ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 480 ทดลองคุณสมบัติใหม่ (1)
ตอนที่ 480 ทดลองคุณสมบัติใหม่ (1)
………………..
ทะเลเขตทางใต้
ฟางผิงลอยตัวอยู่กลางทะเลเริ่มตั้งคำถามกับการใช้ชีวิตขึ้นมา
ถูกหวงจิ่งโยนมาถึงทะเล เขาไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไงก็ไม่เสียเลือดเสียเนื้อสักหน่อย
ตอนนี้ฟางผิงเสียใจอยู่บ้าง
คุณสมบัติพลิกฟ้านั้นไม่มีอีกแล้ว!
ม่านพลังงานใช้กับหวงจิ่งไม่ได้!
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เกรงว่าเลียนแบบกลิ่นอายคงไร้ประโยชน์แล้ว
“มีข้อจำกัดเรื่องความสามารถจริงๆ งั้นเหรอ? งั้นจะจำกัดกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าหรือเปล่า?”
ก่อนหน้านี้ทดลองแค่เฉินอวิ๋นซี เฉินอวิ๋นซีเพิ่งขั้นสี่เท่านั้น
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงไม่คิดชักช้าอีก ไม่นานก็ขึ้นมาจากทะเล สะบัดตัวเล็กน้อย ร่างกายแห้งขึ้นมาชั่วพริบตา ก่อนจะวิ่งไปทางพื้นที่ที่มีคนรวมตัวกัน
—
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
ในมุมหนึ่ง
ฟางผิงพึมพำว่า “อย่างมากก็ได้แค่ระดับเดียวกับฉัน!”
เขาลองดูแล้ว มากที่สุดคือปิดบังกลิ่นอายผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนต้นได้เท่านั้น ตอนกลางไม่ได้
“แม่งเหอะ ดีใจเก้อซะแล้ว!”
ฟางผิงลอบด่าในใจ น่าเสียดายเกินไปแล้ว ไม่งั้นพาขั้นเก้าขั้นสุดยอดไปพเนจรในถ้ำใต้ดิน เขาอาจจะสามารถปั่นป่วนถ้ำใต้ดินจนวุ่นวายไปทั่วได้ด้วยซ้ำ!
ขั้นสุดยอดสิบสี่คนของประเทศจีน รวมเข้าด้วยกันแล้ว นั่นคือฆ่าได้ไม่เลือกหน้า
แม้จะไม่จำเป็นต้องถึงสิบสี่คน พาไปคนเดียวก็สามารถกำราบถ้ำใต้ดินแต่ละแห่งได้อย่างรวดเร็วอยู่ดี ลอบฆ่าเจ้าเมืองขั้นเก้าและพืชปีศาจสัตว์ปีศาจพวกนั้น
“น่าเสียดายเกินไปแล้ว!”
ฟางผิงรู้สึกเสียดายอย่างมาก ดูจากแนวโน้มในตอนนี้ เขาต้องถึงขั้นเก้าขั้นสุดยอดถึงจะสามารถพาขั้นสุดยอดพวกนี้ออกไปด้วยกันได้
นี่ไว้ใจไม่ได้อยู่บ้าง ใครจะรู้ว่าเขาจะแตะถึงระดับขั้นนั้นได้เมื่อไหร่
ส่วนม่านพลังงานจำกัดให้พาคนไปเท่าไหร่ ฟางผิงยังไม่ได้ลอง
พาไปสามคน สิบล้านต่อหนึ่งนาที หนึ่งชั่วโมงก็หกร้อยล้าน ทั้งวันทั้งคืนหนึ่งหมื่นกว่าล้าน ฟางผิงคิดว่าตัวเองแทบจะล้มละลายได้
เครื่องหมายบวกยังอยู่ น่าจะยังเพิ่มจำนวนคนได้อีก แต่พาไปสี่คน ดูจากที่เพิ่มการสิ้นเปลืองครั้งละสิบเท่า หนึ่งนาทีหนึ่งร้อยล้าน หนึ่งชั่วโมงก็หกพันล้านแล้ว!
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงก็เลิกล้มความคิดนี้ไปทันที
ล้อเล่นแล้ว!
ค่าทรัพย์สินหนึ่งแสนล้านของตัวเอง พาไปสี่คน ไม่ถึงหนึ่งวันก็เกือบเกลี้ยงแล้ว เขาร้องไห้เป็นสายเลือดได้ด้วยซ้ำ
“ยังมีเลียนแบบกลิ่นอายอีก…สามารถเลียนแบบกลิ่นอายของระดับสูงได้งั้นเหรอ?”
ฟางผิงลองคุณสมบัติใหม่ต่อ หลังจากนั้นสักพัก ฟางผิงก็ถอนหายใจอีกครั้ง
ระบบสร้างข้อจำกัดกับตัวเองจริงๆ ด้วย
เลียนแบบกลิ่นอายก็ทำได้แค่ระดับเดียวหรือต่ำกว่าตัวเอง
แต่ว่า…
ฟางผิงแววตาเป็นประกาย คุณสมบัตินี้น่าสนใจอยู่บ้าง ตอนที่ฟางผิงลองเลียนแบบกลิ่นอาย ในหัวก็ปรากฏกลิ่นอายของหลายคน ล้วนเป็นพวกที่เขาเคยพบเจอมาก่อน
แต่ว่ากลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง เขาไม่สามารถเลียนแบบออกมาได้
แต่คนอื่นๆ ยังพอทำได้
—
ซ่งอิ๋งจี๋รับรู้ได้ถึงกลิ่นอาย หันกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ฉินเฟิ่งชิง ทำไมวันนี้มาสระปราณได้ล่ะ…”
พูดไม่ทันจบ เขาก็ตกตะลึงไป
เห็นแค่แผ่นหลังคนๆ นั้น สวมวิกผมอยู่ จู่ๆ ก็ยื่นมือ…มาดีดหน้าผากเขา
“เหอะๆ อาจารย์ ผมคือฟางผิง ผมมาอัดคุณแล้ว!”
พูดจบคนๆ นั้นก็วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว หายแวบไปในชั่วพริบตา!
ด้านข้างนั้น อาจารย์ที่ดูแลสระปราณเอ่ยอย่างอึ้งๆ ว่า “เหล่าซ่ง…นายถูกคนดีดหน้าผากแล้ว?”
“ชะ…ใช่ไหมนะ?”
ซ่งอิ๋งจี๋ตกตะลึงไป!
ฉันถูกคนดีดหน้าผากแล้ว?
“ฟาง…ไม่ใช่ฟางผิง!”
ครู่ต่อมาซ่งอิ๋งจี๋ก็โมโหแทบคลั่ง เอ่ยอย่างมีโทสะว่า “ไอ้เวรฉินเฟิ่งชิง รนหาที่ตาย!”
แม่งเหอะ นายคิดว่าฉันปัญญาอ่อนหรือไง?
นายสวมวิกผม ฉันก็จำนายไม่ได้แล้ว?
นายแกล้งเลียนเสียงฟางผิง ฉันจะจำผิดคนได้?
ผู้ฝึกยุทธ์จำคนจากเสียงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
พลังปราณของผู้ฝึกยุทธ์ล้วนมีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เจ้าหมอนั่นมาถึง เขาก็สัมผัสได้ว่าเป็นฉินเฟิ่งชิงแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังปราณที่อบอวลขึ้นมาระหว่างที่วิ่งหนี!
ซ่งอิ๋งจี๋โมโหอย่างหนัก อาจารย์ที่อยู่ด้านข้างพยายามกลั้นหัวเราะ “อย่าโกรธเลยๆ คลายโทสะสักหน่อยเถอะ ช่วงนี้ฉินเฟิ่งชิงน่าจะกดดันเรื่องฝึกวิชา สติ…สติฟั่นเฟือนไปบ้าง แค่ดีดหน้าผากเท่านั้น อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลย…”
“ไสหัวไป!”
ซ่งอิ๋งจี๋กราดเกรี้ยวขึ้นมา “ฟางผิงไอ้เวรนั่นก็เอาแต่ประกาศว่าจะอัดฉัน ยังไงเขาก็ขั้นหกแล้ว…ฉันอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาเสมอไป แต่ไอ้เวรฉินเฟิ่งชิงยังอยู่ขั้นห้า ยังกล้ามาท้าทายอีกคน วันนี้ฉันจะอัดเขาให้ตาย!”
ดีดหน้าผากเขางั้นเหรอ?
ตัวเองจะทุบหัวเขาให้กลายเป็นแตงโมคอยดู!
—
ตึกฝึกประสบการณ์สู้รบ
ถังเหวินกำลังฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ข้างหลังจู่ๆ ก็มีคนปรากฏตัวขึ้น คว้าไหล่เธอแล้วก็โยนขึ้นไปข้างบน!
เดิมทีถังเหวินก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ยืนในอากาศไม่ได้ด้วยซ้ำ ครู่ต่อมาก็ร่วงลงพื้นตรงๆ ก่อนจะถูกเหวี่ยงขึ้นไปใหม่ ตกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น…
ข้างล่าง ผู้ชายที่สวมวิกผมคนหนึ่งกดเสียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นึกไม่ถึงว่าหัวสิงโตจะกล้ารังแกคนอย่างฟางผิง ฉันบอกไปแล้วว่าจะล้างแค้น!”
ถังเหวินแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว!
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ประธานฟางดีกับพ่อตัวเองแล้วไม่ใช่หรือไง?
ทำไมมารังแกเธออีกแล้วล่ะ!
แถมยังลงมือด้วยตัวเอง อายบ้างหรือเปล่า?
กำลังครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ คนที่ปกปิดใบหน้าคนนั้นเหมือนจะลงมือหนักไปหน่อย เปิดเผยพลังปราณออกมา…
ชั่วพริบตานี้ถังเหวินกัดฟันขึ้นมาทันที!
ดีจริงๆ ฉินเฟิ่งชิง!
วันนี้ฉันไม่เรียกพ่อมาซ้อมนายให้ตาย อย่ามาเรียกฉันว่าถังเหวินเลย!
นึกไม่ถึงว่ายังจะแกล้งเป็นประธาน!
ฉันก็ว่าแล้ว ประธานจะมาทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ได้ยังไง!
เป็นนายนี่เอง นายคิดว่าแกล้งทำเสียงประธานแล้ว ฉันจะจำนายไม่ได้เหรอ?
ถังเหวินแทบจะเดือดพล่านขึ้นมา ฉินเฟิ่งชิงทะลวงขั้นห้าแล้ว ยังทำเรื่องน่าอายแบบนี้อีก ไม่คิดรักษาภาพลักษณ์บ้างหรือไง?
คนที่ปิดบังหน้าตาโยนแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง เห็นว่าด้านข้างมีคนอ้าปากค้าง จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลัวเซิง นายก็อยู่เหมือนกันเหรอ พอดีเลย ถือโอกาสจัดการนายไปด้วย!”
ครู่ต่อมา ทั้งสองคนก็ถูกโยนไปโยนมาราวกับลูกบอล ถูกโยนจนแทบจะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว
คนสารเลวนี้จะรังแกกันเกินไปแล้ว
หลังจากนั้นสักพักผู้ที่ปกปิดหน้าก็จากไป
หลัวเซิงเผยสีหน้างุนงง เอ่ยด้วยใบหน้าอยากจะร้องไห้ “ประธานทำอะไรเนี่ย ฉันไม่ได้หาเรื่องเขาสักหน่อย?”
“โง่! นั่นไม่ใช่ประธาน เป็นฉินเฟิ่งชิงคนสารเลวนั่น!”
ถังเหวินกัดฟันแน่น ทำท่าราวกับจะอ้วกแล้วก็เอ่ยอย่างโมโห “ไป ฉันจะไปฟ้องพ่อฉัน…นายไปหาพ่อนาย เขารังแกคนเกินไปแล้ว จะอัดเขาให้ตาย!”
หลัวเซิงได้ยินว่าเป็นฉินเฟิ่งชิงก็โล่งใจ เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ฉันว่าแล้วประธานคงไม่ไร้ยางอายขนาดนั้น รุ่นพี่ฉินเกินไปแล้ว ฉันจะไปร้องความเป็นธรรมกับพ่อเดี๋ยวนี้แหละ!”
ครู่ต่อมาทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปหาพ่อของตัวเอง
—
วันที่ 7 เมษายนนี้
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เกิดเรื่องที่ทำให้คนคาดไม่ถึง
ฉินเฟิ่งชิงเสียสติไปแล้ว!
เจ้าหมอนี่สวมวิกผม ลอบจู่โจมคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไปไม่น้อย
มีทั้งอาจารย์ขั้นหก นักศึกษาขั้นห้า…จางอวี่ ถังเหวินและหลัวเซิงที่อยู่ขั้นสอง…
ลอบจู่โจมขั้นห้าก็แล้วไป ยังจะรังแกขั้นสองอย่างหน้าไม่อายอีก
ทั้งเจ้าหมอนี่ยังแกล้งเป็นฟางผิง ผู้เคราะห์ร้ายต่างไม่พอใจ
นายจะแกล้งก็แกล้งให้เหมือนๆ หน่อย พลังปราณนั้นของนาย ใครสัมผัสไม่ได้บ้าง?
ตอนที่ถังเฟิง หลัวอี้ชวน ซ่งอิ๋งจี๋ จางอวี่…คนพวกนั้นมาหาถึงหน้าประตู ขวางฉินเฟิ่งชิงที่ห้องฝึกวิชาพลังฟ้าดิน ฉินเฟิ่งชิงก็เผยสีหน้าสับสนแฝงความโมโห!
“ไม่ใช่ฝีมือผม!”
“ยังจะปากแข็งอีก!”
ซ่งอิ๋งจี๋โมโหอย่างหนัก เอ่ยอย่างมีโทสะ “ดีจริงๆ เลยนะไอ้หนู ฟางผิงถึงขั้นหกแล้ว ยังไม่กล้าทำเรื่องลบหลู่ครูบาอาจารย์แบบนี้เลย นายกลับเป็นฝ่ายลงมือก่อน! ฉันระวังตัวกับฟางผิง ยังไม่เคยระวังตัวกับนาย เอาเรื่องจริงๆ!”
เขาระแวดระวังตัวจากฟางผิง มีแค่ฟางผิงคนเดียวเท่านั้น
เจ้าเด็กฟางผิงเคยบอกไว้นานแล้วจะหาโอกาสมาซ้อมเขา
แต่นึกไม่ถึงว่าฉินเฟิ่งชิงจะเป็นคนรังแกเขาเสียก่อน นี่จะทำเกินไปจริงๆ แล้ว
—————-
………………..