ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 481 ร่วมกันผนึกประตู (1)
ตอนที่ 481 ร่วมกันผนึกประตู (1)
………………..
โยนความผิดให้ฉินเฟิ่งชิงครั้งหนึ่ง ตัวเองยังถูกอัดไปด้วย ฟางผิงไม่มีอารมณ์จะไปสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินเพื่อทำเรื่องนี้อีกแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฟางผิงก็เริ่มลองฝึกวิชาของขั้นหก
ผนึกประตูซานเจียว
ประตูซานเจียวที่ขั้นหกตอนต้นต้องปิดผนึกก็คือประตูของปราณ
ผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งมีพลังปราณแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งจะผนึกยากเท่านั้น
ภายในห้องฝึกวิชา
บนหัวฟางผิงมีประตูอยู่สามบาน ฟางผิงมองไปทางประตูบานหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายอยู่เนิ่นนาน
ประตูนี้ราวกับมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ บอกว่าผนึกประตู ยังไม่สู้บอกว่าปิดใช้งานจะเหมาะสมกว่า อันที่จริงประตูซานเจียวก็มีประตูอยู่
เพียงแค่ตอนนี้ประตูใหญ่เปิดอ้า ฟางผิงจำเป็นต้องค่อยๆ ดึงประตูใหญ่เพื่อปิดให้สนิท
ทั้งเรื่องนี้ เขาต้องสิ้นเปลืองพลังงานจำนวนมากในการขยับ
ตอนที่ขยับประตู ฟางผิงรับรู้ว่าความเร็วนั้นลดลงอย่างมาก
ประตูที่เลือนรางนั้นราวกับหนักหลายร้อยล้านจิน
ใช้พลังไปมหาศาล ฟางผิงเพิ่งจะขยับได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น กว่าจะปิดประตูได้ยังอีกยาวไกล
“ไม่แปลกใจที่ทุกคนใช้เวลานานในการผนึกประตูซานเจียว”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกแทบไม่มีวิธีอะไรที่ทำให้ฝึกได้เร็วขึ้นเลย
แน่นอนว่ามีปราณเต็มเปี่ยม ยังพอจะขยับได้หลายครั้ง
อย่างฟางผิง ใช้ปราณจนเกลี้ยงแล้ว สามารถเพิ่มใหม่ขยับต่อไปได้
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกคนอื่น หนึ่งวันขยับสองสามชั่วโมง เขาสามารถขยับได้อย่างต่อเนื่อง นี่ก็คือความได้เปรียบ
แต่ในสายตาฟางผิง ยังคงช้าเกินไป
“หนึ่งปีถึงสองปี…ช้าเกินไปแล้ว!”
ถ้าคนนอกรับรู้ถึงความคิดของฟางผิง น่าจะอกแตกตายแล้ว
ประตูซานเจียว ใครไม่ใช้เวลาหลายปีในการปิดผนึกบ้าง ฟางผิงใช้เวลาปีสองปี ช้ามากงั้นเหรอ?
คนอื่นคิดว่าเร็ว ฟางผิงกลับรู้สึกว่าช้าจริงๆ
เวลาต่อจากนั้น เขาก็ลองใช้พลังจิตใจและพลังฟ้าดินขยับบานประตูแทน
ผลปรากฏว่าพลังฟ้าดินยังช่วยเรื่องผนึกประตูซานเจียวไม่น้อย ยิ่งพลังแข็งแกร่งเท่าไหร่ ยิ่งขยับง่ายเท่านั้น
“แต่สิ้นเปลืองอย่างหนักเหมือนกัน!”
พลังฟ้าดินสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินมากเกินไป
แต่ค่าทรัพย์สินหนึ่งแสนล้านอยู่ในมือ ฟางผิงรู้สึกว่าพอจะรับได้ เร็วได้เท่าไหร่ก็ดีเท่านั้น
ทั้งฟางผิงยังลองใช้พลังจิตใจตรวจสอบภายในประตูซานเจียว ปรากฏว่าในนั้นว่างเปล่า โล่งไปหมด ไม่ว่าจะตรวจสอบยังไงก็เหมือนเดิม
อันที่จริงฟางผิงยังคงสงสัยในประตูซานเจียวอยู่บ้าง ประตูนี้…ตกลงเป็นมายังไงกันแน่?
สะพานฟ้าดินเขาพอจะเข้าใจ นั่นเป็นสิ่งที่เขาก่อตั้งขึ้นมาในขั้นสี่
แต่ประตูซานเจียวปรากฏออกมาจากอากาศ เหมือนจะมาจากอีกมิติหนึ่ง ดึงให้ปรากฏขึ้นในความเป็นจริง
—
บ้านพักหมายเลขแปด
ฟางผิงปรากฏประตูซานเจียวขึ้นมา เอ่ยด้วยใบหน้าสงสัยว่า “อาจารย์ สามารถส่งคนเข้าไปในประตูซานเจียวได้ไหมครับ?”
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวว่า “ประตูซานเจียวอยู่ระหว่างความเป็นจริงและความว่างเปล่า แม้จะปรากฏออกมา ในความเป็นจริงกลับไม่ได้อยู่มิติเวลานี้ เป็นหลักการที่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง เทียบกับการคงอยู่ของอาวุธวิเศษแล้ว ซับซ้อนยิ่งกว่า! แม้อาวุธวิเศษจะอยู่ในระหว่างความเป็นจริงและความว่างเปล่าเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงอาวุธวิเศษสามารถใช้เป็นอาวุธทั่วไปได้ ทั้งยังมีการคงอยู่ของวัตถุที่ใช้สร้างขึ้นมา แค่ถูกพลังจิตใจของพวกเราทำให้เลือนรางไปเท่านั้น อาวุธวิเศษสามารถเข้าไปในประตูซานเจียวได้ พลังปราณและพลังจิตใจก็ทำได้ แต่วัตถุอย่างอื่นที่เป็นรูปธรรมนั้นไม่ได้”
ฟางผิงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งความสามารถแข็งแกร่งเท่าไหร่ ประตูซานเจียวก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น อาจารย์ ถ้าถึงขั้นสุดยอดอย่างแท้จริง ประตูซานเจียวจะเปลี่ยนเป็นจับต้องได้ ปรากฏอยู่ในโลกความเป็นจริงหรือเปล่าครับ?”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่มั่นใจเท่าไหร่ ครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยว่า “ถ้าเป็นแบบนั้น ยอดฝีมือขั้นสุดยอดที่คงอยู่ตอนนี้ คงไม่ถึงกลับไม่เปิดเผยออกมา ถ้าทำได้ ประตูสามบานนนี้จะเชื่อมต่อไปที่ไหนล่ะ?”
“ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน กระทั่งคนทั่วไปอาจมีการคงอยู่ของประตูซานเจียว งั้นประตูที่เยอะขนาดนี้ เชื่อมต่อไปสถานที่เดียวกันหรือเชื่อมต่อไปในสถานที่แตกต่างกัน?”
“อีกอย่างประตูซานเจียวยังเกี่ยวข้องกับร่างกายของมนุษย์ พื้นที่วางเปล่าที่เธอเห็นบางทีอาจจะเป็นพื้นที่ใดสักแห่งภายในร่างกายเธอก็ได้…”
หลู่เฟิ่งโหรวพูดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดให้มากมาย แม้การฝึกวิชาจำเป็นต้องทำให้เข้าใจว่าตัวเองฝึกอะไร แต่ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งล้ำค่ามากที่สุดอย่างหนึ่ง ทั้งยังเก็บซ่อนความลับไว้มากมาย บางครั้งเรื่องที่ไม่เข้าใจ ทำได้เพียงปล่อยวางไปก่อน”
การศึกษาเรื่องประตูซานเจียวมีการดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการศึกษาเรื่องแกนสมองอะไรพวกนี้เช่นกัน
แต่ศึกษาวิจัยมาหลายปีขนาดนี้ กลับไม่มีความก้าวหน้าเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน ปัจจุบันแม้จะมีองค์กรทำการศึกษาวิจัยอยู่ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะลงทุนไปจำนวนมาก ผลตอบแทนที่ได้กลับแทบไม่มีหวัง
ประตูซานเจียวและแกนสมอง นั่นเป็นเรื่องของผู้ฝึกยุทธ์สูงกว่าขั้นหกขึ้นไป
ผู้ฝึกยุทธ์พวกนั้นมีเรื่องให้ทำมากมาย จะมีเวลามาสิ้นเปลืองอยู่ในห้องวิจัยได้ยังไง
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังคงเอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “นี่ถ้าให้คนเข้าไปในประตูซานเจียวได้ หายอดฝีมือสักคนช่วยผมผลักประตูปิดให้หน่อย นั่นคงฟินแล้ว!”
เขาขยับได้ยาก แต่ถ้ามียอดฝีมือสามารถเข้าไปได้ ไม่ใช่ว่าจะช่วยปิดผนึกอย่างรวดเร็วหรือไง?
นึกมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ฟางผิงก็แววตาเป็นประกาย “อาจารย์ ก่อนหน้านี้หวังจินหยางใช้สะพานฟ้าดินตัวเองทุบประตูซานเจียวของคนอื่น นี่หมายความว่าอันที่จริงพลังฟ้าดินสามารถเข้าสู่ประตูซานเจียวได้ หรือคุณจะลองใช้สะพานฟ้าดินของคุณ ยัดเข้ามาในประตูซานเจียวของผม ช่วยผมขยับประตูสักหน่อย?”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “อย่าเอาแต่คิดอะไรแพลงๆ เธออยากให้ประตูซานเจียวตัวเองระเบิดหรือไง? ปราณของฉันและเธอไม่เหมือนกัน คุณสมบัติของพลังงานก็ไม่เหมือนกัน สถานการณ์แบบนี้ หากสะพานฟ้าดินของฉันสัมผัสกับเธอจะเกิดการระเบิดขึ้นเท่านั้น!”
เวลานี้ฟางผิงแววตาวับวาวขึ้นมา เอ่ยทันที “คุณหมายความว่าขอแค่คุณสมบัติของพวกเราเหมือนกัน…ไม่สิ ผมหมายถึงพลังปราณของผมและคุณมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน สะพานฟ้าดินของคุณก็สามารถเข้าสู่ประตูซานเจียวของผมได้แล้ว?”
จู่ๆ ฟางผิงก็สะบัดหัว พึมพำว่า “ใช่ ฉันต้องใช้สะพานฟ้าดินของตัวเองลองดูก่อน ใช้สะพานฟ้าดินของฉันยัดเข้าไปในประตู ลองดูว่าจะช่วยขยับประตูได้หรือเปล่า…ถ้าหากทำได้…”
ฟางผิงใจเต้นกระหน่ำขึ้นมา!
ถ้าทำได้ นี่หมายความว่าอะไร?
หมายความว่าตัวเองสามารถให้คนอื่นช่วยปิดผนึกประตูอย่างรวดเร็วได้!
ไม่สิ คนที่ขั้นสูงกว่าตัวเองไม่ได้ อย่างมากก็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พลังจากหลายคนก็ดีกว่าคนเดียวเป็นไหนๆ
ทั้งเขาสามารถช่วยคนอื่นเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายได้เช่นกัน นายช่วยฉัน ฉันช่วยนาย…บางทีอาจจะสามารถผ่านด่านของขั้นหกได้เร็วขึ้น!
“ได้หรือเปล่านะ?”
“ถ้าทำได้ หลังจากนี้เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกก็จะเดินได้ไวแล้ว!”
“หากทำสำเร็จ คุณสมบัติที่ระบบอัปเกรดในครั้งนี้ก็เป็นคุณสมบัติขั้นเทพจริงๆ แล้ว!”
“แต่ว่า…เรื่องนี้ต้องใช้เวลาครุ่นคิดสักหน่อย คนทั่วไปจะบอกไม่ได้…เหล่าหวังและหัวเหล็กเจ้าสองคนนั้นจะบอกได้หรือเปล่านะ?”
ฟางผิงไม่ค่อยมั่นใจอยู่บ้าง เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป จะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริง!
สามารถช่วยอีกฝ่ายปิดผนึกประตูซานเจียวได้ นี่แทบจะล้มล้างเส้นทางฝึกวิชาของผู้ฝึกยุทธ์ เทียบกับหมื่นวิถีรวมเป็นหนึ่งของตาเฒ่าหลี่ยังพลิกเปลี่ยนมากกว่า
หลู่เฟิ่งโหรวเห็นฟางผิงพึมพำกับตัวเองก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “อย่าทำอะไรมั่วซั่ว! ฟางผิง สะพานฟ้าดินของตัวเองเข้าสู่ประตูซานเจียวนั้นทำได้ แต่ต้นกำเนิดพลังงานต้องมาจากแหล่งเดียวกัน พลังปราณที่เกิดจากร่างกายเธอ เดิมทีก็คือสิ่งที่สะพานฟ้าดินจัดสรรออกไป ดังนั้นสะพานฟ้าดินจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปก็เหมือนกัน ทั้งแม้จะเป็นแหล่งเดียวกัน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้กระทบกระทั่งกัน สร้างอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจแก้ไขได้!”
“เข้าใจแล้วครับๆ…”
ฟางผิงพยักหน้า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาครุ่นคิดหน่อย
แต่ในใจมีความคิดนี้แล้ว ฟางผิงก็อยากลองอยู่บ้างจริงๆ
รวมพลังหลายคนปิดผนึกประตูซานเจียว จะใช้เวลาสั้นลงมากใช่หรือเปล่า?
หนึ่งคนใช้เวลาไม่กี่ปี สองคนล่ะ?
แล้วถ้าสามคน?
ถึงกระทั่งมากกว่านั้น?
คนเยอะพลังมาก คนหนึ่งอาจจะช่วยขยับได้หนึ่งมิลลิเมตรต่อครั้ง แต่สามคนบางทีอาจจะขยับได้สิบมิลลิเมตร ไม่ใช่สามมิลลิเมตร
“หากรวมพลังหลายคนจริงๆ บางทีฉันอาจจะปิดผนึกได้ในสี่ห้าเดือนนี้!”
“หากปิดผนึกประตูซานเจียว เรื่องหลอมรวมเลือดและสารจิงเป็นหนึ่งก็แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ปรากฏพลังจิตใจอีกที งั้นฉันก็สามารถทะลวงขั้นเจ็ดอย่างรวดเร็วแล้ว บ่มเพาะพลังจิตใจอีกระยะหนึ่ง ถึงกระทั่งกลายเป็นขั้นแปด…”
“หรือว่าฉันจะเดินเส้นทางหมื่นวิถีรวมเป็นหนึ่งดี?”
“ไม่ได้ๆ ฉันไม่อยากตายเร็วขนาดนั้น ฉันมีระบบ เพิ่มพลังจิตใจได้รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบตาเฒ่าหลี่”
ตอนนี้ฟางผิงคิดฟุ้งซ่านในหัวเต็มไปหมด
เขากำลังคิดว่าพวกหวังจินหยางควรค่าให้ไว้ใจหรือเปล่า
เรื่องทั่วไป ฟางผิงบอกคงไม่มีปัญหา
จากที่เหล่าหวังบุกเข้ามาช่วยชีวิตตัวเองครั้งก่อน ฟางผิงก็แทบไม่อาจปิดบังอะไรต่อเขาได้แล้ว
แต่เรื่องแบบนี้…
ฟางผิงเผยแววตาใสแจ๋ว พึมพำว่า “อันที่จริงฉันไม่กลัวที่จะบอกพวกเขาในตอนนี้ แต่…กังวลหลังจากที่พวกเขาฟื้นตัวมากกว่า!”
—————–