครจะรู้ว่านายบอกพวกเรา? เสี่ยวซู เขาไม่พูด เธอล่ะ เจ้าอ้วนนี้ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว เสี่ยวซู เธอทนเห็นพวกเราสูญเสียมากขึ้นอีกได้หรือไง?”
ซูจื่อซู่มองเจี่ยงเชาแวบหนึ่ง ขัดแย้งในใจอยู่บ้าง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “งั้นพวกนาย…พวกนายอย่าถามเยอะเกินไป อันที่จริงฉันก็ไม่ได้รู้มากมาย”
เจี่ยงเชาอยากพูดอะไรสักอย่าง ท้ายที่สุดกลับเงียบไป เริ่มกินอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาแทน
กินก่อนละกัน ทำเป็นไม่ได้ยินไป
ฟางผิงประกายรอยยิ้มในดวงตา เอ่ยว่า “เมืองเจิ้นซิงมีผู้อาวุโสที่อยู่ขั้นเก้าสุดยอดกี่คน?”
“หา?”
ซูจื่อซู่ชะงักไปเล็กน้อย พิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยว่า “เมืองเจิ้นซิงมีสิบสามตระกูล…น่าจะมีปรมาจารย์สิบสามคน…แต่สองปีก่อน ผู้อาวุโสหยางเหมือนจะ…เหมือนจะจากโลกไป ฉันไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่าเหมือนกัน ยังไงเวลานั้นครอบครัวของจิงจิงก็ร้องไห้เสียใจไปหลายวัน ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในเมืองก็เสียใจเหมือนกัน ภายหลังปู่บอกว่าผู้อาวุโสหยางเหมือนจะเกิดเรื่อง…”
ซูจื่อซู่ไม่ได้บอกชัดเจน เจี่ยงเชากลับรู้มากกว่าอยู่บ้าง เอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ตายแล้ว ได้ยินผู้อาวุโสหยางไปพื้นที่ของเขตแดน อยากจะทะลวงด่าน ไม่รู้ว่าถูกยอดฝีมือของทะเลหวงห้ามลอบโจมตีหรือเกิดปัญหาอย่างอื่นจึงตายที่พื้นที่เขตแดน ยังไงก็ไม่ใช่ฝีมือของคนจากเขตหวงห้าม เพราะตอนที่ผู้อาวุโสหยางตาย ทุกคนไม่มีใครรู้ ภายหลังเขตหวงห้ามบุกเข้ามา เมืองเจิ้นซิงถึงรู้ว่าผู้อาวุโสเสียชีวิตแล้ว แต่เขตหวงห้ามรู้ข้อมูลก่อนพวกเรา เวลานั้นคนของเขตหวงห้ามคว้าโอกาสได้ ไม่มีใคนเฝ้าระวังที่ทางเดิน คนออกมาเยอะมาก โจมตีเมืองเทียนหนานอย่างกะทันหัน…”
ฟางผิงม่านตาหดเกร็ง เอ่ยอย่างครุ่งคิด “ทะเลหวงห้ามก็คือทะลวงทางใต้ใช่หรือเปล่า? ทะเลหวงห้ามทำให้ยอดฝีมือขั้นสุดยอดตายได้ด้วย?”
“อันที่จริงทะเลหวงห้ามเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด อันตรายกว่าเขตหวงห้ามซะอีก!”
เจี่ยงเชาเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง “เรื่องหลักๆ ฉันไม่รู้ ฉันได้ยินไอ้โรคจิตที่บ้านพูดขึ้นมาครั้งหนึ่ง อย่าเข้าไปในทะเลต้องห้ามเด็ดขาด ไปเขตหวงห้ามยังรอดกลับมาได้ แต่ไปทะเลต้องห้าม ไม่มีทางรอดแน่! เขาต้านสมุทร…อันที่จริงสร้างขึ้นมาก็เพื่อต่อต้านการขยายของทะเลต้องห้าม ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดไม่ใช่หรือไง? เขาต้านสมุทรเกิดจากฝีมือมนุษย์ กว้างใหญ่ไพศาล ใหญ่จนไม่อาจจินตนาการได้ พาดผ่านพื้นที่เหนือใต้ออกตกสี่ทิศทาง โอบล้อมเขตหวงห้ามเอาไว้”
“ผู้อาวุโสพวกนี้ล้วนอยู่ที่เขาต้านสมุทร?”
“อืม พวกผู้อาวุโสรักษาการณ์ที่ภายนอกทางเดิน ไม่อนุญาติให้ยอดฝีมือจากเขตหวงห้ามเข้าออกตามใจ ไม่ใช่แค่พวกเรา ประเทศอื่นก็มียอดฝีมือขั้นสุดยอดบางส่วนเฝ้าระวังที่ทางเดินปราบปรามยอดฝีมือเขตหวงห้ามเช่นกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างสกัดกั้นซึ่งกันและกัน…”
ระหว่างที่พูด เจี่ยงเชาก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “แต่ตอนนี้ทางพวกเราก็มีปัญหาอยู่บ้าง กำลังนั่งรักษาการณ์ไม่เพียงพอ พื้นที่หนึ่งร้อยแปดแห่ง ตามหลักแล้ว นั่นต้องใช้ยอดฝีมือถึงหนึ่งร้อยแปดคน แต่ตอนนี้…ยอดฝีมือขั้นสุดยอดทั่วโลกไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น นอกจากไม่มี เหมือนจะขาดแคลนอีกมากด้วยซ้ำ ยอดฝีมือขั้นสุดยอดน่าจะมีไม่กี่คน ดังนั้น ทุกครั้งที่ทางเดินปรากฏก็หมายถึงมีอันตรายเพิ่มมาอีกหนึ่งส่วน เพราะพวกเราคุ้มกันไม่ได้ ทางเดินไม่อุบัติยังพอว่า ปรากฏขึ้นแล้ว ถูกรุกรานขึ้นมาก็สามารถเข้าโลกได้โดยตรง พวกผู้อาวุโสข้ามเขตแดนได้ยากเหมือนกัน ผู้อาวุโสหยางตายระหว่างข้ามเขต ตอนนี้ผู้อาวุโสหลายคนจึงเฝ้าระวังหลายพื้นที่ด้วยตัวคนเดียว…”
เจี่ยงเชายังบรรยายต่อ ฟางผิงกลับสั่นสะท้านในใจ!
เมืองเจิ้นซิงยังมีผู้อาวุโสสิบสองคน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสุดยอดสิบสองคน!
ยอดฝีมือหนึ่งคน รักษาการณ์หนึ่งเขตแดน!
ไม่สิ ตอนนี้ยอดฝีมือสิบสองคนเฝ้าระวังยี่สิบสามเขตแดนของประเทศจีน บางทีอาจจะยี่สิบสี่
จู่ๆ ฟางผิงก็นึกอะไรได้ เอ่ยว่า “ตอนนี้ที่ประกาศออกมายังมียอดฝีมือขั้นสุดยอดอีกสี่คน…”
เจี่ยงเชาส่ายหัวว่า “ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ผู้บัญชาการหลี่เพิ่งทะลวงในตอนหลัง ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนของเมืองเจิ้นซิง แต่เขาไม่อยู่ในขบวนของผู้อาวุโส ภายหลังก็ออกไปคนเดียว แต่ผู้อาวุโสตระกูลเสิ่น…อันที่จริงผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางเหนือ ผู้อาวุโสเสิ่นเฮ่าเทียน เขาไม่ใช่คนยุคสมัยนี้ ยังมีผู้อาวุโสเฉินกู่หยางผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางตะวันออกอีกคน เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเฉิน คำนวณขึ้นมาจริงๆ มีแค่รัฐมนตรีจางเทาของกระทรวงการศึกษาถึงจะเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดที่ถือกำเนิดจากโลกภายนอกจริงๆ อายุก็ไม่ได้เยอะมาก พอๆ กับผู้บัญชาการหลี่ ตอนนี้ผู้บัญชาการรหลี่อพยพครอบครัวออกจากเมืองเจิ้นซิงแล้ว เขาและรัฐมนตรีจางล้วนเป็นคนยุคสมัยใหม่…ฉันหมายถึงประเภทที่อายุไม่ถึงร้อย ผู้อาวุโสคนอื่นๆ อายุเยอะกันหมดแล้ว”
ฟางผิงตกใจอีกครั้ง ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทั้งสี่ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนสมัยก่อนถึงสองคน!
ใช่แล้ว คนสมัยก่อน
จากที่ตาเฒ่าหลี่พูดกับเขาก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสพวกนี้อย่างน้อยมีอายุหลายร้อยปีแล้ว!
พูดแบบนี้…อู๋ชวนก็ไม่ได้นับว่าขายหน้ามากมาย
ผู้บังคับการกองตั้งมั่น สองคนที่อยู่ขั้นสุดยอดล้วนไม่ใช่บุคคลในสมัยนี้
คำนวณแล้ว ประเทศจีนมีขั้นสุดยอดสิบสี่คน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้อยู่บ้าง
ขั้นสุดยอดสิบสี่คน เฝ้าระวังยี่สิบสี่เขตแดนงั้นเหรอ?
แต่รัฐมนตรีจางและผู้บัญชาการหลี่เหมือนจะโลดแล่นอยู่ในโลกข้างนอกมาตลอด ดูท่าสองคนนี้น่าจะไม่ได้อยู่ที่เขาต้านสมุทรเท่าไหร่
——————-