ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 485 สงครามใหญ่ (1)
ตอนที่ 485 สงครามใหญ่ (1)
………………..
ภายในทางเดิน
ทางเดินพลังงานที่โปร่งแสง ตอนนี้มีแต่รอยเลือดเปรอะเปื้อน
ทางเดินที่ยาวนับพันเมตรถูกย้อมไปด้วยเลือดทุกหนทุกแห่ง
หลี่หานซงดวงตาแสบพร่า ชกหมัดกับกำแพงทางเดินอย่างแรง
สามคนที่เหลือไม่มีใครส่งเสียง รักษาความเงียบเอาไว้
ฟางผิงมองไปรอบๆ…ผ่านไปสักพักก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงขื่นขมอย่างเห็นได้ชัด “ช่วยกันเก็บศพหน่อยเถอะ…”
“ศพ…”
หลี่หานซงดวงตาแดงก่ำ เอ่ยอย่างเจ็บปวดว่า “ยังมีศพที่ไหนกัน…”
ในทางเดินมีแค่เศษซากของร่างมนุษย์ที่ไม่สมประกอบ มีศพที่สมบูรณ์ที่ไหน
ยอดฝีมือมนุษย์มีคนตายไปเท่าไหร่?
ไม่รู้!
รู้แค่ว่าเลือดที่กระจัดกระจายเต็มพื้นนี้ เป็นของยอดฝีมือมนุษย์หลายคนหลงเหลือเอาไว้ ระบบปราณของมนุษย์และผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่เหมือนกัน
กลางทางเดินนั้นยังมีกระดูกทองที่เละไม่เป็นชิ้นดีบางส่วน
นั่นเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันการตายของยอดฝีมือร่างทอง!
พวกเขาไม่พูดอะไรอีก เริ่มเก็บซากศพของผู้ที่ตายในสนามรบพวกนี้
—
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
หวังจินหยางถอนหายใจว่า “อธิการของมหาวิทยาลัยตงอู๋ อธิการมหาวิทยาลัยตงหู…สองคนนี้ตายแล้วจริงๆ”
เขาพบเจอร่างครึ่งหนึ่งของสองคนนี้ในเศษซากพวกนั้น
แม้ว่าจะไม่มีภาพจำที่ลึกล้ำ แต่ปรมาจารย์สองคนนี้ ยังคงให้คำชื่นชมกับอัจฉริยะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อย่างเขาไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าต้องจากกันไปแบบนี้แล้ว
“รองอธิการหลิวมหาวิทยาลัยหวากั๋วตายแล้ว…”
“ผู้บัญชาการเจิ้งจากเทียนหนานตายแล้ว…”
“…”
หลังจากที่พวกเขารู้ตัวตนของศพบางส่วน ในใจของทุกคนก็หนักอึ้งอย่างยิ่ง
พูดไม่ถูกว่าเป็นความเสียใจหรือเจ็บปวด รู้สึกแค่…ไม่ยินยอมและเคียดแค้นอย่างถึงที่สุด!
แยกแยะตัวตนได้ทั้งหมดเก้าคน
นี่หมายความว่าเวลาครู่เดียวนี้ อย่างน้อยมีปรมาจารย์ตายในสนามรบไปแล้วเก้าคน!
ทั้งยังมีบางส่วนอาจจะดับสูญไปทั้งหมด ไม่เหลือร่างและกระดูกไว้
ภายในเวลาสั้นๆ นี้ประเทศจีนมียอดฝีมือปรมาจารย์ตายไปหลักสิบแล้ว!
ในหมู่คนที่ยืนยันตัวตนได้ ขั้นเจ็ดหกคน ขั้นแปดสามคน…
ทั้งขั้นแปดของประเทศจีนรวมแล้วยังไม่ถึงหนึ่งร้อยคน
“ขั้นเก้า…มีคนตายหรือเปล่า?”
ทุกคนปิดปากเงียบ พวกเขาไม่รู้
ยอดฝีมือขั้นเจ็ดเพิ่งจะเข้ามาทีหลัง แต่ยังไงมีคนตายเยอะขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าสงครามในทางเดินรุนแรงถึงขนาดไหน
ครั้งนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เรียกตัวปรมาจารย์สามสิบคน แค่ภายในทางเดินก็พบซากศพของยอดฝีมือมหาวิทยาลัยไปสามคนแล้ว
จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็ใช้ดาบฟันศพร่างหนึ่งจนสูญสลายไป กัดฟันว่า “ไม่เป็นไร! ปรมาจารย์ของพวกเราตายแล้ว แต่พวกเขาตายเยอะกว่า อย่างน้อยถ้ำใต้ดินก็กำจัดระดับสูงไปได้หลายสิบคน…”
ในทางเดินไม่ได้มีแค่ศพของมนุษย์ ยังมีศพของผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำเช่นกัน
ทั้งยังไม่น้อย!
นี่ไม่ใช่กรงเล็บของสัตว์ปีศาจขั้นเก้า เป็นเพียงขั้นเจ็ด
พืชปีศาจและสัตว์ปีศาจผู้พิทักษ์ไม่ได้มีแค่ขั้นเก้า เมืองบางแห่งก็เลี้ยงพืชปีศาจและสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดขั้นแปดไว้เช่นกัน
ถอนหายใจเบาๆ แล้ว ฟางผิงก็เอ่ยต่อ “ฉันจำได้ว่าขั้นเก้าของมนุษย์มีคนเคยเลี้ยงสัตว์ระดับสูงเป็นพาหนะ ครั้งนี้ทำไมไม่มีคนเอามาทำสงครามด้วยล่ะ?”
หลี่หานซงเอ่ยอย่างหม่นหมองว่า “สงครามปรมาจารย์ขนาดใหญ่แบบนี้ ปกติไม่อาจขี่มาร่วมสงคราม มนุษย์มีพลังควบคุมไม่มากพอ จะทำให้เกิดการต่อต้านได้ง่าย!”
พูดจบ หลี่หานซงก็มองซากศพไม่สมประกอบด้านหน้าพวกนั้น ถอนหายใจว่า “ผู้อาวุโสพวกนี้จะทำยังไงดี?”
“หน่วยทหารจะจัดการเอง…อาวุธ สิ่งมีค่าจากศพไม่อนุญาตให้เก็บ…”
ฟางผิงมองฉินเฟิ่งชิงแวบหนึ่ง ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างโมโหว่า “ฉันไม่ได้ไร้คุณธรรมขนาดนั้น!”
ฟางผิงไม่ว่าเขาอีก มองไปรอบๆ เนิ่นนานก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่รู้ว่าพวกอาจารย์…พวกเขาจะเป็นยังไงกันบ้าง?”
หลู่เฟิ่งโหรวและถังเฟิงเพิ่งจะขั้นเจ็ดตอนต้นเท่านั้น
แม้จะมีอาวุธวิเศษในมือ แต่ที่นี่เป็นสงครามของระดับสูง ใครก็ไม่รู้ว่าจะโชคร้ายเจอยอดฝีมือขั้นแปดขั้นเก้าหรือเปล่า
ถึงจะไม่มีศพของพวกขา…แต่ภายใต้การระเบิดตัวเองของระดับสูง จะไม่เหลืออะไรเลยก็เป็นไปได้เหมือนกัน
หวังจินหยางเอ่ยเสียงทุ้มลึกว่า “พวกเรายังครองความได้เปรียบ ไม่งั้นคงไล่ศัตรูล่าถอยไปไม่ได้หรอก! ตอนนี้นึกถึงเรื่องพวกนี้ไม่มีประโยชน? พวกผู้อาวุโสไม่ได้สนใจความเป็นความตาย…พวกนายตระหนักได้หรือเปล่า? ผู้อาวุโสที่ตายไป..เป็นคนอายุมากทั้งหมด”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ในใจทุกคนก็ยิ่งหนักอึ้ง
ใช่แล้ว ยอดฝีมือที่ตายพวกนี้ล้วนเป็นประเภทที่อายุค่อนข้างเยอะ
เห็นได้ชัดว่าการตายของคนพวกนี้ไม่ได้มาจากสาเหตุโชคไม่ดี บางทีอาจจะเตรียมใจตายมานานแล้ว ต่อสู้จนถึงช่วงวิกฤต ยืดอกออกมาเลือกพังพินาศไปพร้อมกับศัตรู
หวังจินหยางไม่พูดเรื่องนี้อีก เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทั้งสามคน! ครั้งนี้มีอันตรายอย่างยิ่ง! การมาถ้ำใต้ดินเทียนหนานเป็นความเห็นแก่ตัวของฉันเอง พวกเราไม่ใช่ปรมาจารย์ หากไปถึงอีกฝั่งแล้ว คงมีอันตรายรอบด้าน! ตอนนี้ยังไม่ทันออกจากทางเดิน…”
เขาพูดไม่ทันจบ ฟางผิงก็มองไปทางหลี่หานซงและฉินเฟิ่งชิง “ทางที่ดีพวกนายสองคนอยู่ในทางเดินก่อน รอคนของหน่วยทหารเข้ามาค่อยออกไปพร้อมกัน”
ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงว่า “ฉันไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาพวกนายหรอก ไม่จำเป็นต้องช่วยฉันเหมือนกัน เจอกับอันตราย ทิ้งฉันไว้ก็พอ เป็นหรือตายแล้วแต่ฟ้าลิขิต!”
หวังจินหยางสูดลมหายใจเข้าลึก พยักหน้าว่า “คำพูดซาบซึ้งฉันคงไม่พูดแล้ว! ในเมื่อเป็นแบบนี้…งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ พวกนายและฉันสี่คนร่วมมือกัน แม้จะเป็นยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดเป็นหนึ่งแล้วก็สามารถสู้ได้!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยแววตาเยียบเย็น “ไม่ใช่สู้ได้ มาเท่าไหร่ก็ฆ่าเท่านั้น! เจอยอดฝีมือประเภทนั้น พวกนายช่วยฉันต้านสักหน่อย มาเท่าไหร่ก็จะฆ่าให้หมด!”
ตอนนี้ฟางผิงตัดสินใจแล้ว
หากเจอกับยอดฝีมือที่ใกล้จะเข้าสู่ระดับสูง มาเท่าไหร่ก็จะระเบิดให้ตายเท่านั้น!
เขาที่ทะลวงขั้นหกแล้ว เดิมทีฝีมือก็เทียบได้กับขั้นหกสูงสุดทั่วไป
ภายใต้การทุ่มสุดกำลัง รวมกับพลังฟ้าดินแล้ว ไม่จำเป็นต้องเหมือนครั้งก่อนที่ทำตัวเองกลายเป็นโครงกระดูกก็เพียงพอให้ฆ่ายอดฝีมือที่หลอมรวมสารจิงกับเลือดแล้วได้เหมือนกัน
“งั้นยังจะพูดมากทำไมอีก ไป!”
ฉินเฟิ่งชิงไม่คิดชักช้าเช่นกัน มาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นหรือตายแล้วแต่ฟ้าลิขิต หากตายก็ถือว่าโชคไม่ดี
พวกเขาไม่พูดอะไรกันอีก คำนับให้กับซากศพบนพื้นพวกนั้นพร้อมกัน ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ เดินมุ่งไปข้างหน้าทันที
คนตายไปแล้ว รบตายในถ้ำใต้ดิน…เป็นเกียรติสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์!
นี่เป็นสิ่งที่ถังเฟิงพูดในตอนที่พวกเขาเพิ่งเข้าสู่คลาสฝึกพิเศษ
เวลานั้นถังเฟิงพูดประโยคนี้ หลายคนยังไม่เข้าใจ ฟางผิงถึงกระทั่งลอบขำในใจ ให้คุณรบตายในถ้ำใต้ดิน คุณยังรู้สึกว่าเป็นเกียรติงั้นเหรอ?
แต่วันนี้เวลานี้ฟางผิงเชื่อแล้ว
ไม่ใช่แค่ถังเฟิง ยอดฝีมืออาวุโสพวกนั้น แม้ปกติจะมีบุญคุณความแค้นต่อกันมากมายขนาดไหน รอถึงถ้ำใต้ดินแล้วล้วนเป็นเพื่อนร่วมชาติ สหายร่วมรบ ทำสงครามเพื่อประเทศจีน ทำสงครามเพื่อมนุษยชาติ
คนพวกนี้ไม่อยากตาย กลับไม่หวั่นเกรงต่อความตายเช่นกัน
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือเมืองที่พังเละเทะแห่งหนึ่ง หลงเหลือเพียงซากกำแพงพังถล่ม
นี่คือเมืองเทียนหนานในอดีต
พวกเขาปรากฏตัวขึ้น ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็เผยสีหน้าแวดระวังขึ้นมา เพราะมาจากทางเดินข้างหลังจึงไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่ยังคงมีคนก่นด่าว่า “ไอ้พวกลูกหมา มาร่วมความครึกครื้นไม่รู้จักเวล่ำเวลา!”
ผู้พูดไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นรัฐมนตรีหวัง
ตอนนี้ฝั่งทางเดินมีปรมาจารย์เฝ้าระวังอยู่กว่าสิบคน
รวมถึงหลี่เต๋อหย่ง ปรมาจารย์ใหญ่ขั้นเก้าของหน่วยทหารคนนั้น
พอเห็นพวกฟางผิง รัฐมนตรีหวังก่นด่าแล้ว ไม่รอให้พวกเขาพูดอะไรก็เอ่ยอย่างรวดเร็ว “ข้างหน้ายังมีการต่อสู้กัน ไม่อนุญาตให้วิ่งวุ่นไปทั่ว อยู่ที่นี่แหละ…ไม่สิ ถอยไปรอข้างหลัง!”
ฟางผิงไม่พูดอะไร มองออกไปทางไกลๆ นั้น
เกิดเสียงระเบิดดังไม่หยุดหย่อน
แสงสีทองระยิบระยับวูบวาบอยู่กลางอากาศ
สัตว์ปีศาจขนาดใหญ่หลายตัวพุ่งตรงเข้ามา ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินที่นำมันมากำลังประมือกับมนุษย์
ต้นไม้สูงใหญ่เทียมฟ้าและพืชพรรณดอกไม้กวัดแกว่งกิ่งก้านแหวกทะลวงอากาศ อบอวลไปด้วยพลังฟ้าดิน
พวกหลี่เต๋อหย่งไม่มองพวกฟางผิงอีกแล้ว เผยสีหน้าเคร่งขรึมมองไปทางไกลๆ นั้นแทน
พวกเขามีภารกิจของพวกเขาเช่นกัน เฝ้าระวังทางเดิน ป้องกันยอดฝีมือถ้ำใต้ดินรุกล้ำทางเดินเข้าสู่พื้นโลก
คนอื่นๆ กลับต่อสู้ห้ำหั่นศัตรูอยู่ข้างหน้าไม่ขาดสาย
ในตอนที่ฟางผิงคิดจะเอ่ยปากถาม ที่ไกลๆ นั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้น ลำแสงทะลวงผ่านความว่างเปล่าออกมา
“โฮก!”
เสียงแผดร้องสั่นสะเทือนไปทั่วฟ้า ภาพเหตุการณ์ที่ถูกพลังฟ้าดินห่อหุ้มจนมองเห็นไม่ชัดเจนก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นสู่เบื้องหน้าทุกคนแล้ว
ทั่วร่างหนานอวิ๋นเยวี่ยเต็มไปด้วยเลือด ย้อมเปรอะเปื้อนบนร่างทอง มือกำดาบสั้น ผ่าชำแหละหัวของสัตว์ปีศาจประเภทหนูขนาดใหญ่ตัวหนึ่งด้วยดาบเดียว
กลางอากาศ สัตว์ปีศาจขนาดใหญ่ที่ถูกผ่าหัวไม่ได้ตาย
พลังจิตใจที่อยู่ระหว่างความเป็นจริงและความว่างเปล่ากำลังอัดแน่นรวมกัน ราวกับเนื้อตายนั้นไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร พลังจิตใจกำลังหลอมรวมเลือดเนื้อใหม่
แต่ครู่ต่อมา ด้านข้างก็มีแสงดำมืดกะพริบผ่านอย่างรวดเร็ว!
ไกลๆ นั้น จางเว่ยอวี่หมุนหอกออกไป ประกายหอกและพลังจิตใจของสัตว์ปีศาจปะทะกัน เกิดเสียงระเบิดกึกก้องไปทั่ว
ฉวยโอกาสนี้ หนานอวิ๋นเยวี่ยคำรามขึ้นอีกครั้ง ดาบสั้นถูกปล่อยออกไป อากาศสั่นสะเทือน ดาบพุ่งฟันใจกลางกลุ่มก้อนของพลังจิตใจ
เปรี้ยง!
ชั่วพริบตานี้เสียงระเบิดที่ดังยิ่งกว่าครั้งไหนก็แผ่กระจายออกมา!
พวกฟางผิงที่อยู่ห่างไกลออกมา ยังคงร่างสั่นคลอนไม่หยุด ควันหลงพุ่งเข้ามายังไม่ทันประชิดร่าง ร่างของฉินเฟิ่งชิงก็ถูกเฉือนบาดเป็นแผลนับไม่ถ้วนแล้ว
ด้านข้าง หลี่เต๋อหย่งโบกมือครั้งหนึ่ง ปัดป้องควันหลงเหล่านั้น เอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “ผู้อำนวยการหนานฆ่าปีศาจหนูได้แล้ว!”
พวกรัฐมนตรีหวังก็กระตือรืนร้นขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนว่า “ดีจริงๆ! ฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นเก้าสองตัวแล้ว เผ่าเยามิ่งยังจะกล้าลงมือต่อหรือเปล่า!”
——————