ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 478 งานเลี้ยงเลิกรา (1)
ตอนที่ 478 งานเลี้ยงเลิกรา (1)
………………..
สถานที่จัดงานเลี้ยงปรมาจารย์
คล้อยหลังที่หลี่ฉางเซิงปรากฏพลังจิตใจ หลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่ง บรรยากาศก็เงียบขึ้นมาอยู่บ้าง
ความเงียบนี้อยู่แค่ในแวดวงปรมาจารย์เท่านั้น คนทั่วไปแทบไม่อาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งไม่มีคนคิดจะไปอธิบายอะไรด้วย
ในงานเลี้ยงนั้นตาเฒ่าหลี่ดูเหมือนอิสระและไร้กังวลอย่างบอกไม่ถูก
ร่ำสุราขวดแล้วขวดเล่า
ฟางผิงทำเพียงมองอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
ด้านข้างนั้นฉินเฟิ่งชิงพึมพำว่า “ตาเฒ่าหลี่เอาเรื่องจริงๆ! ฟางผิง หลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่ง…เจ๋งขนาดนี้จริงๆ เหรอ?”
ฟางผิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายก็อยากลอง?”
“มีความคิดอยู่บ้าง!”
ฉินเฟิ่งชิงลูบหัวล้าน ยิ้มตาหยีว่า “รู้สึกเหมือนจะเจ๋งจริงๆ ดูสิ ตาเฒ่าหลี่เหิมเกริมถึงขนาดนี้ กล้าท้าทายขั้นเก้า มีความสามารถบ้างอยู่จริงๆ นี่คือเตรียมจะจัดการขั้นเก้าแล้ว?”
ด้านข้างนั้นอู๋ขุยซานมองเขาแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็มีโทสะขึ้นมา!
อู๋ขุยซานมีความรู้สึกเหมือนพาลโกรธอยู่บ้าง ถีบเข้ามาทันที!
ปัง!
เสียงดังขึ้นแผ่วเบา…ฉินเฟิ่งชิงปลิวหายไปในความมืดชั่วพริบตา มองไม่ได้แม้แต่เงา
ฟางผิงมองอู๋ขุยซานก่อนจะถอนหายใจ คุณรังแกฉินเฟิ่งชิงทำไมเนี่ย?
คนใสซื่อควรจะถูกรังแกหรือไง?
อีกอย่างฉินเฟิ่งชิงไม่มีคุณสมบัติจะหลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่งด้วยซ้ำ เขาแค่พูดเล่นสนุกปาก คุณก็อัดคนซะแล้ว เหล่าอู๋เหี้ยมโหดเกินไปจริงๆ!
เห็นอู๋ขุยซานมองตัวเองด้วยแววตาไม่เป็นมิตร ฟางผิงก็หัวเราะว่า “เตะได้ดี ลูกเตะนี้ของอธิการ เหมาะเจาะจริงๆ…”
“ไสหัวไป!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อธิการ ลองเปิดใจหน่อยเถอะครับ ดูผู้เฒ่าหลี่สิ คลายกังวลสบายใจขึ้นมาไม่น้อย…สรุปแล้วยังจะอยู่ได้อีกกี่ปีเหรอครับ?”
พลังชีวิตของตาเฒ่าหลี่ไหลเวียนออกไป เขารับรู้ได้เหมือนกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปไม่สามารถรับรู้ได้ พลังจิตใจเขาแข็งแกร่ง จึงยังสัมผัสได้
“เต่าที่ใช้ชีวิตแปดถึงสิบปี ต่อสู้มานานแล้ว อย่างมากก็สี่ห้าปีเท่านั้น”
อู๋ขุยซานเผยสีหน้าดูไม่ได้ หลี่ฉางเซิงไม่ได้อายุเยอะ แค่หกสิบปีเท่านั้น
พอถึงระดับของหลี่ฉางเซิงแทบไม่อาจแก่ตายแล้ว
แต่หลี่ฉางเซิง…บางทีอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดคนแรกที่แก่ตาย
ฟางผิงโล่งอกขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยังอีกนาน ผมยังคิดว่าจะสี่ห้าวันนี้ซะอีก หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ขาดทุนใหญ่แล้ว…ผมกลัวว่าหนี้ที่เขาติดผมไว้หลายล้านล้านจะคืนได้ไม่หมด”
พูดไม่ทันจบ ตาเฒ่าหลี่ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าอวดดี หัวเราะว่า “คืนเงินอะไรกัน? ฉันติดเงินเธองั้นเหรอ?”
ฟางผิงทำหน้าดูแคลน ขี้เกียจจะพูดมาก ครุ่นคิดก่อนจะถามว่า “หลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่ง ตกลงมีข้อดีตรงไหนกันแน่? คุณอย่ามาใช้ความคิดชั่ววูบ คิดหลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่งอย่างโง่ๆ เรื่องที่ไม่มีประโยชน์จะทำได้งั้นเหรอ?”
“เธอจะเข้าใจอะไร!”
ตาเฒ่าหลี่ทำหน้าอวดดี เอ่ยอย่างเหิมเกริมว่า “เหล่าอู๋ นับว่าเก่งกาจแล้วสินะ?”
“เหล่าอู๋คนไหน? อธิการหรือผู้บังคับการ?”
“แค่กๆ…หมายถึงเหล่าอู๋ทางพวกเธอนี่แหละ”
อู๋ขุยซานมองเขาอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร มองจนตาเฒ่าหลี่อึดอัดขึ้นมาอยู่บ้าง มองอะไรกัน!
ตาเฒ่าหลี่ย้ายสายตามองไปทางฟางผิงแทน หัวเราะว่า “อาศัยแค่เขา…อย่ามองว่าเก่งอะไร รออีกไม่กี่วัน…ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว อีกสักพักก็ซ้อมเขาจนต้องเรียกบรรพบุรุษได้แล้ว เธอเชื่อหรือเปล่า?”
“เก่งขนาดนี้เลย?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างอวดดี “หลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่ง! รู้หรือเปล่าว่าหมายถึงอะไร? หมายถึงเจ๋งมากยังไงล่ะ? เธอรู้หรือเปล่าว่าปกติผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดระเบิดพลังฟ้าดินได้แข็งแกร่งเท่าไหร่?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยใบหน้าระรื่น “ฉันจะคำนวณให้เธอดู พลังจิตใจสิบเฮิรตซ์รวมกับปราณหนึ่งร้อยแคล ระเบิดพลังฟ้าดินหนึ่งหลุน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดสูงสุด ปกติพลังจิตใจอยู่ที่สามพันเฮิรตซ์ขึ้นไป ก็หมายความว่าอย่างมากระเบิดพลังฟ้าดินได้สามร้อยหลุน ในความเป็นจริงปกติจะแตะไม่ถึงขั้นนี้ สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ควบคุมพลังได้ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือก็คืออัจฉริยะอย่างฉันถึงจะทำได้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดจะแข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง ต่ำหน่อยก็พลังจิตใจสี่ห้าพันเฮิรตซ์ สูงสุดน่าจะไม่ถึงหนึ่งหมื่นเฮิรตซ์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประเภทที่เก่งกาจ…ก็หมายถึงพวกขั้นแปดสูงสุดอย่างเหล่าอู๋ หากระเบิดออกมาสุดแรงเกิด อย่างมากก็หนึ่งพันหลุนเท่านั้น แต่ฉันไม่เหมือนกัน!”
ฟางผิงแค่นยิ้ม “ทำไมไม่เหมือนกัน?”
“โง่หรือเปล่า หลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่ง หลังจากนี้พลังจิตใจของฉันก็คือพลังปราณ พลังปราณก็คือพลังจิตใจ พลังรวมเป็นหนึ่ง พลังปราณและพลังจิตใจหลอมรวม กลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว! แบบนี้จะสรุปได้ว่า…พลังปราณหนึ่งแสนแคลของฉัน นั่นก็เป็นพลังจิตใจหนึ่งแสนเฮิรตซ์…แค่กๆ แน่นอนว่าส่วนใหญ่คำนวณแบบนี้”
ตาเฒ่าหลี่กระแอมไอ แม้จะพูดไปแบบนั้น กลับไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นนั้น แต่ยังคงเจ๋งพอจะโม้ได้
ตาเฒ่าหลี่พูดต่อว่า “หมายความว่าถ้าฉันควบคุมพลังได้ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ หนึ่งกระบวนท่าเดียวก็ระเบิดพลังฟ้าดินออกไปหมื่นหลุนได้แล้ว น่าจะพอเข้าใจสินะ? แข็งแกร่งกว่าเขาสิบเท่า พลังจิตใจเพียงพอ ปราณกลับไม่ใช่เรื่องยาก…เธอว่าฉันออกกระบวนท่าเดียวจะซ้อมเขาได้หรือเปล่าล่ะ?”
“หมื่นหลุน? เทียบกับขั้นเก้าเป็นยังไง?”
ตาเฒ่าหลี่สำลักไอต่อ “นั่นต้องด้อยกว่าขั้นเก้านิดหน่อยอยู่แล้ว ดังนั้นอีกไม่กี่วันฉันก็จะเป็นอันดับหนึ่งของขั้นแปด!”
“เก่งกาจขนาดนี้เลย?”
“ก็ต้องเก่งสิ!”
“งั้นตอนนี้คุณลองประมือกับผู้บังคับการอู๋ดูสิครับ?”
“แค่กๆๆ!”
ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าหมดคำพูด คร้านจะส่งเสียง
ด้านข้าง พวกหลู่เฟิ่งโหรวเดินเข้ามาเช่นกัน
หลิวพั่วหลู่มองหลี่ฉางเซิงไปแวบหนึ่ง ถอนหายใจว่า “ฉันอายุเยอะกว่านาย ยังไม่คิดจะรนหาที่ตายเลย นายทำเพื่ออะไร?”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะว่า “ใครรนหาที่ตาย? ฉันรนหาที่ตายงั้นเหรอ? ชะตาชีวิตอยู่ในกำมือตัวเองดีที่สุด! ผู้เฒ่าหลิว พูดระคายหูหน่อย คุณติดอยู่ในขั้นแปดมากี่ปีแล้ว? พลังจิตใจฝึกยากขนาดไหน คุณกระจ่างใจกว่าฉันดี อย่ามองว่าตอนนี้ฉันเป็นขั้นแปดปลอมๆ รอถึงขั้นแปดอย่างแท้จริง ต่ำสุดปีสองปี มากสุด…ชั่วชีวิตนี้ไม่มีหวัง สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นนี้แล้ว ใครจะรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี ตอนนี้ฝีมือแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ได้เปรียบขึ้นมาเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรคนที่อายุเจ็ดสิบปีขึ้นไปก็พบเจอได้น้อยอยู่แล้ว หากอยู่ในสถานการณ์ทั่วไป ไม่มีสงครามใหญ่ มีชีวิตถึงเจ็ดสิบปีก็นานพอแล้ว ยังจะมาอะไรมากอีก? มีชีวิตไม่ถึงเจ็ดสิบปี สงครามใหญ่มาถึงก็ไม่มีอะไรแล้วเหมือนกัน การซื้อขายที่กำไรคงที่ พวกนายคำนวณเป็นกันบ้างหรือเปล่า? ทำอย่างกับพ่อพวกนายจะตาย ไม่รู้ยังจะคิดว่าฉันตายไปแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ทำหน้าไม่ใส่ใจ ยิ้มตาหยีว่า “หลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่งดีจะตายไป จากนี้มีแค่หมื่นวิถี ฝึกแค่ร่างกายไม่ฝึกจิตใจและพลังชีวิต ร่างกายแข็งแกร่งคนก็แข็งแกร่ง ปราณฝึกง่าย ฝึกปราณล้านแคลออกมา เทียบกับขั้นเก้าฉันยังแข็งแกร่งกว่า ขั้นสุดยอดอาจจัดการฉันไม่ได้เสมอไป! ปราการของระดับขั้นไม่มีแล้ว เส้นทางฝึกฝนที่ดีขนาดนี้มีแค่อัจฉริยะอย่างฉันเท่านั้นที่ฝึกได้ พวกนายคิดจะฝึก ยังไม่มีคุณสมบัตินี้เลย!”
ฟางผิงคลี่ยิ้มว่า “ผมน่าจะมีคุณสมบัตินี้”
ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “เธอมีชีวิตนานเท่าฉันแล้วค่อยพูดเถอะ! ยังไงฉันก็หกสิบปีแล้ว…”
“คุณน่าจะจำผิด ข้ามปีแล้วตอนนี้คุณอายุหกสิบเอ็ดปี”
“อย่างนั้นเหรอ? นี่หกสิบเอ็ดแล้ว?”
“ใช่ ประเด็นอยู่ที่คุณยังโสด”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ!”
“ผมกลัวว่าคุณอายุสั้นแล้วจะคืนหนี้หลายล้านล้านให้ผมไม่หมด แต่งภรรยาสักคน ให้ลูกหลานตระกูลหลี่ของคุณรับหนี้ต่อสักหน่อยสิ”
“…”
ด้านข้างนั้นทุกคนมองทั้งสองคนไปแวบหนึ่ง หลังจากนั้นสักพักอู๋ขุยซานก็เอ่ยว่า “นายหลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่งแล้ว ฉันคงไม่อาจพูดอะไร แค่อยากเตือนนาย หลังจากนี้ไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องไปถ้ำใต้ดิน!”
“นายจะสนใจฉันทำไมว่าไปหรือไม่ไป!”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างเหิมเกริม “ฉันไปแล้ว นายยังจะกัดฉันได้หรือไง?”
อู๋ขุยซานมองเขา จู่ๆ ก็เอ่ยไปทางฟางผิงว่า “ทุกครั้งที่เขาต่อสู้ จะทำให้พลังชีวิตไหลเวียนออกไปไวขึ้น อยากเติมเต็มพลังชีวิตพวกนี้จำเป็นต้องใช้น้ำแร่ชีวิตจำนวนมากประคองเอาไว้! ฟางผิง หลังจากนี้ต้องฝากที่เธอแล้ว หากเขาต่อสู้เยอะขึ้น ไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงโรยรา ถึงเวลานั้นนายไปเอาน้ำแร่ชีวิตบางส่วนที่เมืองราชามาทดแทนพลังชีวิตที่เขาเสียไป ทำได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา ผมคุ้นเคยกับเมืองราชาดี มีเวลาว่างแล้วจะลองไปตระเวนดู”
——————