ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 475-2 แขกเหรื่อรวมตัว (2)
ตอนที่ 475 แขกเหรื่อรวมตัว (2)
………………..
วันที่ 2 เมษายน
เช้าตรู่นั้น มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตกแต่งผ้าประดับประดาโคมไฟอย่างสวยงาม บรรยากาศเต็มไปด้วยความยินดี
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นสถานศึกษา ทั้งไม่ใช่สถานศึกษา
ถึงกระทั่งสามารถมองเป็นสำนักในสมัยปัจจุบันได้
อาจารย์ในมหาวิทยาลัยทะลวงถึงขั้นปรมาจารย์ก็เป็นเกียรติยศของทั้งมหาวิทยาลัย ไม่มีใครไม่ยินดี
โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ดาดฟ้าของโรงแรม
ยอดฝีมือปรมาจารย์หลายคนมองไปยังมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ที่อยู่ไกลๆ รอจนเห็นนักศึกษาในเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันที่หน้าประตู ปรมาจารย์คนหนึ่งก็อดถอนหายใจไม่ได้ “นับวันมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ความแข็งแกร่งของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ได้อยู่ที่ระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้น”
ด้านข้าง ปรมาจารย์หญิงคนหนึ่งพยักหน้าเล็กน้อย “เป็นแบบนั้นจริงๆ แค่คุณภาพของนักศึกษา…แทบจะเทียบได้กับอาจารย์ของมหาวิทยาลัยฉันแล้ว”
นักศึกษาระดับกลางนับสิบคน นักศึกษาขั้นสามนับร้อย
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมีขั้นสามเป็นอาจารย์
นักศึกษาที่มีความสามารถของอาจารย์นับร้อย แข็งแกร่งกกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ใช่สายตรงบางส่วนเสียอีก
พวกเขาพูดคุยกันสักพักก็มีคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเรายังดี ยังไงก็อยู่ห่างมาตลอดอยู่แล้ว กลับเป็นมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ครั้งนี้เกรงว่าจะยากรับได้แล้ว”
“ทางมหาวิทยาลัยปักกิ่งครั้งนี้ใครมา?”
“ซูจ่าน!”
“เขา?”
มีคนเอ่ยด้วยรอยยิ้มขึ้นมา “เขาไม่กลัวว่าหลี่ฉางเซิงจะหาเรื่องตัวเองหรือไง?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง ยังไงก็เป็นงานใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ต่อให้หลี่ฉางเซิงไม่เคารพกฏเกณฑ์ยังไงก็ไม่ถึงกับก่อเรื่องในเวลานี้หรอก”
“พูดยาก…แต่ได้ยินว่าช่วงนี้หลี่ฉางเซิงเข้าด่านมาโดยตลอด คิดจะปรากฏพลังจิตใจ อาจจะไม่ออกจากด่านเสมอไป”
“ซูจ่านอาจไม่กลัวเขาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ซูจ่านได้อาวุธวิเศษมาหนึ่งชิ้น ความสามารถเพิ่มขึ้นไม่น้อย หลี่ฉางเซิงขั้นแปดปลอมๆ นี้อาจจะถูกเขาจัดการก็ได้”
“สุนัขกัดกันก็เจ็บทั้งคู่ ตาแก่สองคนนี้ตอนวัยรุ่นก็ไม่ใช่ของดีอะไร หากไม่ใช่ว่าหลี่ฉางเซิงกลบรัศมีซูจ่าน คนนิสัยเสียอย่างซูจ่านอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงดีไปกว่าหลี่ฉางเซิงเท่าไหร่หรอก”
“นี่ก็ถูก พวกเราอยู่ดูเรื่องสนุกก็พอแล้ว”
“…”
—
หน้าประตูมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ประตูใหญ่เปิดออก
นักศึกษานับร้อยคนยืดอกอย่างผึ่งผาย เผยสีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
ฟางผิงยืนอยู่ตรงกลาง พวกนักศึกษาเข้าแถวเป็นสองฝั่ง ข้างหน้าสุดเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า
ข้างซ้ายเป็นจางอวี่
ข้างขวาเป็นเฉินเหวินหลง
ส่วนฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ขั้นห้าเหมือนกัน ฟางผิงใช้เหตุผลว่าภาพลักษณ์ไม่ดี กังวลว่าหัวล้านอย่างเขาทำลายภาพลักษณ์ของนักศึกษาจึงจัดให้อยู่ข้างหลัง
ฉินเฟิ่งชิงไม่ใส่ใจเช่นกัน ตอนนี้กำลังพูดคุยกับหลิวต้าลี่ที่รับผิดชอบถ่ายภาพในงาน
คุยกันไปคุยกันมา รอจนรู้ว่าหลิวต้าลี่ถูกบีบให้ทำงานเพราะติดหนี้ฟางผิง ฉินเฟิ่งชิงก็อดรู้สึกเห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรมไม่ได้
“นายติดหนี้เขาเท่าไหร่?”
“ไม่เยอะ ไม่กี่ล้าน”
จู่ๆ ฉินเฟิงชิงก็เห็นใจหลิวต้าลี่ขึ้นไปอีก ไม่กี่ล้าน นายก็ถูกขายไปแล้วสิบปี เทียบกับนายแล้ว…ฉินเฟิ่งชิงรู้สึกว่าตัวเองขายไปร้อยปีแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เจ้าหมอนี้จะน่าอนาถไปแล้ว!
ไม่กี่ล้านยังเรียกว่าเงินอยู่หรือไง?
ฉินเฟิ่งชิงยังดูแคลนหลิวต้าลี่อยู่บ้าง พวกเราไม่ใช่คนระดับเดียวกัน หลิวต้าลี่จะขายตัวถูกไปแล้ว ฉินเฟิ่งชิงรู้สึกว่าตัวเองยังมูลค่าสูงมากกว่าเขาซะอีก
ระหว่างที่พูดคุยกัน หลิวต้าลี่ที่กำลังถ่ายภาพก็กดเสียงว่า “น้องสาวของเถ้าแก่ฟางมาแล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงหันไปมองหน้าประตู เห็นกลุ่มคนประมาณยี่สิบกว่าคน เดินมาหน้าประตูอย่างเร่งรีบอยู่บ้าง
คนพวกนี้มีทั้งแก่และหนุ่ม มีทั้งผู้ฝึกยุทธ์และคนธรรมดา
ข้างหน้าสุดเป็นเด็กสาวที่ยังอายุน้อยหลายคน ดวงตากลอกกลิ้งไปทั่ว กำลังมองมาทางนี้อย่างอึดอัดและตื่นเต้นอยู่บ้าง
ฉินเฟิ่งชิงฉีกยิ้มขึ้นมา น้องสาวของฟางผิง?
ฟางผิงถึงจะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของตัวเอง เจ้าหมอนี้เป็นคนรวยอย่างแท้จริง เขา…ควรจะพิจารณาสักหน่อยดีหรือเปล่า?
—
ข้างหน้าฝูงชน
ฟางผิงเห็นฟางหยวนเช่นกัน เห็นเด็กคนนี้ตื่นเต้นกว่าปกติก็จนใจอยู่บ้าง
เขาไม่ได้ตั้งใจชวนฟางหยวนมา
แต่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะเชิญตัวแทนครอบครัวของนักศึกษาและอาจารย์ ครอบครัวของฟางผิงย่อมต้องถูกเชิญตามธรรมเนียม ฟางหมิงหรงและหลี่อวี้อิงได้ยินว่ามีคนมาเยอะ ทั้งยังมีปรมาจารย์มากมาย ได้ยินแค่นี้ก็แข้งขาอ่อนอยู่บ้าง สุดท้ายตัวแทนของตระกูลฟางจึงเป็นฟางหยวน
เห็นฟางหยวนมองตัวเอง ตั้งใจยืนตัวตรงขึ้นเป็นพิเศษ แสร้งมองตรงดิ่ง ฟางผิงก็ลอบขำในใจ
ไม่สนใจเด็กคนนี้อีก ฟางผิงสาวเท้าไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว เผยสีหน้าเคร่งขรึม มือซ้ายไขว้ที่อก คารวะแบบผู้ฝึกยุทธ์ เอ่ยเสียงดังว่า “ยินดีต้อนรับคณะครอบครัวอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้! ผมฟางผิงขอเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขอบคุณการสนับสนุนหลายปีของทุกคน ทำให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของเราบ่มเพาะอัจฉริยะออกมานับไม่ถ้วน…”
ตัวแทนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง บางคนแทบจะน้ำตาคลอเบ้า บางคนวางมือไม้แทบไม่ถูก
ในกลุ่มคนพวกนี้บางส่วนคนใกล้ชิดของพวกเขาตายในสนามรบถ้ำใต้ดินตั้งนานแล้ว
ภายในมหาวิทยาลัย ที่ไกลๆ นั้นผู้เฒ่ากลุ่มหนึ่งก็น้ำตารื้นขึ้นมาเช่นกัน
วันนี้เป็นวันของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว
—
ตัวแทนครอบครัวอาจารย์และนักศึกษา ไม่นานก็ถูกคนอื่นๆ นำทางเข้ามาในสถานที่จัดงานเลี้ยง
ฟางผิงไม่ได้พูดคุยกับฟางหยวน แต่ยังคงลอบฟังเด็กสาวพูดกับเพื่อนตัวน้อยที่อยู่ด้านข้าง
“ซ่งหยา นี่ไงพี่ชายฉัน หล่อใช่หรือเปล่า? ครั้งก่อนฉันพูดกับพี่ชายแล้ว ไม่ให้รังแกพ่อเธออีก ตอนนี้พ่อเธอไม่ถูกเขารังแกแล้วสินะ?”
เด็กสาวด้านข้างเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ไม่กี่วันก่อนพ่อฉันกลับบ้าน บอกว่าไม่ช้าก็เร็วจะตัดสินชี้เป็นชี้ตายกับพี่ชายเธอ หยวนหยวน พ่อฉันจะเอาชนะพี่เธอได้หรือเปล่า?”
“น่าจะไม่ได้ พี่ฉันเคยฆ่าขั้นหกสูงสุดมาก่อน!”
“งั้นจะทำยังไงดี?”
“ไม่งั้น…เธอก็ซื้อของอร่อยๆ ติดสินบนฉันสักหน่อย ฉันจะบอกให้พี่ชายออมมือให้…”
“…”
บทสนทนาของเด็กสาวสองคน ฟางผิงได้ยินเต็มๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง
ซ่งอิ๋งจี๋ตาแก่นี้ ยังไงก็เป็นยอดฝีมือขั้นหก จำเป็นต้องกลับบ้านไปร้องทุกข์กับลูกสาวทุกครั้งเลยหรือไง?
นึกไม่ถึงว่าคิดจะมาตัดสินชี้เป็นชี้ตายกับเขา…นี่คงถูกกระตุ้นจนบ้าคลั่งแล้วสินะ?
แม้จะหัวเราะไปอย่างนั้น ฟางผิงกลับไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ คณะตัวแทนครอบครัวมาถึงแล้ว แขกจากที่อื่นๆ ก็เริ่มทยอยมาถึงเช่นกัน
ทางหน่วยทหาร เถียนมู่เป็นตัวแทนมาร่วมแสดงความยินดี
ขึ้นชื่อว่าศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เถียนมู่นับว่ามีความรู้สึกลึกล้ำกับมหาวิทยาลัย เห็นขบวนแถวของพวกนักศึกษาก็ยิ้มหน้าบาน ตบไหล่ฟางผิงยกใหญ่ เกือบจะตบฟางผิงจนสะดุดล้มแล้ว
อักษรภาพที่หลี่เจิ้นผู้บัญชาการหน่วยทหารเขียนด้วยตัวเอง…เกียรติยศไม่เปลี่ยนแปลง!
แม้จะไม่ใช่ผลไม้พลังงาน แต่อักษรภาพของยอดฝีมือขั้นสุดยอด มีมูลค่ามากกว่าของพวกนี้ ชั่วพริบตาที่เถียนมู่เปิดออก สิ่งที่ฟางผิงเห็นไม่ใช่ตัวอักษรภาพ แต่เป็นประกายกระบี่พุ่งเสียดฟ้า!
ฟางผิงแทบจะสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไป แต่มองอย่างละเอียดแล้วจึงมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเห็นแค่ตัวอักษร ผู้ฝึกยุทธ์ที่พลังจิตใจแข็งแกร่งอย่างพวกฟางผิง กลับเห็นพลังจิตใจอันเกรงขามที่รวมตัวกันแน่น
ตอนที่เถียนมู่เข้าประตูมาก็เอ่ยเตือนว่า “อักษรภาพนี้เขียนให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แต่ประเด็นหลักยังเพื่อให้หลี่ฉางเซิงทะลวงด่าน เอากลับไปให้หลี่ฉางเซิง พวกเขาต่างเป็นยอดฝีมือที่ใช้กระบี่ ตัวอักษรพวกนี้รวมรวบจากพลังจิตใจของผู้บัญชาการหลี่ เป็นประโยชน์ต่อเขาอยู่บ้าง”
ฟางผิงทั้งดีใจและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน ขั้นสุดยอดมาถึงขั้นนี้แล้วงั้นเหรอ?
รวมรวบพลังจิตใจกลายเป็นตัวอักษร ออกห่างจากร่างกายแล้ว นึกไม่ถึงว่ายังคงอยู่ไม่สลาย!
อย่าลืมว่าปรมาจารย์ยอดฝีมือปรากฏพลังจิตใจ แต่หากพลังจิตใจออกห่างจากร่างกาย ไม่นานก็จะสลายไป
อย่างเมืองจู้หลิวในตอนแรก ต้นหลิวยักษ์ขั้นเก้าต้นนั้นไม่สามารถทำถึงขั้นรวบรวมพลังจิตใจไม่สูญสลายได้เหมือนกัน ต้องประคองไว้อยู่ตลอด ไม่งั้นต้นหลิวยักษ์คงไม่มีความจำเป็นต้องเฝ้าระวังที่น้ำพุแห่งชีวิตอยู่ตลอดหรอก
น้ำพุแห่งชีวิตถูกพลังจิตใจปิดผนึกไว้ หากต้นหลิวยักษ์ไม่ประคองต่อ ไม่นานม่านพลังจิตใจก็จะสูญสลาย น้ำแร่ชีวิตหลั่งไหลออกไป
ฟางผิงไม่คิดมากอีก ไม่นานก็จัดคนไปส่งอักษรภาพนี้ให้ตาเฒ่าหลี่ที่เข้าด่านอยู่
บางทีมีอักษรภาพนี้ ตาเฒ่าหลี่อาจจะสามารถทะลวงขั้นสำเร็จอย่างรวดเร็วก็ได้
เถียนมู่เป็นตัวแทนของหน่วยทหาร รัฐมนตรีหวังเป็นตัวแทนของกระทรวงศึกษา หน่วยสืบสวนเป็นผู้อำนวยการหูที่ฟางผิงรู้จัก ส่วนกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทั้งสี่ ผู้ที่มาล้วนไม่ใช่ปรมาจารย์ แต่กองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางใต้ อู๋ชวนกลับตั้งใจมาโดยเฉพาะ
เดิมทีอู๋ชวนยังเฝ้าระวังอยู่ที่ถ้ำใต้ดินหนานเจียง แต่ตอนนี้ถ้ำใต้ดินหนานเจียงมีจ้าวซิ่งอู่นั่งรักษาการณ์อยู่ตลอด อู๋ชวนจึงเร่งตามเข้ามาที่นี่
จนถึงตอนนี้มีแค่ยอดฝีมือขั้นเก้าคนเดียวที่มาเท่านั้น
โดยทั่วไปแล้ว งานเลี้ยงปรมาจารย์ ขั้นเก้าไม่อาจมาเข้าร่วม
แต่อู๋ชวนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับมหาวิทยาลัยเซ่ยงไฮ้จึงตั้งใจมาเป็นพิเศษ นี่อยู่ในการคาดการณ์เช่นกัน
อู๋ชวนมาถึง ปรมาจารย์คนอื่นๆ ก็มาต้อนรับด้วยตัวเอง
ส่วนแวดวงสำนัก ฟางผิงเห็นคนคุ้นตาหลายคน ยอดฝีมือชุดทองจากเขาชิงเถียนที่ทะเลาะกับตาเฒ่าหลี่ในวันนั้นก็พาผู้ฝึกยุทธ์หญิงหลายคนเข้ามา
ภิกษุผอมแห้งคนหนึ่งของวัดว่านซานพาภิกษุเจี้ยเซ่อมาเช่นกัน
เขาหวังอู่ ลูกชายของเจ้าสำนักจ้าวซิ่งอู่ก็พาคนมาร่วมยินดี
—
ทางมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แต่ละมหาวิทยาลัยล้วนมีคนมา รวมถึงพวกหลี่หานซงและหวังจินหยาง คนพวกนี้ก็เข้ามาพร้อมกัน
แวดวงการเมืองมีปรมาจารย์ยอดฝีมือมาร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน
ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็รวบรวมปรมาจารย์จำนวนเกินกว่าสามสิบคนแล้ว
รวมถึงสามบริษัทใหญ่ก็มีคนมา แต่ไม่เห็นเจิ้งหมิงหง
ทางเมืองเจิ้นซิง ครั้งนี้มีคนมาเช่นกัน ไม่ใช่หลี่โม่ แต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนหนึ่ง ไม่ได้พาพวกหนุ่มสาวมาด้วย แต่ส่งของมาเป็นลำรถ
รวมถึงข้อมูลและเคล็ดวิชาต่อสู้บางส่วนที่เมืองเจิ้นซิงเก็บรักษาไว้ นับว่าคืนน้ำใจที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปิดกว้างห้องเคล็ดวิชาต่อสู้ให้พวกเขาเมื่อครั้งก่อน
คนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ฟางผิงไม่ได้ไปดูของขวัญพวกนั้น สูดลมหายใจเข้าลึกแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีคนมาเพิ่มอีกก็หมุนตัวเดินไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยง
—————