ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 47 แฟนคลับที่คลั่งไคล้พี่หม่า
ตอนที่ 47 แฟนคลับที่คลั่งไคล้พี่หม่า
กวนหูหยวน
ห้อง 2601
ฟางผิงถอนเสื้อท่อนบนออก พึมพำอย่างเบื่อหน่ายอยู่บ้าง “อยากรู้จริงๆ ว่าคนอื่นเขาฝึกวิชาในสภาพไหนกัน”
ทุกครั้งที่ฝึก (เคล็ดหลอมกระดูก) ฟางผิงมักจะเปลือยท่อนบน อย่างแรกเพื่อที่จะสำรวจการบีบอัดของปราณได้ อย่างที่สองคือทุกครั้งที่ฝึกวิชา จะมีเลือดเสียถูกขับออกมาส่วนหนึ่ง ไม่ได้เหมือนกับการฉี่ แต่ถูกขับออกมาผ่านรูขุมขน มาคิดดูแล้ว ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องถอดอะไร แค่เตรียมเสื้อผ้าเผื่อไว้หน่อยก็เพียงพอแล้ว
“คงจะมีคนเปลือยท่อนบนตอนฝึกวิชา เพื่อจะได้ไม่เปลี่ยนตลอดเวลาเหมือนกันนั่นแหละ!”
ฟางผิงสรุปความเห็น คิดว่าต้องทำความเข้าใจลึกซึ้งกับเรื่องนี้เสียหน่อย
แต่เมื่อคิดดีๆ แล้ว เขาก็เบะปากขำ โยนเรื่องไร้สาระพวกนี้ทิ้งไป
—
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
ฟางผิงปล่อยใจให้ว่าง เริ่มนั่งคล้ายท่าควบม้า เข้าสู่สภาวะจวงกง
“ฝึกจวงกงผสานกับ (เคล็ดหลอมกระดูก) จวงกงจะสั่นสะเทือนกระดูกและปราณ ทำให้ปราณหลอมกระดูกและเส้นเลือดอย่างรวดเร็ว”
“รวมกับการหลอมกระดูกแล้ว จะทำให้ปราณสิ้นเปลืองยิ่งกว่าเก่า โดยปกติจะหลอมกระดูกแขนขาข้างหนึ่งเป็นอันดับแรก”
“คนทั่วไปหากปราณไม่เพียงพอ แม้จะมีขีดจำกัดอยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบแคล ก็ไม่อาจหลอมกระดูกทั้งร่างเสร็จสิ้นในครั้งเดียวเช่นกัน”
ขณะที่เข้าสู่สภาวะจวงกง ฟางผิงก็หวนนึกถึงคำแนะนำของหวังจินหยางทั้งจากในหนังสือ
ฝึกทั้งสองอย่างรวมกัน จะสิ้นเปลืองปราณเป็นจำนวนมาก
ตอนที่พลังปราณยังไม่สูง ปกติเมื่อฝึกร่วมกับการหลอมกระดูก จะหลอมเพียงแขนขาส่วนเดียวก่อน
ถึงจะมีปราณเกินหนึ่งร้อยสี่สิบแคล ฝึกครั้งเดียว อย่างมากก็ได้แค่หลอมกระดูกแขนและขาเท่านั้น
อยากจะหลอมกระดูกทั่วร่างกายในครั้งเดียว แม้จะฝึกไปด้วย กินยาบำรุงไปด้วย ร่างกายก็ซึมซับเร็วเท่าการเสียไปไม่ได้อยู่ดี
“แต่ฉันไม่ใช่คนทั่วไป!”
ฟางผิงเผยใบหน้าหยิ่งผยองที่ให้ความรู้สึกว่า ‘ฉันคืออัจฉริยะ’
คนอื่นกินยาบำรุงไม่ทัน แต่เขาไม่กินยา เขาใช้ทรัพย์สินแลกมาต่างหาก!
ทรัพย์สินพวกนี้ทำให้เขาสามารถฟื้นฟูปราณและจิตใจในเวลาอันรวดเร็ว
ดังนั้นการฝึกร่วมกันครั้งนี้ คนอื่นหลอมได้ส่วนเดียว แต่ฟางผิงตัดสินใจแล้วว่าจะหลอมทั้งร่างในครั้งเดียว!
“เอาละ! มาดูผลหลอมกระดูกทั้งร่างครั้งแรกของฉันกันเถอะ!”
ฟางผิงคิดว่าวันนี้เขามีพลังล้นเหลืออย่างมาก ต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ
จากที่เขายืนอย่างมั่นคง พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
กล้ามเนื้อและกระดูกทั้งร่างของฟางผิงเริ่มสั่นสะเทือนเบาๆ
ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย!
ตอนนี้อาจเห็นว่าฟางผิงยืนในท่าจวงกงอย่างสงบนิ่ง
แต่เมื่อลองแตะร่างเขาดู ก็จะรับรู้ถึงการสั่นไหวเล็กน้อย
ขณะอยู่ในท่าจวงกง ฟางผิงก็แบ่งสมาธิเริ่มฝึก (เคล็ดหลอมกระดูก) ไปด้วย
เส้นเลือดแขนข้างซ้ายที่ปกติมองเห็นไม่ชัด พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ นูนขึ้นมาอย่างชัดเจน
—
การบีบอัดของปราณ สะเทือนกระดูกไปถึงผิวชั้นนอกอย่างไม่หยุดหย่อน
สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเส้นเลือดที่แขนซ้ายอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นไม่กี่นาที แขนขวาก็เป็นเหมือนกับแขนซ้าย เส้นเลือดนูนชัดขึ้นมา เคลื่อนไหวราวกับเกลียวคลื่น
ตอนนี้ฟางผิงเหงื่อชื้นหน้าผาก หอบหายใจแรง
การหลอมกระดูกทั้งสองข้างทำให้ปราณของเขาลดลงฮวบฮาบ ฟางผิงรับรู้ถึงความอ่อนล้าได้อย่างชัดเจน
“ฟื้นฟูปราณและจิตใจ!”
เขาท่องในใจ ไม่คิดจะดูว่าเสียทรัพย์สินไปมากน้อยเท่าไหร่
ตอนที่ปราณระลอกหนึ่งเดือดพล่านขึ้นมาจากภายใน ฟางผิงก็เริ่มหลอมกระดูกส่วนอื่นทันที
การหลอมกระดูกทั้งร่าง ใช้พลังงานมากกว่าที่ฟางผิงคาดไว้ซะอีก
ระหว่างการฝึก ฟางผิงต้องฟื้นฟูปราณและจิตใจไปหลายต่อหลายครั้ง
แม้ว่าจะไม่ได้มองตัวเลข เขาก็รู้ว่าการฝึกวิชาครั้งนี้สิ้นเปลืองไม่ใช่น้อยเลย
—
เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม
เมื่อหลอมกะโหลกภายนอกเสร็จสิ้น เขาค่อยผ่อนคลายความตึงเครียด ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“แฮ่กๆ…”
เสียงหอบหายใจดังก้องไปทั่วห้องที่ว่างเปล่า
ตอนนี้ผิวหนังของเขามีคราบเลือดและเหงื่อผสมปนเปจนดูน่ากลัว
ฟางผิงยังไม่คิดจะอาบน้ำ ก่อนหน้านี้เขาผลาญค่าปราณและจิตใจอย่างไม่หยุดหย่อน เขาอยากรู้ว่าตกลงเสียทรัพย์สินไปเท่าไหร่กัน ทั้งเพิ่มขึ้นมามากน้อยเท่าไหร่
ฟางผิงรวบรวมสมาธิมองไปเบื้องหน้า ไม่นานตัวเลขก็ปรากฏออกมา
ทรัพย์สิน : 3,181,000
ปราณ : 122 แคล (133 แคล)
จิตใจ : 144 (154 เฮิรตซ์)
ฟางผิงหางตากระตุก รีบเพิ่มค่าปราณและจิตใจให้ถึงขีดจำกัด
ครู่ต่อมา ค่าปราณและจิตใจของเขาก็เพิ่มขึ้น
ทรัพย์สิน : 3,160,000
ปราณ : 133 แคล
จิตใจ : 154 เฮิรตซ์
การฝึกร่วมกันครั้งเดียวทำให้ขีดจำกัดปราณของฟางผิงเพิ่มขึ้นมาจากเมื่อวานสามแคล ส่วนค่าจิตใจก็เพิ่มขึ้นมาสองแคล
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็สิ้นเปลืองจนน่าตกใจเหมือนกัน!
เมื่อวานหลังจากฟางผิงฝึกจวงกงแล้ว ทรัพย์สินเขาเหลืออยู่ที่สามล้านสองแสนสองหมื่นหยวน
แต่เมื่อกี้ฝึกครั้งเดียว รวมทั้งฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ กลับเสียไปแล้วหกหมื่นหยวน!
“หลอมกระดูกครั้งเดียวแบบลวกๆ เพิ่มขีดกำกัดปราณขึ้นมาสามแคล แต่สิ้นเปลืองทรัพย์สินถึงหกหมื่น”
“ยิ่งค่าปราณใกล้ถึงขีดกำจัดของคนธรรมดา ก็ยิ่งเพิ่มยากขึ้นเท่านั้น ทั้งจะสิ้นเปลืองมากกว่าเดิมด้วย”
“ทรัพย์สินสามล้านกว่านี้ น่าจะพอให้ใช้ฝึกวิชาอีกห้าสิบครั้งเท่านั้น…”
ฟางผิงพูดไม่ออกอยู่บ้าง จากการคาดการณ์ของเขา ประสิทธิภาพในการฝึกครั้งแรกคงจะดีที่สุด
การฝึกหลังจากนี้ ประสิทธิภาพคงจะลดลงแน่ๆ
หมายความว่า หากเขาอยากจะเพิ่มปราณให้ถึงขีดจำกัดคนทั่วไปที่หนึ่งร้อยห้าสิบแคล อย่างน้อยก็ต้องฝึกสิบถึงสิบห้าครั้ง
แต่ทรัพย์สินก็ต้องลดไปเป็นล้านเหมือนกัน
หลังจากปราณแตะที่หนึ่งร้อยห้าสิบแคลแล้ว คิดจะเพิ่มอีกคงจะสิ้นเปลืองมากกว่านี้
ทรัพย์สินกว่าสามล้าน หลังจากเขาทะลวงขั้นหนึ่งแล้ว ก็เป็นไปได้ที่เขาจะใช้จนหมดเกลี้ยง
“นี่สิ้นเปลืองยิ่งกว่าการใช้เงินซื้อยาบำรุงซะอีก!”
ฟางผิงหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่เขาก็เข้าใจได้ สิ่งที่เขาต้องการคือความรวดเร็ว ไม่ใช่อาศัยการฟื้นฟูจากร่างกายตัวเอง
ปราณและจิตใจในร่างกายต่างต้องอาศัยการกินและนอนเพื่อฟื้นฟู
ฟางผิงประหยัดเวลาส่วนนี้ไป สามารถฝึกวิชาอย่างไม่หยุดหย่อน การสิ้นเปลืองต้องเยอะกว่าคนทั่วไปเป็นธรรมดา
ใช้ทรัพย์สินแลกกับเวลา อันที่จริงฟางผิงยังคงพอใจ
แต่เห็นทรัพย์สินลดลงไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เขาจึงรู้สึกปวดใจอยู่บ้างเท่านั้น!
—
แม้จะปวดใจแค่ไหน แต่เวลายังคงเดินต่อไป
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฟางผิงก็รู้สึกปวดใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
ทรัพย์สินลดพรวดพราด แต่การฝึก (เคล็ดหลอมกระดูก) ร่วมกับจวงกงกลับเห็นผลทันตา
การตรวจร่างกายที่กำลังคืบคลานเข้ามา มาพร้อมกับข่าวผู้ว่าจางทะลวงขั้นเจ็ดกระจายเป็นวงกว้าง
นอกจากนั้นยังมีเอกสารฉบับหนึ่งส่งไปที่โรงเรียนแต่ละแห่งอย่างเป็นทางการ
โครงการมอบทุนการศึกษา!
—
ห้องเรียนมัธยมปลายปีสามห้องสี่
ฟางผิงคิดว่า เมื่อโครงการใหม่เผยแพร่ออกมา ทุกคนจะถกเถียงเรื่องนี้ไปทั่วซะอีก
ยังไงเงินทุนการศึกษาก็เป็นล้าน คงมีคนอิจฉาตาร้อนไม่น้อย
แต่วันนี้วันศุกร์แล้ว ตอนที่ฟางผิงไปโรงเรียน กลับไม่เห็นใครพูดถึงเรื่องนี้สักคน
ถึงจะไม่มีคนถกประเด็นเรื่องนี้ แต่ในห้องเรียนนั้นดุเดือดไม่น้อย
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ขนาดอยู่ตั้งไกล แค่มองผ่านวิดีโอฉันก็ตกใจแล้ว!”
“ปรมาจารย์นั้นน่ากลัวจริงๆ! พวกนายเห็นหรือเปล่า? ฝ่ามือเดียวของปรมาจารย์หม่าพังเขาได้เป็นลูก!”
“จางเฮ่า อย่าพล่ามไร้สาระ ฉันดูคลิปแล้ว ถ่ายแทบมองอะไรไม่ออก เห็นแค่พวกก้อนหินระเบิด นายรู้ได้ยังไงว่าปรจารย์หม่าพังเขาได้เป็นลูก?”
“เพ้อเจ้อ ต้องเป็นฝีมือปรมาจารย์หม่าอยู่แล้ว!”
“วันนี้เพนกวินกรุ๊ปประกาศออกมาแล้ว จะบุกตลาดเอเชียอย่างเป็นทางการ ไม่มีคนคัดค้านอะไร แทมต้องแพ้แล้วแน่ๆ!”
“ยังไม่แน่หรอก ไม่มีผลประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ…”
“นายไม่ใช่คนจีนเหรอไง? หรือจะให้เจ้าฝรั่งนั่นชนะแทนปรมาจารย์หม่า?”
“อะไรเนี่ย ฉันยังไม่ได้พูดว่าปรมาจารย์หม่าแพ้เลย แต่แทมก็อยู่ขั้นแปดมาหลายปี…”
“…”
ภายในห้องมีเสียงซุบซิบถกเถียงปะปนกันไปหมด
นอกจากนักเรียนศิลปะการต่อสู้แล้ว พวกนักเรียนสายสังคมก็พากันตื่นเต้นเหมือนกัน
หยางเจี้ยนที่กำลังคุยกับเฉินฝานเห็นฟางผิงเดินเข้ามา จึงเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ฟางผิง นายเห็นคลิปเมื่อวานหรือยัง? เจ๋งสุดๆ ไปเลย! ปรมาจารย์สองคนประมือกัน สั่นสะเทือนไปทั้งเขา หมัดเดียวทะลวงดินน้ำ ปรมาจารย์ไร้เทียบเทียมจริงๆ!”
ดูท่าในอนาคตเจ้าหนวดนี่จะพูดจาสะเปะสะปะยิ่งกว่านี้ ฟางผิงเอ่ยอย่างปวดหัว “ไม่ได้ดู บ้านฉันไม่มีคอม พวกนายกำลังพูดถึงหม่า…การประลองของปรมาจารย์หม่าและแทม?”
“นายไม่ได้ดูจริงๆ ด้วย!”
หยางเจี้ยนแสดงสีหน้าเหมือนกับเขาทำความผิดร้ายแรง “เมื่อวานบนโลกอินเทอร์เน็ตนี่อย่างดุเดือด ปรมาจารย์ขั้นแปดทั้งสองคนประมือกัน ถึงจะไม่มีการประกาศสถานที่อย่างเป็นทางการ แต่ประมาณทุ่มกว่าก็ยังมีนักข่าวลงพื้นที่ไปทำข่าวเอง แน่นอนว่าปรมาจารย์สองคนคงประมือกันในห้องไม่ได้ ปรมาจารย์หม่าและแทมนั้นประลองกันที่ภูเขาแห่งหนึ่งในเมืองเซิ่น! ถึงนักข่าวจะอยู่ไกล ถ่ายไม่เห็นคน แต่ฟังแค่เสียงก็รู้แล้วว่าน่ากลัวขนาดไหน…ทั้งหลังจากเกิดเรื่อง นักข่าวรอจนไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว เข้าไปดูในสถานที่ นายรู้ไหมว่ามันน่ากลัวขนาดไหน พวกเขาสู้กันจนพื้นที่ซึ่งเป็นหินกลายเป็นรูพรุนเหมือนรังต่อ…”
หยางเจี้ยนพูดด้วยเสียงตื่นเต้น กำมือกำหมัดประกอบ ยังทำน้ำลายกระเซ็นจนฟางผิงรีบเบี่ยงตัวหลบ
รอจนเขาสงบลง ฟางผิงจึงรีบถาม “คลิปยังอยู่ในเน็ตหรือเปล่า?”
“มีสิ นายควรไปดูสักหน่อย!”
หยางเจี้ยนเอ่ยต่อ “แค่เสียดายอยู่บ้างที่ไม่เห็นผลแพ้ชนะ แต่ยังไงปรมาจารย์หม่าคงเป็นฝ่ายชนะแน่นอน!”
จางเฮ่าที่อยู่ด้านข้างตะโกนเสียงดัง “ใช่แล้ว!”
ขณะที่ทุกคนกำลังถกกันอย่างร้อนระอุ ด้านนอกห้องก็มีคนเดินเข้ามา เป็นอู๋จื้อหาวที่ไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อกี้
ปกติอู๋จื้อหาวมักจะเผยความเคร่งขรึม แต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าตื่นเต้น
เข้าห้องมาแล้ว พลันกล่าวเสียงดัง “เมื่อกี้อันดับปรมาจารย์ในประเทศมีการปรับเปลี่ยนใหม่แล้ว! ปรมาจารย์หม่าขึ้นมาอยู่ที่หกสิบสี่จากเก้าสิบสอง ข้ามมาตั้งยี่สิบแปดคน! เจ๋งสุดๆ ไปเลย เข้าใกล้อันดับสามสิบแล้ว”
“ทำไมข้ามมาแค่ยี่สิบแปดคน!” มีคนตะโกนขึ้นมาทันที “ปรมาจารย์หม่าเอาชนะแทมได้ ควรจะเข้าใกล้อันดับยี่สิบสิ!”
“หรือเมื่อวานจะแพ้?” มีคนคาดเดา
แน่นอนว่าผู้พิทักษ์พี่หม่าคงไม่ยอม มีคนกล่าวอย่างโมโห “ต้องชนะสิ ไม่งั้นอันดับคงไม่เข้าใกล้สามสิบหรอก”
“…”
ก่อนทุกคนจะถกเถียงอย่างน้ำไหลไฟดับ ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง
แม้เขาจะเคยเห็นความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ ทั้งกำลังฝึกวิชาด้วยตัวเอง
แต่คนพวกนี้เทิดทูนพี่หม่าอย่างบ้าคลั่ง เอาแต่อวดว่าพี่หม่าหมัดเดียวโค่นภูเขาได้ นี่ทำให้ฟางผิงรู้สึกขัดแย้งในใจอยู่บ้าง
ได้ยินว่าพวกเขาสู้กันอย่างดุเดือด เขาจึงคาดหวังไม่น้อย
ตอนกลางวันต้องไปร้านอินเทอร์เน็ตสักหน่อย ดูว่าปรมาจารย์พวกนี้แข็งแกร่งแค่ไหนกัน
แม้จะได้ยินจากคนอื่นว่า ถ่ายไม่เห็นคน เห็นแต่สถานที่ เขาก็ยังคาดเดาในใจได้
ตอนนี้ฟางผิงยังไม่เคยเห็นพลังทำลายล้างของผู้ฝึกยุทธ์มาก่อน
ส่วนเรื่องผู้ว่าจางทะลวงขั้นเจ็ด และโครงการใหม่ที่ออกมา ในเวลานี้ทำได้เพียงต้องถอยออกไปก่อน
————————