ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 470-2 ทุกคนกลับมาแล้ว (2)
ตอนที่ 470 ทุกคนกลับมาแล้ว (2)
………………..
ฟางผิงกลัดกลุ้มขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ตอนนี้ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้สงบแล้วเหรอครับ?”
“อืม ผู้อำนวยการหนานและผู้บังคับการจางยังเฝ้าระวังอีกหลายวัน พวกเราไม่เป็นไรแล้ว อีกอย่างผู้ฝึกยุทธ์ของเมืองเยาขุยก็เริ่มออกมาเคลื่อนไหวเหมือนกัน ข่าวสารของพวกเขาฉับไวกว่าพวกเรา น่าจะนับว่าสงบแล้ว”
“ไม่ได้ต่อสู้กัน…”
ฟางผิงเสียดายอยู่บ้าง นี่หากสู้กันขึ้นมา มียอดฝีมือขั้นเก้าตายไปบางส่วนถึงจะเป็นเรื่องดี
น่าเสียดาย สัตว์ปีศาจมีสติปัญญามากกว่าที่เขาคิดไว้อยู่บ้าง
อู๋ขุยซานเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม้จะไม่ได้สู้กันขึ้นมา แต่ครั้งนี้เธอนับว่าทำผลงานแล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายยังทำสงครามกัน ครั้งนี้เมืองเทียนเหมินจะอพยพแล้วจริงๆ แถมน่าจะไม่นานนี้ หากไม่เหนือความคาดหมาย อย่างมากสี่ห้าเดือน เมืองเทียนเหมินจะอพยพจากที่เดิมแล้ว นี่หมายความว่าแนวต้านของเมืองความหวังสามารถขยายออกไปข้างหน้ากว่าร้อยลี้! ก่อนหน้านี้ทั้งสองเมืองอยู่ใกล้กันเกินไป แม้ว่าครั้งก่อนจะบีบเค้นให้เมืองเทียนเหมินเหมือนจะมีแนวโน้มอพยพ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เมืองเทียนเหมินอพยพอย่างเป็นทางการอยู่เรื่อยมา ตอนนี้อีกฝ่ายออกไปแล้ว งั้นพื้นที่ปฏิบัติการของพวกเราก็มากขึ้นแล้ว”
ด้านข้าง จู่ๆ หลู่เฟิ่งโหรวก็เอ่ยว่า “ไอ้เดรัจฉานนั่นจะไปแล้วงั้นเหรอ?”
อู๋ขุยซานเผยแววตาซับซ้อน ไม่นานก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปก็ไปเถอะ เห็นบ่อยจนขัดหูขัดตา ครั้งนี้เขาไม่ได้ราบรื่นอะไร ตอนแรกก็เผยอาวุธวิเศษออกมา จากนั้นระหว่างสงครามใหญ่ถูกสัตว์ปีศาจสามตัวล้อมโจมตีเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากไม่ใช่ว่าคนของเขตหวงห้ามสอดมือคงถูกฆ่าไปแล้ว ไปได้ก็ดี…”
“สัตว์ปีศาจสามตัวยังฆ่าเขาไม่ได้อีก?” สีหน้าของหลู่เฟิ่งโหรวดูไม่ได้อย่างยิ่ง
อู๋ขุยซานเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “เขามีอาวุธวิเศษขั้นเก้าในมือ อาวุธวิเศษขั้นเก้าอย่างแท้จริงรวมกับความสามารถขั้นเก้าตอนกลางอย่างเขา ฝีมือแทบเทียบได้กับขั้นเก้าตอนปลาย อยากจะฆ่าเขา อย่างน้อยต้องเป็นยอดฝีมือขั้นเก้าตอนปลายลงมือหรือไม่ก็ยอดฝีมือตอนกลางที่มีอาวุธวิเศษขั้นเก้า”
ตอนนี้แม้เขาจะทะลวงถึงขั้นเก้า มีอาวุธวิเศษในมือ เกรงว่าคงฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี ผลการรบเสมอกันก็นับว่าโชคดีแล้ว
หากเขาคิดจะฆ่าเจ้าเมืองเทียนเหมินจริงๆ อย่างน้อยต้องทะลวงถึงขั้นเก้าตอนกลาง จากนั้นเลื่อนระดับอาวุธวิเศษเป็นขั้นเก้าอย่างเป็นทางการ เวลานั้นจะถือว่าทั้งสองฝ่ายเท่ากันแล้ว
แต่นี่ยังต้องการเวลา เขาไม่รู้ว่าปีไหนเดือนไหนถึงจะมีโอกาสนี้ได้
เห็นทั้งสองคนพูดตึงเครียดขึ้นมาอยู่บ้าง หวงจิ่งก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เอาเถอะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้เลย สัตว์ปีศาจของฉันล่ะ? ฉันอยู่ที่เมืองความหวังเอาแต่พะวงอยู่ตลอดเวลา…”
เขายังไม่ทันพูดจบ ตาเฒ่าหลี่ก็ยื่นเท้าออกมา เอะอะเสียงดังว่า “รองเท้าห่วยแตกอะไรเนี่ย!”
ตอนแรกหวงจิ่งยังไม่ทันสังเกต อู๋ขุยซานกลับมองไปแวบหนึ่ง ผ่านไปสักพักจึงอดไม่ไหว กระแอมไอเบาๆ “อาวุธวิเศษ?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยเสียงดังว่า “ใช่แล้ว ในคลังสินค้ายังมีกระบี่อีกเล่ม ผู้เฒ่าหลิว เดี๋ยวคุณไปเอามาซะสิ”
ด้านข้างนั้นฟางผิงเผยสีหน้าขมขื่น นี่มันประโยคที่ฉันอยากจะพูด ฉันกำลังเตรียมจะพูดเถอะ!
ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่แย่งพูดเป็นซะแล้ว! ฉวยโอกาสที่ตาเฒ่าหลี่ยังไม่พูดต่อ ฟางผิงจึงเอ่ยทันที “อธิการ อาจารย์หลู่และอาจารย์ถังต่างมีอาวุธวิเศษแล้ว ผู้เฒ่าหลิวผมก็เตรียมให้แล้วเหมือนกัน ส่วนอาจารย์หลี่ให้ใช้รองเท้าขั้นเจ็ดไปก่อน อธิการหวงก็หลอมรวมเข้ากับตัวเองสักหน่อย คุณมีอาวุธวิเศษแล้ว ผมเลยไม่ได้เตรียมไว้ให้”
ตอนนี้สามคนที่เพิ่งออกมาล้วนนิ่งอึ้งไป
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
แจกจ่ายอาวุธวิเศษล็อตใหญ่?
อู๋ขุยซานตะลึงไปพักหนึ่ง กระแอมไอเบาๆ “เธอหมายถึง…”
“ปรมาจารย์หกคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อาวุธวิเศษหกชิ้น!”
อู๋ขุยซานพ่นลมออกมา เพิ่งคิดจะถามต่อ ฟางผิงจึงเอ่ยทันที “อาวุธวิเศษขั้นเจ็ดทั้งหมด ไม่นับว่าเรื่องใหญ่อะไร นี่เป็นเรื่องที่ศิษย์ควรทำอยู่แล้ว”
หลิวพั่วหลู่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “มีอาวุธวิเศษจริงๆ?”
“จริงครับ ผู้เฒ่าหลิว ผมยังเตรียมกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งให้คุณเป็นพิเศษ ชื่ออาวุธวิเศษดั้งเดิมคือกระบี่คุนอู๋ คุณต้องชอบอย่างแน่นอน!”
พวกหลิวพั่วหลู่มองหน้ากัน หวงจิ่งทนไม่ไหว ละล่ำละลักว่า “ได้มายังไง?”
ฟางผิงเริ่มบรรยายเรื่องราวขึ้นมาอีกครั้ง
ด้านข้างตาเฒ่าหลี่เบะปาก เธอคิดว่าฉันจะแย่งผลงานหรือไง?
สิบกว่านาทีหลังจากนั้น ฟางผิงก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยช่วงนี้
หวงจิ่งทำหน้าตกตะลึง หลิวพั่วหลู่เผยท่าทีพอใจ อารมณ์ดีไม่น้อย
ส่วนอู๋ขุยซาน…เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือจนใจ
ตามหลักแล้วเรื่องนี้ควรจะดีใจ
แต่ฟางผิงเจ้าเด็กนี้ ตอนนี้เหิมเกริมไม่น้อย กำลังอวดผลงานกับพวกหลิวพั่วหลู่
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าเด็กนี้จะกลายเป็นอธิการบดีจริงๆ แล้ว
เหล่าอู๋ทนไม่ได้อยู่บ้าง ฉวยโอกาสที่ฟางผิงยังร่ำรี้ร่ำไรอวดผลงาน เตะเขาจนตัวลอยออกไป เวลานี้ค่อยอารมณ์ดี รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
ทุกคนต่างอดหัวเราะไม่ได้ รอเตะฟางผิงออกไปแล้ว เวลานี้อู๋ขุยซานค่อยเอ่ยอย่างจริงจัง “วันนี้เริ่มหลอมรวมอาวุธวิเศษกันซะ! ไม่ใช่แค่หลอม ต้องป่าวประกาศออกไปด้วย!”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างจนใจ “ฉันหลอมไม่ได้”
ส่วนป่าวประกาศออกไป หากบอกกับโลกข้างนอก อาวุธวิเศษถูกพวกเขาเอาไปก็ไม่เกี่ยวกับฟางผิงแล้ว
ทั้งเป็นการบอกเมืองเจิ้นซิงด้วยว่า พวกเขาเป็นคนช่วงชิงอาวุธวิเศษไป ไม่เกี่ยวกับพวกเด็กๆ
คนอย่างพวกฟางผิงต้องการอาวุธวิเศษไปไม่มีประโยชน์ ไม่มีความจำเป็นต้องวางแผนพวกเขา
หวงจิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย “เมืองเจิ้นซิงคงไม่ถึงกับหาเรื่องฟางผิงเพราะอาวุธวิเศษพวกนี้หรอกมั้ง?”
“พูดยาก” อู่ขุยซานส่ายหน้า “ไม่ใช่แค่ตระกูลสองตระกูล ครั้งนี้มากันสิบคน หมายถึงสิบตระกูล คนมากหมายถึงความเห็นไม่ตรงกัน บางทีพวกเด็กรุ่นหลังอาจไม่สนใจ ไม่เห็นเป็นเรื่องอะไร ตระกูลอื่นอาจไม่ใส่ใจเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทุกตระกูล ฟางผิงเจ้าเด็กนี้ชอบเสี่ยงอันตราย ครั้งหน้าต้องจับตาดูหน่อย ตอนนี้เขาเพิ่งจะขั้นห้า เรื่องสำคัญในตอนนี้ยังคงเป็นการทะลวงด่าน ส่วนคนอย่างพวกเราก็ต้องพยายามขึ้นอีกเหมือนกัน ตอนนี้สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ในเมืองความหวัง ผู้อำนวยการหนานบอกว่าทางเดินถ้ำใต้ดินเทียนหนานอยู่ในสภาวะมั่นคงแล้ว ก่อนหน้านี้ผนึกพวกนั้นที่ติดตั้งไว้ก็ถูกทลายหมดแล้ว ถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติขึ้น เกรงว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแล้ว ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายพล แต่ละพื้นที่ล้วนต้องลงแรง เวลานี้พวกนายทะลวงด่านแล้ว…ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือแย่กันแน่”
อู๋ขุยซานถอนหายใจ ปรมาจารย์หกคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ไม่ได้มีงานล้นมือ
ถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว ปรมาจารย์ใหญ่หกคนรั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ออกรบ จะเป็นไปได้ยังไง
ครั้งนี้ถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติขึ้น ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องมีปรมาจารย์ไปเข้าร่วมด้วย
ทั้งไม่ใช่แค่คนเดียว ถ้าสถานการณ์ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ไม่ตึงเครียด ไปไม่ถึงสองสามคนคงไม่นับว่าออกแรง
ถังเฟิงได้ฟังก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ลงสนามรบมานานแล้ว ถ้ำใต้ดินเทียนเหมินอุบัติ ฉันจะไปฆ่าให้สบายใจสักหน่อย!”
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ”
อู๋ขุยซานไม่พูดมากอีก เดินออกไปพร้อมกับทุกคน
—
อีกด้านหนึ่ง
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าดูแคลน สรุปแล้วนายก็ถูกเตะออกมาเหมือนกัน!
เขาถูกถังเฟิงเตะออกมา ไม่คิดจะกลับไปรนหาที่อีก กำลังตั้งคำถามกับการใช้ชีวิตอยู่
ครุ่นคิดได้ไม่นานเท่าไหร่ ฟางผิงก็ถูกเตะออกมาเหมือนกัน ฉินเฟิ่งชิงอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ฟางผิงไม่สนใจเขา จัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางแล้วก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “พวกอธิการกลับมาหมดแล้ว งั้นฉันก็จะเข้าด่านอย่างเป็นทางการ ครั้งนี้ไม่ถึงขั้นหกไม่ออกด่าน ฉันถึงขั้นหกแล้ว นายยังอยู่ขั้นห้าตอนต้น…ครั้งหน้าลงถ้ำใต้ดิน อย่ามาตามฉันละกัน ฉันไม่อยากจะพกนายไปด้วยแล้ว ตอนนี้นับวันนายก็ไร้ประโยชน์ขึ้นเรื่อยๆ มีแต่จะเป็นภาระเท่านั้น”
พูดจบ ฟางผิงก็สาวเท้าจากไป
ฉินเฟิ่งชิงทุบหัวล้านของตัวเองอยู่ที่เดิม กัดฟันกรอด!
นายคิดว่าฉันอยากตามนายหรือไง?
ขั้นหกมีอะไรให้โอ้อวดกัน!
นายคิดว่าฉันไม่เคยเห็นขั้นหกมาก่อนหรือไง?
นึกมาถึงตรงนี้ฉินเฟิ่งชิงก็ลอบด่าในใจยกใหญ่ ฉันจะเข้าด่านเหมือนกัน ช่วงนี้ถูกคนทำร้ายจนไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว
———————