ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 479 ระบบอัปเกรดอีกครั้ง (1)
………………..
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
วันที่สามหลังจากงานเลี้ยงของปรมาจารย์สิ้นสุด
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ฟางผิงยกโทรศัพท์ขึ้น เอ่ยเสียงดังว่า “ประธานจาง มหาวิทยาลัยหวาซีของพวกนายจะทำงานกันช้าเกินไปแล้ว? เหลือแค่พวกนายมหาวิทยาลัยเดียวที่ยังไม่โอน ตกลงจะเข้าร่วมหรือเปล่า? ไม่เข้าร่วมก็แล้วไป หลังจากนี้แพลตฟอร์มเชื่อมบนอินเทอร์เน็ตแล้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยหวาซีก็อย่าคิดจะซื้อของบนแพลตฟอร์มเลย พวกนายพึ่งพาตัวเองไปเถอะ!”
“…”
“เพิ่งโอนเข้ามา?”
“…”
“ได้ เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบดู ธนาคารน่าจะยังไม่ได้โอนเข้ามา”
“…”
วางสายโทรศัพท์แล้ว ฟางผิงมองฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ข้างหน้าแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายมาอีกทำไม!”
“ฟางผิง…ช่วยด้วย!”
ฉินเฟิ่งชิงห่อเหี่ยวอยู่บ้าง เอ่ยอย่างร้องไห้ไม่ออก “ฉันไม่ได้อยากมา แต่ฉันอับจนหนทาง!”
ฟางผิงเผยสีหน้าไร้คำจะพูด คร้านรับบทสนทนา
ฉินเฟิ่งชิงเห็นเขาไม่สนใจตัวเอง ก็มองไปทางเฉินอวิ๋นซีที่กำลังจัดเก็บเอกสาร ร้องทุกข์ว่า “รุ่นน้องอวิ๋นซี ได้โปรดพาพี่ชายเธอกลับไปหน่อยได้หรือเปล่า? ฉันยอมแล้ว ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้เขามาอัดฉันซะ ฉันยอมแพ้แล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงแทบอยากร้องไห้ออกมาจริงๆ
“…”
คนอื่นไปหมดแล้ว เฉินเฮ่าหรานกลับยังไม่ไปไหน!
ไม่ยอมไปไหนแล้ว!
หลายวันนี้หากว่างก็จะลากฉินเฟิ่งชิงไปแลกเปลี่ยนความรู้ด้วยกัน
อัดครั้งแรกฟินอยู่หรอก
สองครั้งก็ยังฟิน
แต่ตอนที่กลายเป็นสิบยี่สิบครั้ง แถมไม่สามารถอัดไอ้เวรนี้ให้ตายได้ ฉินเฟิ่งชิงก็อยากร้องไห้จริงๆ แล้ว
เขาอยากจะฝึกวิชา!
อัดบ่อยจนไม่สนุกอีกแล้วเถอะ
ตอนนี้เฉินเฮ่าหรานไม่ยอมไปไหน วันๆ เอาแต่ตามหาเขา เขาจะอกแตกตายจริงๆ แล้ว
เฉินอวิ๋นซีฟังจบก็เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ประธานฉิน นายบอกเองว่าถ้าจะแลกเปลี่ยนความรู้ให้มาหานาย…”
“ฉันแค่พูดไปอย่างนั้น!”
ฟางผิงเอ่ยตัดบทว่า “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว อยากไปไหนก็ไป อวิ๋นซี เร่งรัดทางธนาคารหน่อย โอนเงินของมหาวิทยาลัยหวาซีเข้ามาให้เร็วที่สุด”
“ได้”
เฉินอวิ๋นซีเริ่มยุ่งอยู่กับโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
ฉินเฟิ่งชิงจนใจ คร้านจะพูดประเด็นนี้ต่ออีก ถามว่า “ได้ยินว่าถ้ำใต้ดินเทียนหนานจะอุบัติแล้ว?”
“อืม”
“พวกเราจะไปเมื่อไหร่?”
ฟางผิงชำเลืองมองเขา ขมวดคิ้วว่า “นายจะไปทำไม? ตอนนี้เรียกตัวแค่พวกปรมาจารย์ยอดฝีมือ นายมีคุณสมบัตินี้หรือไง?”
“ฉันไม่สน ยังไงฉันก็จะไป!”
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงใกล้เข้าสู่ขั้นห้าตอนกลางแล้ว ฟางผิงรับปากเรื่องน้ำแร่ชีวิต ทั้งยังส่งถึงมือเขาเรียบร้อย
แต่ดูจากสถานการณ์นี้ ขั้นห้าตอนกลางฝึกอีกระยะหนึ่ง เขาก็น่าจะหมดตัวแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงส่ายหัวทันที “ตอนนี้เซี่ยงไฮ้ไม่มีของดีอะไรแล้ว ไปเทียนหนาน…หากเทียนหนานระเบิดสงคราม ฉวยโอกาสช่วงที่ชุลมุน บางทีอาจจะเก็บศพพืชปีศาจขั้นเก้ามาได้…”
ฟางผิงหมดคำพูด นายคิดเพ้อฝันจริงๆ!
คร้านจะสนใจเขา ด้านข้างนั้นเฉินอวิ๋นซีวางสายโทรศัพท์แล้ว พยักหน้าว่า “ทางธนาคารบอกว่าจะโอนเข้าบัญชีพวกเราเดี๋ยวนี้…”
“งั้นก็ดี”
ฟางผิงใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ นี่คือเงินก้อนสุดท้ายแล้ว
ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยอื่นโอนเงินมา ระบบไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ทรัพย์สินเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ครั้งนี้สงสัยว่ามีการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่อยู่บ้าง เขาไม่รู้ว่าตกลงระบบจะคำนวณและยอมรับหรือเปล่า
เงินก้อนนี้โอนมาถึงบัญชี หากยังไม่มีการเคลื่อนไหวก็พิสูจน์ได้ว่าครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงเห็นเขาร้อนใจก็กระซิบว่า “ฟางผิง…นายวางแผนจะยักยอกเงินสี่หมื่นล้านนั่นของพวกเขาใช่หรือเปล่า หากเป็นแบบนั้นจริงๆ…หารฉันเข้าไปอีกคนสิ?”
ในสายตาของเขา ฟางผิงทำเรื่องนี้แทบไม่มีประโยชน์อะไร
แต่หากยักยอกเงินสี่หมื่นล้านจากมหาวิทยาลัยพวกนี้ สี่หมื่นล้านก็เป็นจำนวนมหาศาลแล้ว
ฟางผิงไม่ปริปาก เจ้าหมอนี้นับวันไอคิวก็ใช้การไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
รวมกับโรงเรียนเตรียมทหาร ตอนนี้มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมมีสูงถึงแปดสิบแห่ง!
ปรมาจารย์อีกหลายสิบคน!
เพื่อเงินหลายหมื่นล้านนี้ ยักยอกเงินของพวกเขา รนหาที่ตายน่ะสิ
เห็นฟางผิงไม่สนใจตัวเอง ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยเสียงเบาอีกครั้ง “ฟางผิง ฉันจะบอกความลับนายเรื่องหนึ่ง อยากฟังหรือเปล่า?”
“ว่างนักก็ไสหัวไป ฉันกำลังยุ่งอยู่!”
“จริงๆ นะ…ถ้านายช่วยฉันลากเฉินเฮ่าหรานไป ฉันจะบอกนาย!”
“พูดมาก่อนแล้วฉันจะคิดดูอีกที”
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้ากลัดกลุ้ม ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เมื่อวานฉันคุยกับนายอ้วนเจี่ยงเชา…นายอ้วนเจี่ยงบอกฉันว่าตอนแรกที่ผู้อาวุโสตระกูลหยางเสียชีวิต จนถึงตอนนี้ศพยังหาไม่เจอเลย…”
“โง่รึเปล่า หมายความว่าศพของปรมาจารย์ตระกูลหยางอาจจะยังอยู่ในถ้ำใต้ดินเทียนหนานยังไงล่ะ…”
เห็นฟางผิงสนใจขึ้นมา ฉินเฟิ่งชิงก็กระซิบว่า “ยอดฝีมือขั้นสุดยอด…แน่นอนว่าเป็นศพของคนกันเอง ไม่เหมาะจะ…แต่ปรมาจารย์ขั้นสุดยอด บนร่างจะไม่มีของดีอะไรเลยงั้นเหรอ? หากพวกเราหาเจอ ส่งปรมาจารย์กลับบ้าน ของล้ำค่าพวกเราเก็บไว้ ไม่แน่ว่าเมืองเจิ้นซิงอาจจะให้ผลประโยชน์อะไรพวกเราก็ได้ ครั้งนี้ถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติ เมืองเจิ้นซิงอาจจะมีคนไปเหมือนกัน…”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “ปรมาจารย์ขั้นสุดยอดเสียชีวิต…ในเมื่อมั่นใจว่าเสียชีวิตจริงๆ ร่างของบุคคลสำคัญเช่นนี้ ทำไมถึงเคลื่อนย้ายกลับมาไม่ได้?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยเสียงเบาว่า “ได้ยินว่าปรมาจารย์ตระกูลหยางเสียชีวิตตอนที่ข้ามเขตแดน เหมือนว่าร่างจะอยู่ในพื้นที่เขตแดน หลังจากนั้นถ้ำใต้ดินเทียนหนานปะทุสงครามใหญ่ ปรมาจารย์ขั้นสุดยอดคนอื่นแทบปลีกตัวไม่ได้…หรือจะพูดตรงๆ หน่อย กลัวตายเหมือนกัน ในเมื่อมีปรมาจารย์ตายไปแล้วหนึ่งคน นั่นอาจจะมีคนที่สองอีก หากเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นก็ยุ่งแล้ว ดังนั้นปรมาจารย์ขั้นสุดยอดจึงไม่ไปค้นหาพื้นที่นั้นมาโดยตลอด ครั้งนี้เมืองเจิ้นซิงจัดคนบางส่วนไปค้นหาเช่นกัน ต่ำกว่าขั้นสุดยอด ตายก็ไม่เป็นไร”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “งั้นเกี่ยวอะไรกับนาย? อย่างน้อยเมืองเจิ้นซิงก็จัดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขั้นแปดไปหาแล้ว นายเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า หรือคิดจะไปตายฟรี? พื้นที่เขตแดนอันตรายขนาดนั้น กระทั่งขั้นสุดยอดยังตาย นายคิดว่าจะดวงแข็งจนถึงขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยด้วยแววตาเป็นประกาย “ได้ยินว่าพื้นที่เขตแดนมีซากอารยธรรม ถึงกระทั่งอารยธรรมของผู้ฝึกยุทธ์สมัยโบราณ! สมัยโบราณมนุษย์ก็บุกเข้าถ้ำใต้ดินแล้ว ฟางผิง นายเคยคิดมาก่อนหรือเปล่า เวลานั้นมนุษย์ชาติแข็งแกร่งกว่าตอนนี้หรือเปล่า? อีกอย่างการอุบัติของทางเดินในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าทางเดินพวกนี้บางทีอาจจะอยู่มาก่อนหน้านี้แล้ว แค่ถูกคนถือโอกาสเปิดขึ้นตอนนี้เท่านั้น นี่หมายความว่า…บางทีนานมาแล้ว คนของพวกเราอาจจะเป็นฝ่ายบุกสู่ถ้ำใต้ดิน ภายหลังถอนตัวกลับมาแล้วปิดผนึกทางเดิน! ทางเดินถ้ำใต้ดินพวกนี้…ฉันถึงกระทั่งสงสัยว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ชาติพวกเราที่บุกเบิกขึ้น! บุกเบิกทางเดินระหว่างสองโลก นี่มันความสามารถอะไรกัน? อย่างน้อยตอนนี้ขั้นสุดยอดก็ทำไม่ได้!”
“แน่นอนว่าหลักๆ เป็นยังไงฉันไม่รู้ แต่ฉันเดาว่าเป็นแบบนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ซากอารยธรรมในพื้นที่เขตแดนอาจจะมีบางอย่างอยู่ในนั้น? เคล็ดวิชาของสมัยโบราณ? เคล็ดวิชาต่อสู้? ถึงกระทั่งเคล็ดวิชาฝึกพลังจิตใจ? ไม่ก็สมบัติที่กองกันเป็นภูเขา? ฟางผิง นายไม่สนใจไปดูบ้างหรือไง?”
ด้านข้างนั้น เฉินอวิ๋นซีด่าออกมาทันที “ฉินเฟิ่งชิง นายออกไปห่างๆ หน่อยได้หรือเปล่า!”
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะเป่าหูฟางผิงไปสถานที่อันตรายแทบทุกครั้ง เฉินอวิ๋นซีอดทนกับเขามานานแล้ว ตอนนี้จึงระเบิดออกมา เอ่ยอย่างโมโหว่า “ฟางผิงขั้นหกแล้ว ขอแค่ปิดผนึกประตูซานเจียว ปู่ฉันบอกว่าไม่นานเขาก็จะเข้าสู่ขั้นแปดแล้ว! ถึงขั้นแปด ฟางผิงก็จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดของมนุษย์ชาติ ปรมาจารย์ขั้นแปดที่อายุน้อยที่สุด! นายเอาแต่ให้เขาไปสถานที่อันตราย จะน่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว!”
จู่ๆ เฉินอวิ๋นซีก็ระเบิดโทสะขึ้นมา นี่เป็นสิ่งที่ฉินเฟิ่งชิงคาดไม่ถึง ฟังจบก็เผยใบหน้ากลัดกลุ้ม เอ่ยอย่างจนใจว่า “รุ่นน้องอวิ๋นซี ฉันแค่พูดไปเท่านั้น ฟางผิงไม่ใช่เด็กน้อยสักหน่อย เขาอยากไปเอง…ฉันก็ขวางไม่ได้ เขาไม่ไป ฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ยังจะบังคับเขาไปได้หรือไง?”
เฉินอวิ๋นซีไม่สนใจเรื่องนี้ เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยังไงก็ห้ามพูดเรื่องพวกนี้อีก ไม่งั้น…ไม่งั้นฉันจะให้ปู่มาคิดบัญชีกับนาย!”
ฉินเฟิ่งชิงทำเกินไปแล้ว!
ทุกครั้งล้วนเป็นแบบนี้!
เอาแต่ทำให้ฟางผิงตกสู่อันตราย นี่ทำให้เฉินอวิ๋นซีอยากอัดเขาอย่างยิ่ง แค่ฝีมือสู้เขาไม่ได้เท่านั้นถึงพูดความในใจออกมา
ฟางผิงไม่สนใจพวกเขา เคาะโต๊ะเบาๆ ครุ่นคิดแล้วก็มองไปทางฉินเฟิ่งชิง “นายพูดออกมาก็ไม่มีประโยชน์ ฉันจะทำเรื่องที่มีความมั่นใจเท่านั้น นายอาศัยโชคล้วนๆ นายไปพื้นที่เขตแดนยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉินเฟิ่งชิง…หรือนายคิดว่าตัวเองสามารถทะลวงผ่านพื้นที่หวงห้ามในเมืองต่างๆ เข้าสู่พื้นที่เขตแดนได้?”
ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะว่า “ไว้ค่อยว่ากันเถอะ ยังไงครั้งนี้ถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติ ฉันก็อยากจะไปดูสักหน่อย นอกจากนี้เหล่าหวังยังจะไปด้วย อาจารย์เขาไม่ใช่ว่าหายตัวไปเมื่อสองปีก่อนหรือไง? เจ้าหมอนี่…อาจจะไปพื้นที่เขตแดนก็ได้ ไว้ค่อยว่าเถอะ ส่วนนาย…นายจะพาฉันไปหรือไม่พาไป ฉันไม่ได้คิดจะไปกับนายสักหน่อย”
ฟางผิงเพิ่งอยากจะอ้าปาก จู่ๆ แววตากลับวูบไหว โบกมือว่า “นายทะลวงขั้นห้าตอนกลางให้ได้ก่อนเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรอย่ามาหาฉัน ทางเฉินเฮ่าหราน…นายให้จางอวี่ไปแลกเปลี่ยนความรู้แทนนายสิ”
—————–