ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 468 เปิดเผยออกมาเสี้ยวหนึ่ง (1)
ตอนที่ 468 เปิดเผยออกมาเสี้ยวหนึ่ง (1)
………………..
ประเทศจีนมียอดฝีมือขั้นสุดยอดสิบสี่คน นี่คงจะนับว่าเป็นความลับระดับชาติ
ยอดฝีมือขั้นเก้าทั่วไป เกรงว่าอาจไม่รู้เสมอไป
ฟางผิงครุ่นคิดก่อนจะถามว่า “ประเทศจีนมีแค่เมืองเจิ้นซิงของพวกนายแห่งเดียวที่มีขั้นสุดยอด?”
“น่าจะอย่างนั้นนะ?”
ซูจื่อซู่ส่ายหน้าว่า “ไม่เคยได้ยินว่าที่อื่นมีมาก่อน ทั้งไม่มีคนจากคนอื่นคบค้าสมาคมกับพวกเราด้วย ฉันหมายถึงสถานที่อย่างเมืองเจิ้นซิงพวกนั้น ประเทศจีนไม่ได้ ต่างประเทศกลับมีอยู่”
“เยอะหรือเปล่า?”
“ไม่เยอะ ฉันรู้แค่หนึ่งแห่งสองแห่ง…ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เหมือนจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกเรา”
“งั้นต่างประเทศว่าตามหลักแล้วควบคุมถ้ำใต้ดินไม่ได้…”
“ต่างฝ่ายต่างสกัดกัน” ซูจื่อซู่อธิบายว่า “ยังไงระหว่างขั้นสุดยอดก็ไม่กล้าสู้กันอยู่แล้ว ทำแค่นายขู่ฉัน ฉันขู่นาย…แต่ว่าบางครั้งสมดุลก็ถูกทำลาย”
เจี่ยงเชารับบทสนทนาต่อ “เหมือนที่ผู้อาวุโสหยางเสียชีวิต สมดุลก็ถูกทำลาย เวลานี้ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ไม่กล้าออกจากเขตแดนที่เฝ้าระวังโดยพลการ ดังนั้นถ้ำใต้ดินเทียนหนานจึงถูกรุกราน ทางถ้ำใต้ดินไม่มีขั้นสุดยอดลงมือเหมือนกัน แต่ขั้นเก้าของพวกเขาเยอะกว่าพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงคุมไม่อยู่”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “พวกนายบอกว่าขั้นสุดยอดถูกสกัด แต่ฉันได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการหลี่และรัฐมนตรีจางมีการบันทึกว่าลงมือมาก่อน รวมถึงสงครามถ้ำใต้ดินปักกิ่งเมื่อไม่นานนี้ด้วย”
เจี่ยงเชากินเนื้อสุนัขพลางเอ่ยว่า “ไม่กี่ปีนี้…จะว่ายังไงดีล่ะ หยั่งเชิงจู่โจมล่ะมั้ง อีกอย่าง…ช่างเถอะ ฉันไม่พูดแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงยกเนื้อสุนัขข้างหน้าเขาออกไปทันที กัดฟันว่า “นายอ้วน นายจะมาทำให้พวกเราค้างคาเพื่ออะไร?”
แม่งเหอะ พูดแค่ครึ่งเดียว นายกล้าหยุด ฉันจะสับนายซะ!
เจี่ยงเชากลอกตา คิดว่าไม่ให้ฉันกินเนื้อสนัข ฉันจะกลัวงั้นเหรอ?
เอาเถอะ ฉันจะไว้หน้านาย กินต่ออีกไม่กี่ชิ้นละกัน
เจี่ยงเชาแย่งมากินอีกหลายชิ้น กระซิบว่า “นี่เป็นความลับขั้นสุดยอดจริงๆ อย่าบอกกับข้างนอกเด็ดขาด กระทั่งฉันยังได้ยินอย่างบังเอิญ ไอ้โรคจิตที่บ้านกับพ่อคุยกัน ฉันทิ้งเครื่องบันทึกเสียงไว้ที่พวกเขา หลังจากนั้นถึงได้รู้”
“เจี่ยงเชา!”
ซูจื่อซู่น้ำเสียงแหลมปรี๊ดขึ้นมา เอ่ยอย่างตกใจว่า “นายแอบฟังพี่เจี่ยงและคุณลุงคุยกัน?”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เธอจะยุ่งทำไม ฉันพอใจจะทำ!”
ซูจื่อซู่เผยสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา “แอบฟัง…ห้ามพูดเด็ดขาด!”
เจี่ยงเชายิ้มหรี่ตา “ฉันจะพูด แถมฉันก็อยากพูดด้วย ไม่พูดมีแต่จะอึดอัด พี่เจี่ยงเธอนั้นรู้สึกไม่สบายใจ ก็อยากให้คนอื่นไม่สบายใจด้วย”
ระหว่างที่เจี่ยงเชาพูดก็ถอนหายใจว่า “มนุษย์ชาติใกล้จบเห่แล้ว!”
ทุกคนต่างมองไปที่เขา ไม่มีใครพูดอะไร
“จริงๆ นะ จะจบเห่แล้ว เมื่อก่อนผู้อาวุโสของพวกเราควบคุมไว้เพราะเขตหวงห้ามถ้ำใต้ดินแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายเยามิ่งและเยาจื๋อ สองฝ่ายนี้อันที่จริงไม่ลงรอยกัน หลายปีก่อนหน้านี้ยังทำสงครามมานานแล้ว สู้กันหัวร้างข้างแตก อันที่จริงฝ่ายที่อยากบุกเข้าสู่พื้นโลกคือเยาจื๋อ ฝ่ายเยาจื๋อเรียกพวกเราว่าดินแดนแห่งการเกิดใหม่ เหมือนจะหาเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่อะไรสักอย่าง เรื่องนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน”
“มนุษย์ชาติอย่างพวกเรามีความสามารถสูสีกับยอดฝีมือฝ่ายเยาจื๋อ ดังนั้นทุกคนต่างห่วงหน้าพะวงหลัง แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดของพ่อฉัน ในความเป็นจริงมนุษย์ชาติอ่อนแอกว่าเยาจื๋อ พวกเขาไม่กล้าทุ่มสุดชีวิตกับพวกเราเพราะกลัวจะถูกฝ่ายเยามิ่งฉวยโอกาส เสือสองตัวต่อสู้กัน สุดท้ายถูกคนฉวยโอกาส เรื่องนี้ทุกคนไม่ทำกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้…ฉันได้ยินว่าทางปักกิ่งมีสัตว์ปีศาจขั้นสุดยอดปรากฏขึ้น…ไม่ใช่มนุษย์ อันที่จริงครั้งก่อนเป็นสัตว์ปีศาจขั้นสุดยอดที่จะข้ามเขตแดน!”
เจี่ยงเชากดเสียงว่า “สัตว์ปีศาจขั้นสุดยอด ปกติล้วนอยู่ฝ่ายเยามิ่ง แน่นอนว่าสัตว์ปีศาจบางตัวก็เอาแต่ใจ ทำสงครามกับมนุษย์ถ้ำเช่นกัน แต่นี่…เหมือนจะเป็นประเภทที่ถูกเลี้ยง แม้จะไม่คุ้นเคย แต่มีโอกาสจะเป็นยอดฝีมือสัตว์ปีศาจจากฝ่ายเยามิ่ง นี่หมายความว่าอะไร? หมายความว่าเผ่าพันธุ์เยามิ่งลงมือแล้ว! ถ้ำใต้ดินสองฝ่ายร่วมมือกัน มนุษย์ก็จบเห่จริงๆ แล้ว ครั้งก่อนรัฐมนตรีจางลงมือก็เพราะโจมตีสัตว์ปีศาจที่จะข้ามเขตแดนตัวนี้ล่าถอยไป ผู้อาวุโสอีกคนก็คุมเชิงกับยอดฝีมือเผ่าพันธุ์เยาจื๋อ ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์เยาจื๋อคนนั้นบอกว่าเจ้าตัวนี้เป็นสัตว์ปีศาจที่เกิดในป่า ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ไอ้โรคจิตบอกว่าอาจจะหลอกพวกเรา ยังไงฉันก็คิดว่าหลอกพวกเราเหมือนกัน หากสองฝ่ายร่วมมือกันจริงๆ พวกเราจบสิ้นแล้วแน่ๆ”
เจี่ยงเชาถอนหายใจว่า “ดังนั้นตอนนี้กินได้ก็กิน ดื่มได้ก็ดื่ม ในสถานการณ์ที่ร่วมมือกัน พวกเราจบสิ้นกันแน่ ผู้อาวุโสไม่หนีก็ต้องตาย แต่ว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่สู้กัน หมายความว่าแม้เผ่าพันธุ์เยามิ่งจะลงมือ เกรงว่าคงไม่ทั้งหมดเหมือนกัน ซับซ้อนอย่างมาก! สรุปแล้วฉันคิดว่ามนุษย์ชาติหมดหวังแล้ว ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ตอนนี้มีการหยั่งเชิง ถือเป็นเค้าลางอย่างหนึ่ง นายว่าสิ้นหวังหรือเปล่าล่ะ?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “มีอะไรให้สิ้นหวังกัน รอตายถึงจะสิ้นหวังจริงๆ พึ่งใครไม่สู้พึ่งตัวเอง! รอนายถึงขั้นเก้าสุดยอดแล้ว แม้จะสู้ไม่ไหวจริงๆ อย่างน้อยนายก็หนีได้”
“พูดมีเหตุผล…” เจี่ยงเชาพยักหน้า ก่อนจู่ๆ จะโวยวายเสียงดังขึ้นมา “อย่ามาหลอกฉันให้ยาก! ตั้งขั้นเก้าสุดยอด!ไม่ใช่ขั้นเก้าทั่วไป แม่งเหอะ คนละเรื่องกันเลย!”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างยอมรับชะตากรรมอยู่บ้าง “ขั้นเก้าและขั้นเก้าสุดยอด คนละเรื่องกันจริงๆ! หลายปีนี้ฉันหมายถึงร้อยปีนี้ ประเทศจีนยังมีขั้นเก้าที่มีชีวิตอยู่ ในการจัดอันดับสามสิบสามคน อันที่จริงเมืองเจิ้นซิงยังมีอีกห้าหกคนที่ไม่ได้อยู่ในอันดับ รัฐบาลกลางน่าจะปิดบังไว้บางส่วนเหมือนกัน สรุปแล้วน่าจะไม่ถึงห้าสิบคน คนพวกนี้ในนั้นน่าจัมีสามสิบคนที่ทะลวงในร้อยปีมานี้ ตายในสงครามคงไม่นับแล้ว นี่หมายความว่าเฉลี่ยสามปีจะปรากฏขั้นเก้าหนึ่งคน แต่นายรู้หรือว่าขั้นสุดยอดร้อยปีนี้เกิดขึ้นเท่าไหร่?”
“สองคน” ฟางผิงกลอกตาใส่เขา นายเพิ่งพูดไม่ใช่หรือไง?
“ใช่ นายก็รู้ว่าแค่สองคน!”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “ผู้บัญชาการหลี่นั่นเจ๋งสุดขีด อายุยี่สิบปีขั้นหก ยี่สิบห้าปีขั้นเจ็ด สามสิบห้าปีขั้นแปด ห้าสิบขั้นเก้า เจ็ดสิบก็ขั้นเก้าสุดยอด ตอนนี้ทะลวงด่านมาหลายปีแล้วเหมือนกัน รัฐมนตรีจาง…นั่นก็ปีศาจอีกคน ปีนี้เหมือนจะแปดสิบห้าล่ะมั้ง? เขาเข้าสู่ถ้ำใต้ดินในขั้นสี่ โชคหล่นทับ พืชปีศาจขั้นเก้าตายไปต่อหน้าต่อตาเขา! เหล่าจางดื่มน้ำแร่ชีวิตทะลวงขั้นห้าสูงสุด จากนั้นหลอมกระดูกทองและร่างทองจากในสู่นอก…ไม่ต่างกับนายตอนนี้เท่าไหร่ คนผู้นี้ถือโอกาสคว้านแกนหัวใจและแกนสมองของพืชปีศาจขั้นเก้าไปด้วย ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปีทะลวงถึงขั้นเจ็ด สร้างอาวุธวิเศษขั้นเก้า อาศัยอานุภาพของอาวุธวิเศษ ทำการใหญ่หลายเรื่อง…ยังไงก็เป็นประเภทที่เจ๋งสุดๆ ทำจนกระทั่งถึงขั้นเก้าสุดยอด สองคนนี้ต่างเป็นลูกรักสวรรค์ แบบนี้ถึงมีขั้นเก้าสุดยอดในช่วงร้อยปีได้ ฉันจะแข่งยังไงไหว? ดังนั้นเรื่องที่นายพูดมาล้วนเหลวไหลทั้งเพ หากมีความหวังอยู่บ้าง ฉันจะละทิ้งได้ยังไง? นายคิดว่าฉันขี้ขลาดขนาดนั้น?”
เขาเพิ่งพูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็แค่นหัวเราะ “นายไม่ขี้ขลาดใครจะขี้ขลาดอีก? ฉันไม่กลัวหรอก ปีนี้ฉันขั้นห้า ปีหน้า…ไม่สิ อีกครึ่งปีขั้นหก ปีหน้าปรมาจารย์ สามสิบปีขั้นสุดยอด!”
ฟางผิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “งั้นนายจะเก็บศพขั้นเก้าไม่ได้แล้ว ต้องเก็บศพขั้นเก้าสุดยอด ตัวเดียวไม่พอ ต้องหลายๆ ตัว”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็อดด่าไม่ได้ “เก็บศพยังเก็บได้ถึงพืชปีศาจขั้นเก้า ยังเอาน้ำแร่ชีวิตมาด้วย รัญมนตรีจางมั่นใจนะว่าไม่ใช่ลูกรักพระเจ้า?”
ล้อกันเล่นแล้ว!
เก็บศพ ขั้นสี่เก็บศพของพืชปีศาจขั้นเก้าได้เนี่ยนะ ยังเป็นสภาพที่สมบูรณ์อีก
นี่มันทฤษฎีอะไร?
คนอื่นตดนิดเดียวยังระเบิดเขาเป็นผุยผงได้ นึกไม่ถึงว่าจะถูกเหล่าจางเก็บได้ แค่เรื่องนี้ ฟางผิงรู้สึกว่าแม้คนอื่นจะตายหมด เหล่าจางคงตายไม่ได้
เจี่ยงเชายักไหล่ นายยอมหรือยังล่ะ
พืชปีศาจขั้นเก้า แม้จะขั้นสุดยอดก็ฆ่ายากอยู่ดี
ไม่ใช่ฆ่าไม่ได้ แต่ถึงขั้นเก้านี้ นายไม่อาจฆ่าได้ง่ายๆ จะทำให้เกิดสงครามใหญ่ได้
แม้จะฆ่าแล้ว นั่นต้องเอาไปด้วยทั้งหมด เอาไปไม่ได้ก็ต้องทำลายไม่ให้เหลือซาก
ปรากฏว่าจางเทากลับเก็บศพพืชปีศาจขั้นเก้าสภาพสมบูรณ์ได้ นายต้องยอมแล้ว
ตอนนี้ฟางผิงไม่สนใจเจี่ยงเชาอีก
หลายอย่างที่ไม่เข้าใจ ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เผาพันธุ์เยาจื๋อและเยามิ่ง ไม่ถูกกันจริงๆ ด้วย
สาเหตุที่ไม่จู่โจมถ้ำใต้ดินเต็มรูปแบบเพราะขั้นสุดยอดต่างสกัดกั้นกัน
หลายปีนี้สถานการณเลวร้ายลง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของผู้อาวุโสหยาง มนุษย์ชาติเสียขั้นสุดยอดไปหนึ่งคน ทั้งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขตหวงห้ามและสองเผ่าพันธุ์ร่วมมือกันด้วย
สงครามใหญ่ของปักกิ่งมีสาเหตุมาจากการข้ามเขตแดนของสัตว์ปีศาจ
จากภายในเขตหวงห้าม อยากข้ามมาถึงถ้ำใต้ดินปักกิ่ง นี่ทำให้รัฐมนตรีจางต้องลงมือ
มนุษย์ไม่กล้าทุ่มสุดกำลังกวาดล้างถ้ำใต้ดินก็เพราะการขัดขวางของยอดฝีมือพวกนี้
แต่มองจากสถานการณ์ที่มนุษย์ถูกกดขี่ ผู้อาวุโสขั้นสุดยอดพวกนั้นเกรงว่าจะอยู่ในสภาวะเป็นรองมาโดยตลอดเช่นกัน ทำได้แค่ช่วงชิงสิทธิ์อย่างจำกัดและเวลาเอาตัวรอดให้มนุษย์เท่านั้น
เขตหวงห้ามภายในสุดแบ่งเป็นสองฝ่าย
สี่ทิศทางของเขตหวงห้าม เขาต้านสมุทนมีขั้นสุดยอดของมนุษย์นั่งรักษาการณ์อยู่
ออกมาข้างนอกอีกเป็นอาณาเขตเหนือใต้ออกตา หนึ่งร้อยแปดเขตแดนเล็กๆ
ทั้งระหว่างเขตแดนหนึ่งร้อยแปดแห่ง ยังมีพื้นที่เขตแดน พื้นที่ปราการ ก็เป็นอันตรายอย่างมากเช่นกัน
—
ถามเรื่องพวกนี้ชัดเจนแล้ว ฟางผิงก็กินเนื้อสุนัขไปหนึ่งชิ้น
รสชาติไม่เลว พลังงานเต็มเปี่ยม ของดี ให้นายอ้วนเจี่ยงกิน เสียของอยู่บ้าง
ฟางผิงจึงกินไปหลายคำ ฉินเฟิ่งชิงรีบลงมือตั้งนานแล้ว
กินอยู่สักพัก ฟางผิงก็เอ่ยว่า “สำนักและพวกนายมีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?”
“ไม่มี”
เจี่ยงเชากำลังกินเหมือนกัน กินอย่างตะกละตะกลาม เอ่ยอู้อี้ว่า “อันที่จริงสำนักสูญสลายไปแล้ว สูญสลายก่อนหน้านี้นายแล้ว! ถึงกระทั่งสามารถไล่ย้อนไปถึงช่วงราชวงศ์ซ่งได้ เวลานั้นยอดฝีมือของสำนักก็แทบไม่มีให้เห็นแล้วไม่ก็ตายไปแล้ว ยังไงหลังจากนั้นสำนักก็เหลือแค่ไม่กี่แห่ง ขั้นสามก็ยกย่องกันแล้ว”
—————-
………………..