ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 474-2 เรียกรวมพล (2)
ตอนที่ 474 เรียกรวมพล (2)
………………..
เฉินเย่าถิงพยักหน้า แม้ความสามารถของมหาวิทยาลัยจิงหนานจะไม่นับว่าแข็งแกร่ง อย่างน้อยมองจากระดับของปรมาจารย์…ก็มีแค่เขาคนเดียว
เขาเพิ่งทะลวงถึงขั้นแปด ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังต่อสู้สูงที่สุด
เรียกรวมปรมาจารย์หลายคนขนาดนี้ มหาวิทยาลัยจิงหนานยังเป็นหนึ่งในสิบมหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจำเป็นต้องไป
ฟางผิงตึงเครียดขึ้นมาอยู่บ้าง ดูท่าถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติ จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
รวบรวมปรมาจารย์หนึ่งร้อยคน ครั้งนี้…จะมีอีกกี่คนที่ไม่ได้กลับมา?
ประเทศจีน ตอนนี้มีปรมาจารย์ในการจัดอันดับ ขั้นเจ็ดแปดและเก้ามีทั้งหมดสี่ร้อยห้าสิบกว่าคนเท่านั้น
คนเยอะขนาดนี้แบ่งเฝ้าระวังถ้ำใต้ดินยี่สิบสามแห่ง
ตอนนี้พื้นที่เทียนหนานแห่งเดียวกลับรวบรวมปรมาจารย์หนึ่งร้อยคน น่ากลัวแล้วจริงๆ
พวกเฉินเย่าถิงไม่ได้ใส่ใจว่าฟางผิงคิดอะไร ยังคงพูดคุยกันต่อ ผ่านไปสักพัก ฟางผิงก็แทรกบทสนทนาอีกครั้ง “อธิการ ครั้งนี้ขั้นสุดยอดจะลงมือหรือเปล่าครับ?”
หวงจิ่งเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ปกติไม่มี โอกาสน้อยมาก รวมถึงสงครามถ้ำใต้ดินปักกิ่งในตอนแรกก็ไม่มีเหตุการณ์ที่ขั้นสุดยอดปะทะกัน ขั้นสุดยอดเมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนี้พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว ส่วนมากทั้งสองฝ่ายจะคุมเชิงกันมากกว่า สกัดกั้นซึ่งกันและกัน ทั้งท่าทีของเขตหวงห้ามถ้ำใต้ดิน…คนของพวกเราจะเยอะกว่าพวกเขาไม่ได้! หากมีเยอะ ด้านหนึ่งพวกเขาจะส่งคนจากเขตหวงห้ามมาสนับสนุน อีกด้านจะปลุกระดมเมืองพื้นที่อื่นๆ มาเพิ่มแรงกดดันให้พวกเรา ดังนั้นสงครามใหญ่ทุกครั้ง อันที่จริงคนของพวกเราจะน้อยกว่าพวกเขา แน่นอนว่าจะน้อยเกินไปไม่ได้ นี่ก็เป็นสิทธิ์อย่างหนึ่งที่ขั้นสุดยอดช่วงชิงเพื่อพวกเรา ไม่งั้นมองจากระดับต่ำกว่านั้น เกรงว่าพวกเราคงถูกทำลายย่อยยับไปนานแล้ว”
ยอดฝีมือมนุษย์และถ้ำใต้ดินมีจำนวนแตกต่างอย่างมาก หากไม่ใช่ว่าขั้นสุดยอดพวกนั้นคอยสกัดกั้นกันอยู่ เกรงว่าคงล่มสลายไปแล้วจริงๆ
นึกมาถึงตรงนี้ฟางผิงก็ลูบคางว่า “แม้ขั้นสุดยอดของพวกเราจะน้อยกว่าพวกเขา น่าจะน้อยกว่าไม่เยอะเท่าไหร่ พูดแบบนี้ พวกเราก็ไม่นับว่าอ่อนแอเกินไป ทำไมพอถึงระดับสูงแล้ว ความแตกต่างถึงมากขนาดนี้…”
เฉินเย่าถิงคลี่ยิ้มว่า “เธอรู้หรือเปล่าว่าขั้นสุดยอดของพวกเราเป็นบุคคลในยุคสมัยกันแน่? พูดยาก บางทีอาจจะหลายร้อยปีก่อน หรือหลายพันปีก่อน…นั่นเป็นเรื่องที่ไม่อาจพูดได้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในตอนนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในยุคปัจจุบัน โลกของผู้ฝึกยุทธ์เคยอยู่ในช่วงเวลาดับสนิทครั้งหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ของมนุษย์เคยรุ่งโรจน์และแข็งแกร่งกว่าพวกถ้ำหรือเปล่า แต่ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์เกิดช่วงดับสนิทนั้นมีเบาะแสร่องรอย ทางถ้ำใต้ดินไม่ได้เป็นแบบนั้น อีกฝ่ายอยู่ในช่วงเวลาเฟื่องฟูมาโดยตลอด เจ้าเมืองพวกนั้นของพวกเขาต่างมีอายุนับร้อยปี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดบางส่วนก็ยังอายุนับร้อยปีเหมือนกัน เทียบความเร็วของการฝึกวิชาแล้ว อันที่จริงอีกฝ่ายยังสู้พวกเราไม่ได้ เป็นการสะสมจากเวลาเท่านั้น ช่วงร้อยปีนี้ประเทศจีนสะสมผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงได้เกือบห้าร้อยคน ถ้าลากเส้นเวลานี้ออกไปได้ ลากไปถึงสามร้อยปี งั้นระดับสูงของประเทศจีนคงเกินหนึ่งพันคนถึงกระทั่งหลายพันคนไปแล้ว!”
ฟางผิงรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์เคยมีช่วงเวลาดับสนิทเหมือนกัน ยุคสำนักเคยมีช่วงที่ยกย่องขั้นสาม
เขารู้ว่าคนอื่นๆ น่าจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่จึงไม่ถามมากอีก แต่เอ่ยอย่างสงสัยอยู่บ้าง “ยอดฝีมือขั้นสุดยอดสามารถมีชีวิตเป็นพันปีจริงๆ เหรอครับ?”
เฉินเย่าถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ไม่อยากสืบเสาะด้วย ถามมากไปไม่มีประโยชน์”
ฟางผิงฟังจบก็ไม่ถามอีก ฟังพวกเขาพูดคุยกันต่อ
ครั้งนี้ปรมาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถูกเรียกตัว ระดับกลางและระดับล่างกลับไม่มีสักคน
ดูท่ารัฐบาลจะไม่ต้องการเรียกผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ไปเช่นกัน
แต่คำสั่งโยกย้ายพวกปรมาจารย์นั้น ต้องการให้พวกเขามาถึงเทียนหนานก่อนเดือนพฤษภาคม
ส่วนตกลงมีคนเท่าไหร่ ตอนนี้พวกปรมาจารย์ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
คุยกันอยู่สักพัก เฉินเย่าถิงก็มองไปทางเฉินเฮ่าหรานและฟางผิง “พวกเธออย่ามาอยู่ที่นี่ดีกว่า ฟางผิง พาเฮ่าหรานไปหาอวิ๋นซีสักหน่อย ถือโอกาสให้เฮ่าหรานแลกเปลี่ยนความรู้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไปด้วย จะได้ไม่เป็นกบอยู่ในกะลา ไม่รู้จักทะเยอทะยานไปข้างหน้า!”
ท่านผู้เฒ่าเข้มงวดกับหลานชายไม่น้อย ช่วงนี้ผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะหลายคนปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน นี่ทำให้เฉินเย่าถิงเกิดความไม่พอใจกับเฉินเฮ่าหรานมากขึ้น
จนถึงตอนนี้เพิ่งจะขั้นสี่สูงสุด อ่อนแอเกินไปแล้ว
เฉินเฮ่าหรานจนใจอยู่บ้าง ขั้นสี่สูงสุด…ในมหาวิทยาลัยจิงหนาน ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้วเถอะ
มหาวิทยาลัยจิงหนาน หลายปีมานี้ มีนักศึกษาเรียนจบด้วยขั้นสี่สูงสุดไม่กี่คนเท่านั้น
เขามีหวังจะทะลวงขั้นห้าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บางทีอาจจะเป็นนักศึกษาคนแรกที่จบด้วยขั้นห้าของมหาวิทยาลัยจิงหนานด้วยซ้ำ
ผลปรากฏว่าปู่ยังคงไม่พอใจ
ฟางผิงได้ฟังก็ไม่พูดมาก ส่งสายตาเป็นนัยให้เฉินเฮ่าหราน สาวเท้าออกมาจากห้องโถง
หวงจิ่งเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้อธิการกำชับ เฉินอวิ๋นซีเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกเราต้องดูแลอยู่แล้ว”
ระหว่างที่พูด หวงจิ่งก็ถอนหายใจว่า “สิ่งที่ฉันกังวลยิ่งกว่าคือเทียนหนานระเบิดสงคราม พื้นที่อื่นๆ เกิดภัยพิบัติขึ้นอีก นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว”
“เรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องให้พวกเรากังวล รัฐบาลน่าจะมีการพิจารณาแล้ว”
“นี่ก็ถูก…”
—
บทสนทนาของพวกปรมาจารย์ ฟางผิงไม่ได้ฟังต่อ
ไม่จำเป็นต้องฟังด้วยเช่นกัน รวบรวมปรมาจารย์หนึ่งร้อยคนไปเทียนหนาน อันที่จริงฟางผิงเข้าใจเหมือนกัน ถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติขึ้น เทียบกับสงครามถ้ำใต้ดินอื่นที่เขาเคยเจอน่าจะเลวร้ายกว่า อันตรายกว่า
ฟางผิงเข้าใจ เฉินเฮ่าหรานก็เข้าใจเหมือนกัน
ทั้งสองคนต่างไม่พูดอะไร จวบจนหาเฉินอวิ๋นซีเจอที่เขตทางใต้ ความเงียบนี้จึงถูกทำลาย
เฉินอวิ๋นซีที่กำลังฝึกวิชาเพิ่งจะรู้ว่าปู่ตัวเองมา เห็นได้ชัดว่าดีใจอยู่บ้าง
ตอนนี้เฉินอวิ๋นซีเชื่อมต่อสะพานฟ้าดินแห่งสุดท้ายแล้ว ก้าวสู่ขั้นสี่ตอนกลาง
ผลปรากฏว่าเพิ่งพูดคุยไม่กี่ประโยค คำพูดของเฉินอวิ๋นซีก็แทงใจจนเฉินเฮ่าหรานอยากร้องไห้อยู่บ้าง
“พี่ ทำไมนายยังอยู่ขั้นสี่ล่ะ?”
เฉินเฮ่าหรานเผยสีหน้าหมดคำพูด น้องสาวเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ไม่เห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ในสายตาแล้ว
มาอยู่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็เปลี่ยนเป็นเหิมเกริมแล้วใช่หรือเปล่า?
เมื่อก่อนน้องสาวว่านอนสอนง่าย ทั้งนับถือตัวเองอย่างมาก ตอนนี้…ไม่พูดถึงดีกว่า
สองพี่น้องพูดคุยกัน ฟางผิงไม่รั้งตัวอยู่นาน อันที่จริงเขามีเรื่องต้องทำไม่น้อย ปล่อยให้เฉินอวิ๋นซีพาเฉินเฮ่าหรานเดินเที่ยวรอบๆ ก็เพียงพอแล้ว
ฟางผิงออกไปแล้ว เฉินเฮ่าหรานก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นยังไงบ้าง พัฒนาถึงขั้นไหนแล้ว?”
เฉินเฮ่าหรานคลี่ยิ้มว่า “ฉันว่าเจ้าหมอนี้ยังมีความรู้สึกอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้อยู่กับปู่…”
เฉินเฮ่าหรานเล่าเรื่องผลไป๋ชุ่ยคร่าวๆ อีกครั้ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นิสัยของฟางผิง พี่เธอสืบมาเหมือนกัน ไม่ใช่คนที่จะส่งของให้ใครง่ายๆ หมอนั่นหัวแหลมจะตายไป ให้เองก็เหมือนกัน ยังจะมาส่งให้เธออย่างอ้อมๆ อีก”
ได้ฟังเฉินเฮ่าหรานพูดแบบนี้ เฉินอวิ๋นซีกลับดีใจไม่น้อย
ภายใต้ความดีใจ จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ปู่ไม่ได้ให้ของขวัญเขากลับเหรอ?”
“…”
เฉินเฮ่าหรานเหนื่อยใจอยู่บ้าง เธอคิดยังไงกัน?
สรุปแล้วยังต้องให้ปู่มอบของดีให้เขาอีก?
เขาส่งของถึงมือเธอ ปู่ยังต้องควักของออกมาอีก สุดท้ายแล้วพวกเธอให้กันเองรับกันเอง คิดโลกสวยเกินไปแล้ว
———————
………………..