ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 469 ปรมาจารย์หกคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (1)
ตอนที่ 469 ปรมาจารย์หกคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (1)
………………..
โรงอาหาร
ฟางผิงยังกำลังจัดระเบียบข้อมูลที่เพิ่งได้รับทราบในหัว จู่ๆ เขาก็เผยสีหน้าดีใจ หันไปยังเขตทางใต้
“ไปเร็ว!”
ฟางผิงหยัดกายขึ้นทันที เอ่ยอย่างดีใจ “อาจารย์ถังทะลวงด่านแล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงดีอกดีใจขึ้นมาเช่นกัน เอ่ยอย่างตื่นเต้น “ปรมาจารย์คนที่หกของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!”
ฟางผิงไม่ได้เดินลงบันได กระโดดลงจากหน้าต่างโดยตรง สามคนข้างหลังรีบตามมาเช่นกัน ฟางผิงแตะเท้าในอากาศพลางเอ่ยว่า “ฉินเฟิ่งชิง นายจะตื่นเต้นอะไรกัน หัวสิงโตยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลย!”
ฉินเฟิ่งชิงฝีเท้าชะงักไป!
ใช่แล้ว ฉันจะตื่นเต้นทำไม?
ทำไมฉันต้องดีใจด้วย!
หัวสิงโตขั้นเจ็ดแล้ว นี่หากจับฉันได้ ไม่ใช่จะซ้อมฉันตายหรือไง?
ครู่ต่อมาฉินเฟิ่งชิงก็ตาเป็นประกาย ฝ่าอากาศออกไปชั่วพริบตา
รอพวกฟางผิงมาถึงข้างนอกห้องคุมอานุภาพแล้ว ฉินเฟิ่งชิงก็ตามเข้ามา ในมือยังหิ้วเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย หัวเราะเสียงดังว่า “เหวินเหวิน อาจารย์ถังจะทะลวงด่านแล้ว น่ายินดีอะไรอย่างนี้ หลังจากนี้ใครกล้ารังแกเธอให้มาหารุ่นพี่แล้วกัน!”
ถังเหวินเผยสีหน้างุนงงและจนใจ
เธอกำลังนั่งเรียนอยู่ดีๆ ฉินเฟิ่งชิงกลับบุกเข้ามา คนในห้องแทบจะตกตะลึงกันหมด ฉินเฟิ่งชิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เผยแววตาประสงค์ร้ายคว้าตัวเธอลอยออกไปข้างนอกทันที
ทำเอาถังเหวินตกใจคิดว่าจะถูกอัดเพราะพ่อของเธออีกแล้ว!
ตอนนี้ถังเหวินรู้แล้วว่าพ่อของตัวเองสร้างศัตรูขึ้นไม่น้อย
เมื่อก่อนคือฟางผิง แต่ต่อมาฟางผิงและพ่อของเธอก็ลงรอยกันแล้ว เธอจึงนับว่าโล่งอกสักที
แต่รอจนได้ฟังคำพูดจากฉินเฟิ่งชิง ถังเหวินถึงเข้าใจขึ้นมา ชั่วพริบตานั้นก็เอ่ยอย่างดีใจ “พ่อฉันจะทะลวงด่านแล้ว?”
“ใช่แล้ว ทะลวงด่าน ฮ่าๆๆ เรื่องน่ายินดี!”
ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะ ตบหัวของถังเหวินด้วยสีหน้าชื่นมื่น พ่อเธอทะลวงด่านแล้ว ฉันถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้ พ่อเธอคงไม่มีหน้ามาอัดฉันแล้วสินะ?
ถังเหวินไม่มีอารมณ์จะสนใจเขาแล้ว มองไปทางห้องคุมอานุภาพด้วยสีหน้าดีใจ
—
ตอนนี้นอกห้องคุมอานุภาพมีคนรวมตัวอยู่มากมาย
กระทั่งพวกคนแก่พิกลพิการที่เกษียณอายุไปแล้ว ยังถูกลูกหลานประคองตามเข้ามา
ผู้แก่ผู้เฒ่าหลายคนน้ำตานองหน้า ร้องไห้ด้วยความดีใจ “สวรรค์ช่างเมตตา! มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของเรามีปรมาจารย์ใหญ่หกคนแล้ว!”
“ก่อตั้งมาหกสิบเอ็ดปี มีปรมาจารย์คนหกแล้ว อาจารย์ คุณเห็นหรือเปล่า?”
“ภายในเวลาหนึ่งปีมีปรมาจารย์ใหญ่สามคน!”
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไร้คู่ต่อสู้!”
“…”
ชั่วพริบตานี้พวกผู้เฒ่าต่างหักห้ามใจไม่ไหว ร้องไห้ด้วยความดีใจ
เทียบกับหลู่เฟิ่งโหรวทะลวงด่านแล้ว พวกเขาซาบซึ้งและดีใจกับการทะลวงด่านของถังเฟิงมากกว่า
หลู่เฟิ่งโหรวค่อนข้างมีใจเห็นแก่ตัว ไม่ได้มีความคิดเพื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เท่าไหร่ แต่ถังเฟิงไม่เหมือนกัน ถังเฟิงเป็นมือหนึ่งในการบ่มเพาะลูกศิษย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
แม้ว่าอาจารย์ของเขาจะไม่ใช่อธิการคนก่อน แต่ก็เป็นพวกอาจารย์กลุ่มแรกที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขึ้นมา
จากช่วงวัยรุ่นจนถึงตอนนี้ เวลาครึ่งชีวิตของถังเฟิงแทบจะหมดไปกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ไม่นานก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างคาดหวังว่าถังเฟิงจะเป็นยอดฝีมือที่จะเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์หลังจากหวงจิ่ง
การทะลวงด่านของหลี่ฉางซิงและหลู่เฟิ่งโหรว อันที่จริงต่างอยู่เหนือความคาดหมาย
—
กลางอากาศห้องคุมอานุภาพ
เวลานี้อบอวลไปด้วยแสงสีแดงฉานราวกับเลือด สะพานฟ้าดินยืดตรงขึ้นมาในชั่วพริบตา สะพานฟ้าดินเส้นหนึ่งพุ่งสู่ฟ้าทะลวงแหวกผ่านความว่างเปล่า
ประตูซานเจียวสามบานร่อนลงมารวดเร็วอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
เดิมทีฟางผิงคิดว่าการปรากฏพลังจิตใจของถังเฟิงจะเป็นหมัดของเขา ไม่ก็อาวุธอย่างสนับมือมวย
ยังไงถังเฟิงก็มีฉายา ‘ราชสีห์คลั่ง’ หมัดเหล็กสั่นสะเทือนใต้หล้า ถูกจัดอันดับอยู่ที่หกของขั้นหก นอกจากยอดฝีมือระดับอาวุโสที่พลังจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่งแล้ว ถังเฟิงเป็นผู้ที่เรียกได้ว่าปรมาจารย์ที่ไร้คู่ต่อสู้อย่างแท้จริง
แต่ตอนที่เห็นการปรากฏพลังจิตใจของถังเฟิง ฟางผิงก็พบว่าตัวเองเดาผิด!
“โฮก!”
เสียงคำรามอย่างทรงพลังดังขึ้น!
สิงโตสีทองอร่ามตัวหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ!
ฟางผิงมองด้วยใบหน้าตกตะลึง!
“หัวสิงโต…นี่จะพิสูจน์ถึงฉายาตัวเองหรือไง!”
พวกตาเฒ่าหลี่ต่างก็มาถึงแล้ว เห็นฉากนี้ ตาเฒ่าหลี่อึ้งไปเช่นกัน แม่งเหอะ เกิดอะไรขึ้นกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้?
หลู่เฟิ่งโหรวปรากฏเป็นนกเฟิ่งหวง ทำไมถังเฟิงก็ออกมาเป็นสิงโตอีกคน?
หรือตอนนี้พวกสิงสาราสัตว์กำลังเป็นที่นิยมกัน?
“โฮก!”
กลางอากาศสิงโตสีทองยังกำลังแผดเสียงคำราม ในตอนนี้หลู่เฟิ่งโหรวก็ทะยานผ่านอากาศเข้ามา โยนสนับมือมวยของเจิ้งหนานฉีไปในอากาศ เอ่ยเสียงดังว่า “หลอมสนับกระหายเลือดของนายซะ ฉันจะช่วยอีกแรง!”
ราชสีห์คลั่งสีทองนั้นราวกับมีชีวิตขึ้นมา ใช้แววตาสีแดงมองไปยังหลู่เฟิ่งโหรว
เขาเพิ่งจะทะลวงด่าน นึกไม่ถึงว่าจะมีอาวุธวิเศษปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา?
ไม่อาจคิดอะไรได้มากมาย ตอนนี้พลังจิตใจเพิ่งปรากฏ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะหลอมรวมกับอาวุธวิเศษที่สุด
ครู่ต่อมา ราชสีห์คลั่งสีทองก็กลืนสนับมือมวยที่โยนเข้ามาทันที
หลังจากสักพัก ภายในห้องคุมอานุภาพ หลังคาก็ถูกทะลวง สนับมือมวยสีแดงคู่นั้นถูกดีดออกไป ราชสีห์คลั่งพยายามกลืนเข้าไปอีกครั้ง!
เห็นฉากนี้ ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นบอก ตาเฒ่าหลี่คำรามเสียงดัง กระโดดขึ้นในอากาศใช้พลังปราณอันเข้มข้นจนถึงขีดสุดซัดไปหาร่างราชสีห์คลั่งสีทองทันที
หลู่เฟิ่งโหรวเชื่อมต่อกับพลังฟ้าดินเช่นกัน แตะฝีเท้าในอากาศ ตะโกนเสียงดัง ถ่ายทอดพลังฟ้าดินเข้าไปในร่างราชสีห์คลั่ง
รัฐมนตรีหวังที่อยู่ขั้นแปดร่างทอง สองวันนี้ไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้คนยังอยู่ที่ทำเนียบผู้ว่าเซี่ยงไฮ้
ตอนนี้ทะยานเข้ามาในอากาศ เห็นฉากนี้ก็แววตาสว่างสวาบ ปรากฏพลังฟ้าดินขึ้น ถ่ายทอดไปหาร่างของสิงโตทันที
คนพวกนี้กำลังช่วยถังเฟิงหลอมรวมอาวุธทั้งสองชิ้นเป็นหนึ่งเดียว ให้กลายเป็นอาวุธวิเศษของตัวเองอย่างแท้จริง!
ด้านล่างนั้นหลี่โม่ไม่ได้เข้าร่วม เผยแววตาซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์เพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว ทั้งปรมาจารย์คนนี้ก็แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด
พลังจิตใจปรากฏ ราชสีห์คลั่งสีทองก็เผยความเป็นมนุษย์อย่างยิ่ง หลู่เฟิ่งโหรวกระทั่งมั่นใจว่าการปรากฏของพลังจิตใจจะสามารถหลอมอาวุธวิเศษได้ อันที่จริงนี่หมายถึงหลายสิ่ง
อาวุธวิเศษไม่ใช่คิดจะหลอมก็หลอมได้
ตอนนี้สามปรมาจารย์ใหญ่ลงมือช่วยถังเฟิงหลอมอาวุธวิเศษให้กลายเป็นของตัวเอง หากหลอมสำเร็จ ปรมาจารย์ใหม่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คนนี้ เกรงว่าพลังต่อสู้จะพัฒนาพุ่งพรวดขึ้นช่วงใหญ่แล้ว!
กลางอากาศราชสีห์คลั่งสีทองแผดเสียงร้องไม่หยุดหย่อน!
ภายในร่างกาย สนับมือมวยสองคู่กำลังปะทะอยู่ตลอด เสียงดังสะท้านฟ้า
ข้างล่างนั้นพวกอาจารย์และนักศึกษาต่างรวบรวมสมาธิอยู่ในความสงบ
แม้ว่าหลายคนจะไม่เข้าใจ แต่พวกเขาก็รู้ว่าตอนนี้เหมือนจะเป็นช่วงเวลาครั้งสำคัญ!
ปรมาจารย์ใหญ่หลายคนกำลังช่วยเหลือ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
แต่ยังคงมีคนเข้าใจ หลัวอี้ชวนเห็นฟางผิงเงยหน้ามอง สีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ้าง กระซิบว่า “ไม่เป็นไร ปรมาจารย์สามคนลงมือ รวมถึงถังเฟิงเองก็ฝีมือแข็งแกร่ง สนับกระหายเลือดอยู่คู่กายเขามาหลายปี อีกไม่นานก็จะหลอมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว! หาก…หากสามารถย้ายแกนหัวใจของอาวุธวิเศษมาอยู่ในสนับกระหายเลือดได้ อาวุธวิเศษที่หลอมขึ้นใหม่นั้นก็จะเป็นสนับมือกระหายเลือดของเขาแล้ว สนับมือที่ติดตามเขามาสามสิบปี ถึงเวลานั้นความสามารถของถังเฟิงจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก!”
ถังเฟิงใช้สนับกระหายเลือดมาหลายปีแล้ว เหมือนกับดาบของจางติ้งหนาน
ดาบของจางติ้งหนาน อันที่จริงสามารถหลอมเป็นอาวุธวิเศษได้เหมือนกัน น่าเสียดายที่จางติ้งหนานรวบรวมวัตถุดิบได้ไม่เพียงพอ ทำได้แค่เลิกล้มไป
ทั้งจางติ้งหนานยังกลัวว่าสุดท้ายจะเป็นการทำลายดาบตั้งโค่ว ดังนั้นเลยมอบให้ฟางผิงแทน
ตอนนี้ถังเฟิงกำลังใช้อาวุธวิเศษหลอมรวมกับสนับกระหายเลือด ส่วนสุดท้ายสนับกระหายเลือดจะหลอมรวมเข้าไปในอาวุธวิเศษหรือสนับกระหายเลือดจะกลายเป็นอาวุธเศษ จุดนี้ยังยากที่จะคาดเดา
ด้านข้างนั้นเจิ้งหนานฉีสีหน้าเผยความซับซ้อนอยู่บ้าง
อาวุธวิเศษของตัวเองถูกคนอื่นหลอมรวมซะแล้ว ต้องรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา
แต่ว่าไม่นานเจิ้งหนานฉีก็ถอนหายใจเบาๆ อาวุธวิเศษอยู่ในมือพวกเขาราวกับไข่มุกที่มีฝุ่นปกคลุม บางทีอยู่ในมือของยอดฝีมือที่ก้าวผ่านกองซากศพเป็นภูเขาพวกนี้ถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด!
สนับมืออาวุธวิเศษตกอยู่ในมือของยอดฝีมืออย่างถังเฟิงถึงจะนับว่าไม่ถูกหยามเกียรติ
ถ้าร่วงสู่มือของฉินเฟิ่งชิง…นั่นถึงจะรู้สึกไม่ยุติธรรม ถูกเหยียดหยาม
คล้อยหลังจากเสียงคำรามของราชสีห์คลั่ง สนับมือปะทะกัน การเคลื่อนไหวก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
กลางอากาศของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ปรากฏเงากลุ่มคนขึ้นอีกครั้ง เห็นสถานการณ์นี้ก็มีคนหัวเราะว่า “พวกเราช่วยเพิ่มดอกไม้ในผ้าทอลาย[1] ยินดีกับสหายถังสักหน่อยเถอะ!”
สิ้นเสียงนั้นพลังฟ้าดินหลายสายก็พุ่งเข้าสู่ร่างของราชสีห์คลั่ง
“ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ!”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะเสียงดัง วันนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ให้กำเนิดยอดฝีมือขั้นเจ็ดอีกคนแล้ว!
คล้อยหลังจากที่ทุกคนทยอยลงมือช่วยเหลือ ครู่ต่อมาราชสีห์คลั่งสีทองก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดงในชั่วพริบตา
หลังจากนั้นสักพัก สนับมือมวยสีแดงระยิบระยับก็ปรากฏอยู่ข้างบนสิงโต
ครู่ต่อมาเงาร่างหนึ่งก็ทะลวงผ่านอากาศ ถังเฟิงเผยความดุดันและบ้าคลั่ง คว้าสนับมือคู่นั้นก่อนสนับมือจะสวมลงไปในมือเขาทันที ถังเฟิงดีใจอย่างห้ามไม่อยู่ ชกขึ้นฟ้าออกไปหนึ่งหมัด!
เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ!
หมัดหนึ่งระเบิดออกไป ข้างล่างนั้นหลายคนถอยไปข้างหลังอย่างโซซัดโซเซ ควันหลงกระจายไปวงกว้าง แผ่นดินปริแยกออกจากกัน!
—————–
[1]เพิ่มดอกไม้ในผ้าทอลาย อุปมาว่าช่วยส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น