ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 471-2 การจัดอันดับล่าสุด อัจฉริยะฝึกวิชาอย่างหนักหน่วง (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 471-2 การจัดอันดับล่าสุด อัจฉริยะฝึกวิชาอย่างหนักหน่วง (2)
ตอนที่ 471 การจัดอันดับล่าสุด อัจฉริยะฝึกวิชาอย่างหนักหน่วง (2)
………………..
ฟางผิงไม่รู้เรื่องที่ซ่งอิ๋งจี๋กลับมา รวมถึงเรื่องการจัดอันดับใหม่ด้วยเช่นกัน
เวลานี้ฟางผิงแตะฝีเท้าเหนือคลื่นทะเล กำลังฝึกดาบที่เขตทางใต้
“ฟัน!”
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังกระจายไปทั่ว ในทะเลมีคลื่นม้วนตัวระลอกใหญ่
สองวันสองคืนแล้วที่ฟางผิงฝึกดาบอยู่แบบนี้
สองวันนี้ฟางผิงล้วนลองประสานจิตใจ ฟันด้วยขีดจำกัดออกไปหนึ่งดาบ!
ฟ้าและคนรวมเป็นหนึ่ง ประตูซานเจียวจะปรากฏขึ้นเอง
นี่มีบันทึกในคัมภีร์โบราณ!
ฟางผิงไม่อยากสิ้นเปลืองเวลาค่อยๆ คลำไปทีละน้อย เขาจะฟันดาบจนประตูซานเจียวปรากฏขึ้นเอง!
ปราณเขาแตะถึงหกพันแคลแล้ว อยู่เหนือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกหลายคน
แต่ปราณสูงไม่ได้หมายความว่าจะระเบิดได้แข็งแกร่ง
ยอดฝีมือบางส่วนที่ควบคุมพลังของร่างกายตัวเองได้ถึงขีดจำกัด บางทีอาจไม่สามารถระเบิดพลังทั้งหมดในกระบวนท่าเดียว แต่พลังระเบิดแตะถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของขีดจำกัด ยังคงพบเห็นได้ทั่วไป
ทำไมตาเฒ่าหลี่ถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น!
เพราะตาเฒ่าหลี่แข็งแกร่งจริงๆ ในช่วงขั้นหกนอกจากเขาจะควบคุมพลังในร่างจนถึงขีดจำกัดแล้ว ยังถึงกระทั่งเกินขีดจำกัดไปด้วย!
ระเบิดปราณหนึ่งหมื่นแคล เขาสามารถใช้กระบี่ที่บ่มเพาะเป็นสิบปี ฟันออกไปสร้างความเสียหายหลายสิบเท่าได้
เวลานั้นแค่ไม่มีการจัดอันดับของขั้นหก ไม่งั้นตาเฒ่าหลี่อาศัยแค่ดาบนี้ขึ้นสู่อันดับหนึ่ง แทบไม่มีใครกล้าตั้งข้อสงสัย
ส่วนฟางผิง…การควบคุมพลังของเขา หลังจากทะลวงขั้นเร็วขึ้นกลับยิ่งทำให้ประสิทธิภาพต่ำลงเรื่อยๆ
ฟางผิงที่อยู่ในขั้นหนึ่ง แม้จะทำไม่ถึงขั้นระเบิดออกมาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ระหว่างการแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งแรก เขาก็สามารถระเบิดพลังได้มากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ตามหลักแล้วยิ่งระดับสูงขึ้น อันที่จริงจะควบคุมพลังได้แข็งแกร่งมากขึ้น
ระดับล่างแทบไม่มีใครทำถึงขั้นระเบิดปราณเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้
แต่ถึงระดับกลางแล้ว ยอดฝีมือบางส่วนที่หยุดอยู่ในขั้นก่อนหน้านี้ค่อนข้างนานก็จะสามารถแตะถึงจุดนี้ได้
ขั้นหกที่ถูกจัดในอันดับต้นๆ พวกนั้นแทบจะสามารถทำถึงขั้นระเบิดปราณเจ็ดพันแปดพันแคลในกระบวนท่าเดียวได้ ยอดฝีมือขั้นหกพวกนี้กระบวนท่าเดียวก็สามารถฆ่าขั้นหกสูงสุดนอกรีตในเวลานั้นได้แล้ว
อันที่จริงเทียบกับพวกเขาแล้ว ถังเฟิงควบคุมพลังได้แย่กว่าอยู่บ้าง แต่ปะทะกับลัทธินอกรีตขั้นสูงสุดพวกนั้น หากเขาทุ่มสุดกำลัง สังหารอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องแค่สี่ห้ากระบวนท่าเท่านั้น
แต่ฟางผิง ปราณสูงถึงหกพันแคล ตอนนี้ทุ่มสุดกำลัง พลังที่ฟันออกไปในดาบเดียวกลับประมาณแค่สองพันแคลเท่านั้น
อยากจะฟันประตูซานเจียวออกมาในดาบเดียว ความสามารถเล็กน้อยแค่นี้ยังห่างไกลอยู่มาก!
“ไม่มีพลังฟ้าดิน ไม่มีกระดูกทองที่แข็งแกร่ง ไม่มีพลังจิตใจ…ฉันอาจไม่สามารถสู้ยอดฝีมืออาวุโสที่อยู่ขั้นห้าสูงสุดได้เสมอไป!”
“มีแค่ปราณที่แข็งแกร่ง ทุกครั้งที่ฆ่าศัตรูต้องใช้ระบบช่วยโกงเท่านั้น!”
จากความแข็งแกร่งของเขา ฆ่าขั้นหกตอนต้นหรือตอนกลาง ตามหลักแล้วกระบวนท่าเดียวก็เพียงพอ
เพราะพื้นฐานร่างกายของฟางผิงเทียบได้กับยอดฝีมือระดับพวกนี้ แต่ตอนนี้…ไม่ใช้พลังฟ้าดินและพลังจิตใจสั่นสะเทือน เขาคงทำไม่ถึงขั้นฆ่าขั้นหกตอนต้นหรือตอนกลางในกระบวนท่าเดียวได้หรอก
“เป็นแบบนี้ต่อไป ฉันถึงขั้นเจ็ดขั้นแปดแล้ว…บางทีอาจจะกลายเป็นไก่อ่อนในขั้นเจ็ดขั้นแปดแล้วจริงๆ!”
เวลานั้นทุกคนต่างมีพลังฟ้าดินและพลังจิตใจ
แม้ว่าฟางผืงจะสามารถเติมได้อย่างไร้จำกัด คนอื่นจัดการนายด้วยกระบวนท่าเดียว นั่นก็ไม่มีวิธีจะแสดงความได้เปรียบออกมาแล้ว
ไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน หลังจากถึงขั้นเจ็ด เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องขำขันแล้ว
“คนอื่นฝึกดาบ ปราณมีจำกัด ความแข็งแกร่งของร่างกายก็มีจำกัด ทำใจสิ้นเปลืองพลังงานจำนวนมากไม่ได้ แต่ฉันไม่เหมือนกัน!”
ฟางผิงกระจ่างใจอย่างยิ่งว่าความได้เปรียบของตัวเองอยู่ตรงไหน
แม้ตอนนี้เขาจะอยากเหลือค่าทรัพย์สินไว้ รอให้แตะถึงหนึ่งแสนล้านแล้วค่อยสิ้นเปลือง
ถึงขั้นหกแล้ว ยังจะกลัวหาทรัพย์สินไม่ได้อีกทำไม?
“เปรี้ยง!”
ฟางผิงฟันดาบออกไปติดต่อกัน เสียงระเบิดราวกับฟ้าร้องดังครอบคลุมรัศมีนับพันเมตร
ตอนนี้ฟางผิงเข้าใกล้บริเวณทะเลแล้ว ไม่ได้อยู่ตรงเขตทางใต้ ไม่งั้นการเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ เกรงว่าคงระเบิดมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จนไม่สงบสุขแล้ว
“ใช้ความมุมานะชดเชยความโง่เขลา ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็ยังไม่ใช่คนโง่”
“หากพรสวรรค์ฉันไม่แข็งแกร่งคงหลอมกระดูกสามครั้งไม่ได้ ดังนั้นถึงจะไม่มีระบบ ฉันก็เป็นอัจฉริยะรุ่นใหม่อย่างไม่มีอะไรต้องละอายใจเหมือนกัน!”
“มีทั้งพรสวรรค์ ความขยันตั้งใจ ฉันไม่สำเร็จอีก ในยุคสมัยนี้ยังจะมีใครประสบความสำเร็จได้?”
“ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุด! ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ก็แข็งแกร่งที่สุดมาตลอด!”
ฟางผิงกระตุ้นตัวเองซ้ำๆ หรือจะพูดว่าตอนนี้เขาคิดแบบนั้นจริงๆ!
ฉันแข็งแกร่งที่สุดล้ว!
ปราการของขั้นหกนี้จะขวางกั้นคนอย่างเขาได้งั้นเหรอ?
บนดาบผิงล่วนปรากฏประกายแสงที่เยียบเย็น
เปรี้ยง!
ดาบที่ฟันออกไปนี้ ระเบิดเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ขึ้นมา
“ไม่ถูก…พลังระเบิดไม่ควรจะเป็นแบบนี้! ฉันต้องแหวกผิวน้ำเป็นสองฝั่งด้วยดาบเดียว หนึ่งดาบตัดทะเลถึงจะถูก!”
เวลานี้จู่ๆ ฟางผิงก็นึกถึงฉากที่ตัวเองเรียนเคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานในตอนแรกขึ้นมา
ในคลิปวิดีโอ จางชิงหนานเตะออกไปด้วยเท้าเดียว กระสอบทรายไม่ได้สั่นไหว แต่ระเบิดออกมาตรงๆ
ทั้งยังนึกย้อนไปถึงดาบที่ฟันหินกลายเป็นผุยผงของหลู่เฟิ่งโหรว
คนพวกนี้มีการควบคุมพลังแข็งแกร่งกว่าเขา
แต่หลังจากที่การฝึกวิชาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เขาแทบจะลืมความสำคัญของเคล็ดวิชาต่อสู้ไปแล้ว
“จะไล่ตามความแข็งแกร่งของการระเบิดพลังอย่างเดียวไม่ได้ ยังต้องให้ความสำคัญกับการรวบรวมพลังด้วย!”
“ภายใต้สองอย่างควบคู่กัน นั่นถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
นึกแล้วก็ต้องลงมือทำ ฟางผิงเริ่มต้นหนทางแหวกผ่าทะเลของตัวเองต่อ
เขามีพลังจิตใจและปราณเพื่อทำเรื่องทั้งหมดนี้
—
ฟางผิงกำลังมุ่งมั่นตั้งใจ เด็กวัยรุ่นที่โดดเด่นที่สุดของยุคสมัยพวกนั้นก็ไม่ต่างกัน
ในห้องฝึกวิชา ฉินเฟิ่งชิงกลืนหินพลังงานไปตรงๆ ให้หินพลังงานระเบิดออกในอวัยวะภายในของเขา!
ปากกระอักเลือดพรั่งพรูเป็นสาย
ขั้นห้าตอนต้นถึงตอนกลางต้องหลอมอวัยวะกลวงทั้งหก การหลอมอวัยวะกลวงเป็นขั้นตอนที่ละเอียดยิบย่อยอย่างหนึ่ง
ต้องหลอมไปทีละน้อย ค่อยๆ หลอมทีละตำแหน่ง
แต่นี่ต้องใช้เวลา สิ่งที่เขาขาดแคลนก็คือเวลา!
ถ้ามีน้ำแร่ชีวิต เขาสามารถดื่มน้ำแร่ชีวิตบางส่วนไปหลอมอวัยวะภายในได้ แต่เขาไม่มี
น้ำแร่พลังงานที่เป็นของเหลว เขาก็ยังไม่มี
ให้หินพลังงานระเบิดในอวัยวะภายใน อาศัยความแข็งแกร่งจากการระเบิดพลังในเสี้ยวพริบตา เขาสามารถหลอมอวัยวะภายในได้อย่างรวดเร็ว
แต่ไม่มีใครรู้ว่านี่เจ็บปวดถึงขนาดไหน
ทุกครั้งที่ระเบิดแทบจะระเบิดจุดที่อ่อนไหวที่สุด และตำแหน่งที่อ่อนแอที่สุดของร่างกาย ระเบิดจนลำไส้เขาแทบจะขาด อวัยวะแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่ฉินเฟิ่งชิงสัมผัสได้ว่าความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ส่วนอาการบาดเจ็บ เวลาที่ใช้ฟื้นฟูบาดแผล เทียบกับการค่อยๆ ฝึกวิชาแล้วเร็วกว่าเยอะ บาดเจ็บไม่กลัว สามารถฝึกวิชาได้เร็วก็พอแล้ว
หวังจินหยางสะเทือนเส้นเดินปราณของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายในร่างกายมีสสารไม่แตกดับแทรกซึมออกมา ซ่อมแซมเส้นเดินปราณพวกนี้อย่างรวดเร็ว บนเส้นเดินปราณปรากฏเป็นลำแสงสีทองหลายสาย
เส้นเดินปราณที่แยกขาด เจ็บปวดยากจะทนได้ แต่หวังจินหยางทำราวกับไม่สนใจ ในมือยังถือเคล็ดวิชาต่อสู้เล่มหนึ่งศึกษาทบทวนไปด้วย
—-
โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง
เหยาเฉิงจวินเผยแววตาแข็งทื่อ เลือดออกเจ็ดทวาร ชั่วพริบตาก็ฟื้นฟูสติขึ้นมา เอ่ยด้วยตัวสั่นเทาว่า “อาจารย์ ต่อเลยครับ!”
ข้างหน้าของเขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดทหารคนหนึ่ง แววตาเผยความสงสาร ระเบิดพลังจิตใจขึ้นอีกครั้ง กดดันเหยาเฉิงจวินไม่ขาดสาย กดดันจนเขาสั่นสะท้านไปทั้งกาย สั่นสะเทือนพลังจิตใจ
—
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ห้องหลอมความร้อน
หลี่หานซงคำรามเสียงดัง “เผาไหม้ต่อ ผมจะหลอมกระดูกทอง!”
ข้างนอกห้อง พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งต่างเผยสีหน้าหนักแน่น เติมหินพลังงานต่อ กลับไม่ใช่เพื่อปลดปล่อยพลังงาน แต่กำลังเผาไหม้พลังงานอย่างแท้จริง เปลวไฟพลังงานที่เหมือนเปลวไฟจริงๆ กำลังลุกโชนขึ้นมาในห้องหลอมความร้อน
เผาไหม้จนหลี่หานซงครวญครางไม่ขาดสาย เผาจนกึ่งร่างทองเนื้อหนังขมุกขมัว กระดูกแทบจะถูกหลอมไปด้วย
“ทำไมต้องสร้างความลำบากให้ตัวเองด้วย!”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น ขั้นห้าสูงสุดยังไม่พออีกหรือไง?
——————-