ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 470 ทุกคนกลับมาแล้ว (1)
ตอนที่ 470 ทุกคนกลับมาแล้ว (1)
………………..
ถังเฟิงเพิ่งจะทะลวงด่าน มีเรื่องราวให้จัดการไม่น้อย
สำหรับพวกหลี่โม่ ถังเฟิงไม่คุ้นเคย ทักทายเป็นพิธีแล้ว หลี่โม่ก็รู้กาละเทศะเป็นอย่างดี พาพวกหลี่เฟยออกไปทันที
พวกหลี่โม่เพิ่งจะไป ถังเหวินที่ทำหน้าดีใจก็อดเอ่ยอย่างเบิกบานไม่ได้ “พ่อ พ่อทะลวงด่านแล้ว…”
ระหว่างที่พูด จู่ๆ ถังเหวินก็มองไปทางฟางผิง เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ประธาน พ่อฉันทะลวงด่านแล้ว…”
ฟางผิงมองเธอแวบหนึ่ง ใช่แล้ว ฉันไม่ได้ตาบอดสักหน่อย!
“มะ…ไม่มีรางวัลเหมือนครั้งที่แล้วหรือไง?”
ถังเหวินพูดด้วยความหวั่นเกรงเล็กน้อย แม้พ่อเธอจะทะลวงด่านแล้ว แต่ปกติฟางผิงไม่ได้จัดการกับเธอตรงๆ เทียบกับรุ่นพี่ฉินคนถ่อยนั่น ถังเหวินกลัวฟางผิงมากกว่า
ฟางผิงสีหน้าดูไม่ได้ เด็กคนนี้จะเหิมเกริมไปแล้ว!
ครั้งก่อนฉันให้ไปสองแสนคะแนน รู้หรือเปล่าว่าเป็นเงินเท่าไหร่!
แม้จะคิดแบบนั้น ฟางผิงกลับกระแอมไอเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ทรัพยากรของมหาวิทยาลัยค่อนข้างติดขัด รายรับไม่พอรายจ่าย ผ่านไปเป็นวันๆ อย่างยากลำบาก ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ดพวกเราก็ต้องประหยัดใช้เหมือนกัน จะสิ้นเปลืองไม่ได้ เดือนหน้ามหาวิทยาลัยคงจนจริงๆ แล้ว ก็ไม่รู้ว่ากระทรวงศึกษาจะสามารถสนับสนุนให้อีกหน่อยได้หรือเปล่า…”
ด้านข้าง รัฐมนตรีหวังที่ยังไม่ได้ไปไหนกำลังนวดขมับ อดหัวเราะไม่ได้อยู่บ้าง “ฉันขอตัวก่อนละกัน อีกอย่าง…ครั้งหน้าพูดว่าจนอีก ฉันจะริบอาวุธวิเศษของพวกเธอซะ”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ เหล่าหวังก็ทะยานขึ้นอากาศไปอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงเจ้าเด็กนี้ยังมีหน้ามาพูดว่าจนกับเขา!
เขาแทบคิดจะปล้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ด้วยซ้ำ!
จวบจนรัฐมนตรีหวังไปแล้ว คนที่เหลือก็มีแค่คนกันเอง
เวลานี้ถังเฟิงจึงเอ่ยว่า “อาวุธวิเศษเป็นมายังไงกันแน่?”
ฟางผิงเพิ่งอยากจะพูด ตาเฒ่าหลี่กลับเอ่ยขึ้นก่อน “ฟางผิงเจ้าเด็กนี้หลอกมา…”
“อาจารย์!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง เอ่ยแก้ว่า “ชนะการแข่งขันมา!”
ดูพูดเข้า เรียกว่าหลอกได้ที่ไหนกัน?
ถังเฟิงแปลกใจอยู่บ้าง ถามอีกหลายประโยค
ตาเฒ่าหลี่จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงนี้ให้ฟังอีกครั้ง ฟังเรื่องพวกนี้แล้ว ถังเฟิงก็มองฟางผิง ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “อาวุธวิเศษถูกฉันหลอมรวมเข้าไปแล้ว คงจะคืนให้ไม่ได้ รอตอนไหนเธอต้องการ ฉันจะช่วยล่าสัตว์ปีศาจตัวหนึ่งให้ละกัน”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยหยอกว่า “อย่าไปสัญญาส่งเดช เจ้าเด็กนี้อาจไม่ชอบอาวุธวิเศษขั้นเจ็ดเสมอไป หากหมายตาขั้นเก้าขึ้นมา นายมั่นใจนะว่าจะไปล่ามาได้?”
ถังเฟิงชะงักฝีเท้าทันที พูดเหมือนจะมีเหตุผล
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน หลู่เฟิ่งโหรวและถังเฟิงที่เดินตามกันมาก็มองไปยังทางเดินใต้ดินที่อยู่ไม่ไกล
ตาเฒ่าหลี่กลับช้าไปหนึ่งก้าว รอจนพบว่าตัวเองหันไปมองพร้อมฟางผิง ตาเฒ่าหลี่ก็เผยหน้าดำเป็นก้นหม้อ!
ขายหน้าชะมัด!
ขายหน้าเกินไปแล้ว!
ขายหน้าจนไม่รู้จะขายหน้ายังไงแล้ว!
เขาที่เรียกได้ว่าขั้นแปด เทียบกับขั้นเจ็ดสองคนนั้นไม่ได้ก็แล้วไป นึกไม่ถึงว่าเขาจะพบความเคลื่อนไหวพร้อมกับฟางผิง นี่แทบจะไม่มีแผ่นดินให้มุดหนีแล้ว
ฟางผิงกลั้นขำ พยายามไม่หัวเราะออกมา สำลักไอว่า “นี่คือ…พวกอธิการกลับมาแล้ว!”
หลู่เฟิ่งโหรวพยักหน้าเบาๆ ถังเฟิงเอ่ยอย่างโล่งใจเช่นกัน “เป็นพวกเขา!”
ด้านข้างตาเฒ่าหลี่หน้าดำคล้ำไม่พูดไม่จา!
นับวันก็ยิ่งไม่มีตำแหน่งหน้าตา ไร้ตัวตนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์นิดเดียวยังพอว่า ตอนนี้มีเยอะแล้ว เขาพบว่าตัวเองแทบจะกลายเป็นเรื่องตลกแล้ว
“ต้องรีบทำให้พลังจิตใจปรากฏให้ได้!”
ในเวลาเดียวกัน
กลางทางเดิน
อู๋ขุยซานเผยสีหน้าแปลกออกไป “เฟิ่งโหรวและถังเฟิงทะลวงด่านแล้ว?”
หวงจิ่งพยักหน้า เอ่ยด้วยท่าทีตกตะลึง “จะเร็วเกินไปแล้ว!”
ครั้งนี้พวกเขาไปถ้ำใต้ดิน ไม่ได้รั้งตัวอยู่นานเหมือนกัน ประมาณครึ่งเดือนเท่านั้น
แต่เวลาเล็กน้อยแค่นี้ นึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะทะลวงด่านแล้ว
อู๋ขุยซานพูดต่อว่า “ในมหาวิทยาลัยยังมีร่างทองขั้นแปดอีกคน…ลมหายใจไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง มาจากไหนกัน?”
“ร่างทองขั้นแปด? มหาวิทยาลัยเกิดเรื่องแล้ว?”
หวงจิ่งตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด อู๋ขุยซานส่ายหัวเล็กน้อย “น่าจะไม่ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกฉางซิงก็อยู่ในมหาวิทยาลัยเหมือนกัน อีกอย่างตอนนี้พวกเรากลับมาแล้ว ขั้นแปดนี่…ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ไม่ใช้อาวุธวิเศษก็ซัดเขาตายได้อยู่ดี”
อู๋ขุยซานพูดถึงขนาดนี้แล้ว หวงจิ่งและหลิวพั่วหลู่เหมือนจะไม่เห็นต่างเช่นกัน
ในเมื่ออู๋ขุยซานบอกว่าซัดอีกฝ่ายตายได้ งั้นปัญหาคงไม่ใหญ่แล้ว
สามารถซัดไอ้เวรนั่นให้ตายได้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจอีกแล้ว
—
ในตอนที่พวกอู๋ขุยซานออกมาจากทางเดิน หลี่โม่กำลังจะพาพวกหลี่เฟยไปยังที่พักที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จัดเตรียมให้พอดี
เดินอยู่สักพัก หลี่โม่ก็หันไปมองเขตทางใต้แวบหนึ่ง
ผ่านไปพักหนึ่ง หลี่โม่จึงเอ่ยว่า “เดี๋ยวไปบอกลากันสักหน่อย พวกเราจะกลับเมืองเจิ้นซิงเลย”
“คุณปู่หลี่ นี่จะไปแล้วเหรอครับ?”
หลี่โม่ไม่พูดมาก ก่อนหน้านี้อยู่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เขายังคิดว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ได้
ตอนนี้ยอดฝีมือเยอะขึ้นเรื่อยๆ อธิการของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็เหมือนจะกลับมาแล้ว มีแรงกดดันอยู่บ้าง ฉวยโอกาสรีบออกไปเร็วๆ ดีกว่า
ไม่นับความสามารถขั้นสุดยอดพวกนี้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แห่งเดียว น่าจะเทียบได้กับหนึ่งในสิบสามตระกูลของพวกเขา อีกทั้งอาจจะ…แข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง
หลี่โม่ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจ ก่อนจะนึกถึงก่อนหน้านี้ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปิดกว้างสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้เหล่านั้นกับพวกเขา
“กลับไปคงต้องส่งข้อมูลบางอย่างเข้ามาหน่อยแล้ว”
มีความสามารถถึงจะคู่ควรให้ความนับถือ
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ฝีมือไม่อ่อนด้อย มีใจคิดสานสัมพันธ์กับเมืองเจิ้นซิง งั้นก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธคนจากที่เดินทางจากแดนไกลแล้ว
ส่วนเรื่องทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกัน เมืองเจิ้นซิงจะเปิดกว้างต่อภายนอกหรือเปล่า เรื่องนี้ยังต้องถามความเห็นของพวกผู้อาวุโส
—
ปากทางเดินมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ไม่นานพวกอู๋ขุยซานทั้งสามคนก็เดินออกมา
รอเห็นหลู่เฟิ่งโหรว อู๋ขุยซานก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา พยักหน้าว่า “ทะลวงด่านแล้ว”
“อืม”
“เร็วกว่าที่ฉันคาดไว้ซะอีก”
อู๋ขุยซานไม่พูดมากเช่นกัน มองไปทางถังเฟิงต่อ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วย!”
ถังเฟิงคลี่ยิ้มว่า “อธิการอย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย ครั้งนี้ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ไม่เป็นไรสินะ?”
“ดีขึ้นหน่อยแล้ว”
อู๋ขุยซานหัวเราะ มองไปทางฟางผิง เอ่ยปากว่า “ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ได้มาเมืองความหวัง มีการปะทะกันที่เมืองเทียนเหมินครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เมืองเทียนเหมินเกือบถูกทำลายสิ้นซากแล้ว ภายหลังทั้งสองฝ่ายเหมือนจะเจรจาลงตัว บรรลุข้อตกลงร่วมกัน สัตว์ปีศาจจึงถอนตัวกลับพื้นที่หวงห้าม…”
ระหว่างที่พูด อู๋ขุยซานยังเอ่ยอย่างแปลกๆ อยู่บ้าง “ไอ้หนู ครั้งหน้าเข้าถ้ำใต้ดินระวังหน่อยเถอะ”
“ทำไมเหรอครับ?” ฟางผิงสงสัยอยู่บ้าง ไม่ใช่จบแล้วหรือไง?
หวงจิ่งมองเขาด้วยแววตาแปลกออกไปเช่นกัน ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ไม่กี่วันก่อน…จู่ๆ เจี่ยวตัวนั้นก็มาเมืองความหวัง…ใช้พลังจิตใจปรากฏเงาร่างหนึ่ง น่าจะเป็นเธอ มันกำลังตามหาเธอ…ส่วนเพื่ออะไร ไม่แน่ใจ แต่ทางพวกเรามีผู้อำนวยการหนานอยู่ เจี่ยวไม่ได้รั้งตัวอยู่นาน น่าจะเพราะสัมผัสถึงเธอไม่ได้เลยออกไป แต่ฉันคิดว่ามันคงไม่ลืมเธอแน่ ระวังตัวหน่อยแล้วกัน”
ฟางผิงใบหน้าเขียวคล้ำแล้ว!
ต้องทำถึงขนาดนี้เลย?
นึกไม่ถึงว่าเจี่ยวจะไปตามหาเขาที่เมืองความหวัง เจ้าหมอนี้คิดจะทำอะไร?
สิ่งที่ฟางผิงไม่รู้คือเจี่ยวมาหาเขาเพราะมีเรื่องสำคัญ
เมืองเทียนเหมินจะอพยพแล้ว!
ทั้งยังจะเคลื่อนย้ายแหล่งแร่!
เจี่ยวร้อนใจอยู่บ้าง อยากจะขอความร่วมมือกับฟางผิง ดูว่าพอจะช่วงชิงแหล่งแร่ขนาดใหญ่ของเมืองเทียนเหมินได้หรือเปล่า
ผลปรากฏว่าหาฟางผิงไม่เจอ เจี่ยวผิดหวังอย่างมาก
ในความคิดของเจี่ยว พ่อครัวฝีมืออาจไม่เท่าไหร่ แต่เหมือนจะมีความสามารถในการขโมยของอยู่บ้าง มันยังอยากตามฟางผิงมาช่วยกันสักหน่อย น่าเสียดายที่คนไม่อยู่
เจี่ยวคิดยังไง ฟางผิงไม่กระจ่างใจ ตอนนี้ฟางผิงทำสีหน้ากลัดกลุ้ม เอ่ยอย่างจนใจว่า “มันยังจับตามองผม?”
หวงจิ่งหัวเราะว่า “อย่างมากก็ไม่ต้องไปถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้อีก หรือมันยังจะบุกขึ้นมาหาเธอถึงพื้นโลกได้?”
ฟางผิงละล่ำละลักว่า “คุณอย่าพูดแบบนี้สิครับ ถ้าวันไหนมันหนีขึ้นมาบนโลกจริงๆ ผมยังไม่รู้จะร้องไห้ยังไงเลย ครั้งหน้าอธิการเจอ จัดการมันทิ้งก็จบแล้ว”
อู๋ขุยซานส่ายหัวว่า “อย่าคิดเลย เจี่ยวตัวนี้เป็นสัตว์ปีศาจของป่าร้อยอสูร ตอนนี้เมืองความหวังแทบไม่อยากจะบาดหมางอะไรกับป่าร้อยอสูร อย่าพูดว่าฆ่าเจี่ยวตัวนี้เลย หากเจอจริงๆ หลบหลีกจะดีที่สุด ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่อง”
เจี่ยวก็มีที่พึ่งเช่นกัน
ครั้งนี้ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้วุ่นวายจนเป็นสภาพนี้ก็เพราะเจี่ยวทำเรื่องงามหน้าไว้
——————-