ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 483.2 ถึงเทียนหนาน (2)
ตอนที่ 483 ถึงเทียนหนาน (2)
………………..
หลิวรั่วฉีพยักหน้าเล็กน้อย “พอจะรู้มาบ้าง แต่ไม่เยอะ มหาวิทยาลัยไม่ได้บอกพวกเราเป็นทางการ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองบางส่วนแทบจะรู้กันหมด คนรู้เยอะจึงปิดไม่อยู่ ทุกคนต่างอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน รวมถึงช่วงนี้มหาวิทยาลัยจะอพยพคน ปรมาจารย์หลายคนไปถึงเขาชิงหมางแล้ว ตอนที่พวกเราช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยเลยมีโอกาสพูดคุยกับคนของหน่วยทหารเหมือนกัน รู้เรื่องคร่าวๆ มาบางส่วน…ช่วยอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยได้หรือเปล่า?”
หยางเจี้ยนที่นั่งข้างหน้านั้นรับบทสนทนาว่า “ถ้ำใต้ดินอันตรายมากจริงๆ งั้นเหรอ?”
“อืม อย่างน้อยสำหรับพวกนายแล้วก็อันตรายอย่างมาก!”
ฟางผิงพูดง่ายๆ ไม่กี่ประโยค จวบจนถึงตอนท้าย หยางเจี้ยนและหลิวรั่วฉีต่างพากันเงียบลง
ผ่านไปสักพัก จู่ๆ หยางเจี้ยนก็ยิ้มขึ้นมา “ครั้งนี้มหาวิทยาลัยเทียนหนานปิดเทอมใหญ่ พวกจื้อหาวนัดพวกเราไปมหาวิทยาลัยหนานเจียงด้วยกัน ได้ยินว่าหนานเจียงก็มีถ้ำใต้ดินอุบัติ…จื้อหาวบอกว่าเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ฟางผิง พวกเราเข้าไปได้หรือเปล่า? ได้ยินว่านายและผู้ว่าหนานเจียงสนิทกัน…”
ฟางผิงหัวเราะว่า “ทั้งสองคน รองผู้ว่าหนานเจียงก็อยู่ที่นี่ พวกนายยังจะมาถามฉัน?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หยางเจี้ยนก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที เขาลืมไปเลย
หวังจินหยางเหมือนจะเป็นรองผู้ว่าหนานเจียง!
ตอนนี้หวังจินหยางลืมตาขึ้นเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ขั้นหนึ่งยังคงอันตรายเกินไป แต่ทางหนานเจียงช่วงนี้กำลังสร้างเมืองใหม่ ไม่มีการต่อสู้เท่าไหร่ พวกนายไปช่วยสร้างเมือง เข้าใจสถานการณ์ถ้ำใต้ดินก่อนก็ได้ ออกนอกเมืองคงไม่จำเป็น”
เขาพูดมาถึงตรงนี้ ฟางผิงกลับนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ เอ่ยปากถามว่า “ทางถ้ำใต้ดินหนานเจียง เมืองใหม่มีชื่อหรือยัง? ชื่อเมืองที่ฉันแนะนำให้ครั้งก่อนได้ใช้หรือเปล่า?”
หวังจินหยางไม่ตอบ ทั้งขี้เกียจจะตอบเช่นกัน
จะเป็นไปได้ยังไง!
ใช้ชื่อของนายตั้งชื่อเมือง ฟางผิงช่างกล้าพูดจริงๆ
ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันไปตลอดทาง กลับไม่ได้มีความรู้สึกตึงเครียดจนเกินไป
หลายวันนี้ บรรยากาศทางเขาชิงหมางกดดันไม่น้อย คนของหน่วยทหารและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ต่างตกอยู่ในความเคร่
งเครียด พาให้พวกเขาล้วนเครียดตามไปด้วย
ผลปรากฏว่าเจอคนพวกนี้ จู่ๆ หยางเจี้ยนก็รู้สึกว่าชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยดังพวกนี้ไม่ได้มาอย่างไร้เหตุผล
ไม่มีท่าทีตึงเครียดอย่างสิ้นเชิง
—
ในเวลาเดียวกับที่พวกฟางผิงมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ ตีนเขาชิงหมาง
ภายในเขาชิงหมาง กลางหุบเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ตอนนี้ในหุบเขากลายเป็นฐานทัพขนาดใหญ่แล้ว
ห้องประชุมแห่งหนึ่งในฐานทัพ
หนานอวิ๋นเยวี่ยเอ่ยขึ้นว่า “อธิการอู๋ ทำไมเด็กสองคนนั่นมาอีกแล้ว? ไปที่ไหนก็เจอแต่พวกเขา!”
หนานอวิ๋นเยวี่ยพูดประโยคนี้ด้วยความจนใจอยู่บ้าง
เธอเพิ่งจะออกมาจากถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของระดับต่ำกว่าขั้นสุดยอด ถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติ เธอมานั่งรักษาการณ์ที่นี่ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน
แต่นึกไม่ถึงว่าเธอเพิ่งจะมาถึง เจ้าเด็กสองคนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ตามมาทันที
หนานอวิ๋นเยวี่ยพูดออกมา ในกลุ่มก็มีคนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อำนวยการหนาน ใครมานะ?”
หนานอวิ๋นเยวี่ยฝีมือแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด บุคคลที่เธอให้ความสนใจ ทุกคนยังคงใส่ใจไม่น้อย
หนานอวิ๋นเยวี่ยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ฟางผิง ฉินเฟิ่งชิง”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา บางคนแปลกใจ บางคนก็หลุดขำ “เด็กสองคนนี้? อธิการอู๋ เด็กสองคนนี้มาทำไม? หรือจะเปิดฉากแสดงละครที่เทียนหนาน ชักนำให้เกิดความขัดแย้งภายในถ้ำใต้ดิน?”
“รีบไล่พวกเขาไปซะ นี่ไม่ใช่สนามรบของพวกเขา นอกจากคนของหน่วยทหารที่รับผิดชอบเฝ้าระวัง ไม่อนุญาตให้คนอื่นๆ เข้าสู่เขตกักกัน คนอื่นๆ อพยพไปหมดแล้ว”
“ใช่แล้ว พวกเขามาตอนนี้ไม่มีประโยชน์”
“จะเก็บไว้ใช้งานก็ยังต้องรออีกหลายปี”
คนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือทั้งหมด
แต่พูดถึงเด็กวัยรุ่นพวกนี้กลับไม่มีท่าทีรำคาญใจแต่อย่างใด คนพวกนี้ต่างเป็นอัจฉริยะในหมู่เด็กรุ่นใหม่ เป็นความหวังในอนาคต ทุกคนไม่อยากให้คนพวกนี้ต้องมาด่วนจากไปที่นี่
อู๋ขุยซานยกยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา พวกเราทำเรื่องของตัวเอง ปล่อยให้พวกเขาทำเรื่องของพวกเขา เทียนหนานในครั้งนี้ปล่อยให้พวกเขาดิ้นรนไปเถอะ ยังไงเทียนหนานก็ถูกกำหนดให้ทำสงครามเต็มรูปแบบอยู่แล้ว พวกเขามีความสามารถ งั้นก็ก่อกวนเทียนหนานให้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินไปเลย…”
“อธิการอู๋ไม่กลัวว่าสองคนนี้จะตายอยู่ที่นี่หรือไง?”
“ชีวิตใครชีวิตมัน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้ากันแล้ว พวกเราก็ไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กจริงๆ สักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น…”
ระหว่างที่อู๋ขุยซานพูดก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น แทนที่จะให้พวกเขาก่อเรื่องวุ่นวายในถ้ำใต้ดินอื่น ยังไม่สู้ให้อยู่ที่นี่ ต่อให้ก่อปัญหาใหญ่ขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัว ถ้าฉวยโอกาสที่พวกเราอยู่ที่นี่ ไปก่อเรื่องยุ่งที่ถ้ำใต้ดินอื่น ถึงเวลานั้นถึงจะเป็นปัญหาอย่างแท้จริง”
ได้ยินแบบนี้ หนานอวิ๋นเยวี่ยจึงเอ่ยว่า “ก็ถูก ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา!”
เหล่าอู๋พูดมีเหตุผลจริงๆ!
ตอนนี้เทียนหนานเป็นแนวรบหลัก หากเจ้าพวกนี้จะก่อเรื่องยุ่งที่นี่จริงๆ ก็ไม่เป็นไร
ที่อื่นยึดรูปแบบถ่วงเวลาเป็นหลัก
หากถูกก่อความวุ่นวาย นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว
มีคนเอ่ยหยอกว่า “ฟังจากความหมายของพวกคุณแล้ว อย่างกับว่าเจ้าเด็กพวกนี้ยังจะก่อเรื่องวุ่นวายได้จริงๆ?”
“พูดยาก”
“…”
พวกเขาถกเถียงกันอยู่สักพัก หนานอวิ๋นเยวี่ยก็วกกลับมาในประเด็นเดิม เอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “ทางเดินจะอุบัติในสองวันนี้แหละ! หากไม่เหนือความคาดหมาย ตรงข้ามของทางเดินต้องมียอดฝีมือของถ้ำใต้ดินเทียนหนานมารวมตัวไม่น้อย ชั่วพริบตาที่ทางเดินอุบัติ พวกเราก็จะเข้าไปโจมตีอีกฝ่ายทันที! ภารกิจหลักไม่ใช่ฆ่าศัตรู แต่ต้องไล่อีกฝ่ายให้ออกห่างจากทางเดิน ไม่อนุญาตให้พวกเขาบุกเข้าไปทำสงครามบนพื้นโลก! ทุกคน…ศึกครั้งนี้ห้ามถอย!”
“เข้าใจแล้ว!”
คำสั่งที่ว่า ‘ห้ามถอย’ ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายให้มากความ ต่อให้สถานการณ์วิกฤตถึงขนาดไหนก็ไม่อนุญาตให้ถอย
การประชุมไม่นานก็สิ้นสุดลง
หลายวันนี้อันที่จริงการประชุมแบบนี้เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว
ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ก็เป็นแค่คำพูดซ้ำซากน่าเบื่อเท่านั้น
—
การประชุมจบลง
พวกเขาเดินออกมาจากห้องประชุม ถังเฟิงก็เอ่ยอย่างจนใจ “เจ้าเด็กพวกนี้ก่อเรื่องวุ่นวาย จางชิงหนานน่าจะตายไปนานแล้ว มหาวิทยาลัยหนานเจียงก็ไม่คิดขัดขวางอะไรเลย นี่ไม่ใช่จะเหลวไหลไปหน่อยหรือไง?”
อู๋ขุยซานส่ายหัวว่า “ขวางไม่อยู่ ทางมหาวิทยาลัยหนานเจียงใครจะขวาง? ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป เจ้าเด็กพวกนี้ไม่ตายง่ายขนาดนั้น อีกอย่างพวกเราเข้าไปดึงดูดความสนใจก่อน ยังไงพวกเขาก็นับว่าค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเกินเหตุ”
อู๋ขุยซานมองไปยังพวกหลี่โม่ที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง กดเสียงว่า “กลับเป็นกลุ่มจากเมืองเจิ้นซิงนี้…เหมือนว่าจะมีเป้าหมายอื่น”
หลู่เฟิ่งโหรวเห็นอู๋ขุยซานเปิดม่านพลังจิตใจขึ้นมาจึงเอ่ยว่า “ไปหาร่างของขั้นสุดยอดที่ตายคนนั้น”
“หืม?”
อู๋ขุยซานแปลกใจอยู่บ้าง หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ฟางผิงบอกว่าคนจากเมืองเจิ้นซิงบอกเอง กลุ่มครั้งก่อนนั้นมีเจ้าเด็กอ้วนปากมากคนหนึ่ง ความลับของเมืองเจิ้นซิงเลยรั่วไหลออกมาบางส่วน”
อู๋ขุยซานหมดคำจะพูด หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกมาอยู่บ้าง เอ่ยอย่างจนใจ “เสียทีที่คนจากเมืองเจิ้นซิงกลุ่มนี้คิดว่าเป็นความลับ สรุปคือถูกเปิดเผยนานแล้ว?”
แม้จะหัวเราะ อู๋ขุยซานครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ตามหลักยอดฝีมือขั้นสุดยอดเสียชีวิต ตามหาร่างกลับไปเป็นเรื่องที่สมควร แต่ขั้นสุดยอดยังตาย ต้องมีอันตรายอย่างแน่นอน พูดตามความเป็นจริงหน่อยก็คือคนตายไปแล้ว เอาชีวิตขั้นเจ็ดขั้นแปดหลายคนไปเสี่ยงอันตราย คุ้มค่าหรือไง? ยังมีขั้นเก้านำทีมอีก หากคนพวกนี้ตายไปด้วย จะเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง”
หลู่เฟิ่งโหรวกวาดสายตาไปทางนั้น เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “น่าจะมีเหตุผลสินะ บางทีร่างของขั้นสุดยอดอาจจะเกี่ยวพันถึงอะไรบางอย่าง ถึงกระทั่ง…เกี่ยวพันถึงความลับของขั้นสุดยอด หาร่างเจอแล้วอาจจะทำให้เกิดขั้นสุดยอดใหม่ขึ้นอีกครั้ง นายคิดว่าไงล่ะ?”
อู๋ขุยซานพยักหน้าเบาๆ นี่อาจเป็นไปได้
ขั้นสุดยอดเกิดขึ้นยากแบบนี้ บางทีอาจจะมีเหตุผลบางอย่างจริงๆ
ตอนนี้อันที่จริงขั้นเก้าก็มีไม่น้อย ประเทศจีนหลายสิบคน ทั่วโลกนับร้อยคน
แต่ช่วงสิบปีนี้ ขั้นสุดยอดที่เกิดขึ้นใหม่แทบจะนับได้ด้วยมือเดียว
“ขั้นสุดยอด…”
อู๋ขุยซานพึมพำ ระดับอยู่ห่างไกลจากพวกเขาเกินไป ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องคิดเช่นกัน
ส่วนทางเมืองเจิ้นซิงก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ แล้วแต่พวกเขาเถอะ
—
พวกฟางผิงที่เพิ่งมาถึงหมู่บ้านตีนเขายังไม่รู้ว่าตัวเองถูกจับตามองแล้ว
ตอนนี้หมู่บ้านเล็กๆ อยู่ในการควบคุมของทหาร
คนทั่วไปอพยพไปกันแล้ว มีแค่คนในหน่วยทหารและนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้กำลังลาดตระเวนอยู่
พวกฟางผิงแสดงบัตรผู้ฝึกยุทธ์แล้วก็ไม่มีใครขัดขวางอะไร คนพวกนี้แทบจะเป็นดาวเด่นของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ คนส่วนมากต่างรู้จักพวกเขา
เดินอยู่สักพัก ฟางผิงก็มองไปทางหยางเจี้ยนและหลิวรั่วฉี “พวกนายรีบอพยพไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องไปเป็นเพื่อนพวกเราแล้ว ตอนบ่ายพวกเราจะขึ้นไปดูบนเขา”
“ได้ พวกนายระวังตัวด้วยล่ะ!”
ทั้งสองคนไม่พูดมาก วันนี้ทางมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะเริ่มทยอยอพยพ พวกเขาเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง อยู่ในขอบเขตการอพยพเช่นกัน
มองส่งทั้งสองคนออกไปแล้ว ฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวฉันจะไปหาอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หน่อย ทุกคนตามสบายละกัน รอทางเดินถูกจัดการแล้ว พวกเราค่อยเข้าไป”
พวกเขาพยักหน้า หวังจินหยางกวาดตามองเขาชิงหมาง เผยแววตาซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด
ตั้งแต่สองปีก่อนที่ออกจากเทียนหนาน เขาก็ไม่ได้เข้ามาอีกเลย
ในเวลานั้นเขาบอกว่าจะรอถึงขั้นปรมาจารย์แล้วค่อยมาเปิดทางเดินเพื่อช่วยอาจารย์
ตอนนี้สองปีผ่านไปแล้ว ปรมาจารย์กลับยังอยู่ห่างไกล รอจนผนึกทางเดินสลายด้วยตัวเอง
ผู้ไม่รู้ย่อมไม่มีความกลัว ตัวเองในสองปีก่อนคิดว่าขอแค่มีใจเด็ดเดี่ยว เส้นทางปรมาจารย์อาจแตะถึงได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้…หวังจินหยางถอนหายใจ ระยะห่างยังอีกไกลโพ้น
——————–