ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 486 ครั้งนี้ถ่อมตัวเป็นหลัก (1)
ตอนที่ 486 ครั้งนี้ถ่อมตัวเป็นหลัก (1)
………………..
ทะเลสาบเสี้ยวจันทร์
ฟางผิงเดินตามเหล่าหวังพลางกดเสียงว่า “ทุกคน ครั้งนี้เข้ามาเพื่อมาหาคน ฉันขอย้ำอีกครั้ง ครั้งนี้มาเพื่อหาคน! ตอนนี้พวกปรมาจารย์กำลังต่อสู้อย่างไม่กลัวตาย พวกเราอย่าสร้างปัญหาเพิ่มให้พวกเขาเลย ฉินเฟิ่งชิง ไม่อนุญาตให้เคลื่อนไหวพลการก่อปัญหาใหญ่กว่านี้ให้พวกปรมาจารย์ ไม่อนุญาตให้ล่อพวกปีศาจในพื้นที่หวงห้าม ถ้าเกิดเรื่องก็ห้ามวิ่งไปตรงทางเดิน…”
ฉินเฟิ่งชิงสีหน้าแทบดูไม่ได้ กัดฟันว่า “คำพูดนี้นายพูดให้ตัวเองฟังเถอะ!”
ฟางผิงถอนหายใจว่า “นายพูดถูกแล้ว ฉันกำลังพูดให้ตัวเองฟังอยู่”
ฟางผิงคิดดีแล้ว ครั้งนี้จะสงบเสงี่ยมหน่อย ไม่ไปสร้างปัญหาให้คนอื่น
หากเป็นเหมือนครั้งก่อน ล่อปีศาจในพื้นที่หวงห้ามออกมา นั่นก็เป็นปัญหาจริงๆ แล้ว
ระหว่างที่พูด จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “พวกนายเอาแหวนมิติเข้ามาหรือเปล่า?”
พวกเขาต่างตกตะลึงไปเล็กน้อย!
หลี่หานซงอดไม่ได้ เอ่ยอึกอักว่า “แหวนมิติ?”
“มหาวิทยาลัยปักกิ่งของพวกนายไม่มี?”
“นี่…นี่ต้องไม่มีอยู่แล้ว…หรือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มี?”
หลี่หานซงหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีแหวนมิติ?
ฟางผิงกดเสียงลงเล็กน้อย “อันที่จริงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่มี…แต่ว่าฉันมี พรรคพวกของเราในเวลานั้นมีกันทุกคน พวกนาย…น่าจะทำหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะหากลับมาได้หรือเปล่า”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างครุ่นคิด “พูดแบบนี้แสดงว่านายหากลับมาได้แล้ว?”
“อืม”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หวังจินหยางและหลี่หานซงต่างสั่นสะท้านในใจ หลี่หานซงเอ่ยอย่างร้อนใจอยู่บ้าง “งั้นเวลานั้นอาวุธของพวกเรายังอยู่หรือเปล่า?”
“มีคนสืบทอดต่อหรือเปล่า? มีของอย่างอื่นอีกไหม?” หวังจินหยางถามออกมาเบาๆ เช่นกัน
นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะหาของในชาติก่อนกลับมาได้!
จากคำพูดของฟางผิง ตอนนั้นพลังต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
กระทั่งแหวนมิติยังมี ไม่แน่ว่าอาจจะแข็งแกร่งกว่าขั้นสุดยอดในปัจจุบันนี้ซะอีก!
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้ามีคนรับช่วงต่อเก็บรักษาไว้ บางทีความสามารถของทุกคนอาจจะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว!
รวมถึงอาวุธวิเศษ เคล็ดวิชาต่อสู้ถึงกระทั่งทรัพยากรฝึกวิชา
ในเมื่อทิ้งแหวนมิติเอาไว้ ในแหวนมิติจะไม่มีทรัพยากรสักนิดเลยหรือไง?
ฟางผิงเอ่ยเสียงเบา “ฉันจำไม่ค่อยได้ มีคนรับช่วงต่อหรือเปล่าไม่แน่ใจ อันที่จริงแหวนมิติของฉันหาเจอโดยบังเอิญ”
“ในนั้นมีบันทึกเรื่องราวช่วงเริ่มต้นหรือเปล่า?”
ตอนนี้ทั้งสองคนแทบไม่อาจสนใจเรื่องของแหวนมิติแล้ว
เทียบกับแหวนมิติ หากมีบันทึกเหตุการณ์ในเวลานั้นอยู่ บางทีพวกเขาอาจจะฟื้นฟูความทรงจำบางส่วนได้
สิ่งที่เรียกว่าความทรงจำ จำได้มากก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
แต่เวลานี้เคยฝึกวิชามาครั้งหนึ่ง ถึงระดับขั้นนั้นแล้ว วันนี้ฝึกอีกครั้ง ฝีมืออาจจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงส่ายหัวว่า “ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแค่แหวนมิติเปล่าๆ”
“อย่างนั้นเหรอ…”
ทั้งสองคนผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
ด้านข้างนั้น ฉินเฟิ่งชิงแทบจะอกแตกตาย เอ่ยอย่างรวดเร็ว “เวลานั้นหมายความว่าอะไร? แหวนมิติอะไร? ฟางผิง นายมีแหวนมิติงั้นเหรอ? อย่ามาหลอกกันให้ยาก…นี่ไม่ใช่มีแต่ในตำนานหรือไง?”
ฟางผิงมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เรื่องนี้ฉันเชื่อใจนายเลยพูดขึ้นมาต่อหน้านาย! ฉินเฟิ่งชิง ห้ามเอาไปแพร่งพรายกับข้างนอก! ฉัน รวมถึงพวกเหล่าหวังต่างมีตัวตนค่อนข้างพิเศษ นายเอาไปพูดมั่วซั่ว พวกเราจะตายเพราะนายได้!”
ฉินเฟิ่งชิงอัดอั้นตันใจจะตายอยู่แล้ว ข่มกลั้นจนหน้าดำหน้าแดง เป็นความรู้สึกที่อกแทบระเบิด เขามีคำถามนับไม่ถ้วนกลับไม่รู้ว่าควรจะถามยังไงดี
หลังจากนั้นสักพัก ฉินเฟิ่งชิงก็หอบหายใจว่า “มีแหวนมิติจริงๆ?”
“ถูกต้อง…” ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันใช้ได้คนเดียว ของสิ่งนี้เกี่ยวพันกับพลังจิตใจ พวกนายใช้ไม่ได้ อีกอย่างไม่ใช่แค่ฉันมี คนในแวดวงสำนักบางส่วนก็เหมือนจะมีเช่นกัน เหตุผลที่บอกพวกนายเพราะไม่อยากสิ้นเปลือง ก่อนหน้านี้สังหารสัตว์ปีศาจพวกนั้น อันที่จริงสามารถเอากลับไปได้หมด พวกเราไม่ได้ใช้ ให้พวกผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างพวกนั้นใช้เลือดเนื้อของสัตว์ปีศาจก็มีส่วนช่วยในการหลอมกระดูกและร่างกายของพวกเขา อีกอย่าง…ฉันสงสัยว่าขั้นสุดยอดน่าจะมีเหมือนกัน”
ฟางผิงพูดเสริมว่า “หากไม่มี ทางเมืองเจิ้นซิงอาจเอาหินพลังงานและสัตว์ปีศาจกลับมาไม่ได้เสมอไป ได้ยินว่าพวกเขาย้ายหินพลังงานขนาดใหญ่ยักษ์กลับมาทั้งนั้น หรือยอดฝีมือยังแบกของแบบนี้กลับมาได้ด้วย?”
“แหวนมิติ…แหวนมิติ…”
ฉินเฟิ่งชิงพึมพำกับตัวเอง กลืนน้ำลายว่า “ใหญ่หรือเปล่า?”
“ไม่ใหญ่”
“นายอย่ามาหลอกฉัน!”
ฉินเฟิ่งชิงกดเสียงว่า “ปีศาจสุนัขเม่นครั้งก่อน นายก็เอาใส่แหวนมิติกลับมาใช่หรือเปล่า? ฉันก็ว่าแล้วนายเอากลับมาได้ยังไง? ตอนที่นายไปเมืองเทียนเหมินแทบไม่ได้เอาอะไรไป นายบอกว่าเจี่ยวให้นาย ไร้สาระสิ้นดี ตอนที่เจี่ยวบุกเข้ามา อันที่จริงฉันเห็นมันตั้งแต่ไกลๆ แล้ว ไม่ได้เอาอะไรมาสักอย่าง เวลานั้นยังติดใจ ไม่ทันได้คิดให้มาก นึกไม่ถึงว่านายจะมีอุปกรณ์เทพๆ แบบนี้!”
แม้ว่าแหวนมิติจะไม่ใช่อาวุธวิเศษที่ใช้โจมตี แต่ของแบบนี้มีประโยชน์จริงๆ
ทุกคนลงถ้ำใต้ดิน ไม่อาจแบกอะไรหนักเกินไปได้ รวมถึงหินพลังงาน ไม่งั้นปกปิดพลังงานไม่อยู่ จะล่อปีศาจออกมาโจมตีได้ง่าย
แม้จะได้ของดีอะไรในถ้ำใต้ดินก็ต้องสละทิ้งไปกว่าครึ่ง
สังหารสัตว์ปีศาจ อันที่จริงเลือดเนื้อกระดูกล้วนเป็นของดี
แต่สถานการณ์ทั่วไป ส่วนมากมนุษย์จะเอาแกนหัวใจที่เป็นส่วนสำคัญไปเท่านั้น ส่วนอื่นๆ แทบจะทิ้งเอาไว้ทั้งหมด
หากมีแหวนมิติ ทุกครั้งที่ลงถ้ำใต้ดินก็จะได้อะไรกลับไปมากขึ้นแล้ว
นึกมาถึงตรงนี้ ฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยทันที “ยังมีอีกหรือเปล่า? ให้ฉันสักอัน…ฉันจะซื้อ ขายเลือดขายเนื้อยังได้ แล้วแต่นายเสนอมา…”
ฟางผิงหน้าดำคล้ำ ขมวดคิ้วว่า “ไม่มี หากมีจริงๆ ก็ไม่ถึงมือนายอยู่ดี”
อันที่จริงฉินเฟิ่งชิงก็รู้ว่าของแบบนี้ต้องมีน้อยอยู่แล้ว แต่ยังคงไม่ยินยอมอยู่บ้าง จู่ๆ ก็มองไปทางพวกหวังจินหยาง “เขาบอกว่าพวกนายก็มี? ตกลงมันเรื่องอะไรกัน? แหวนมิติของพวกนายล่ะ?”
หวังจินหยางขมวดคิ้วว่า “ผ่านไปไม่รู้ตั้งกี่ปีแล้ว ใครจะยังจำเรื่องพวกนี้ได้”
สองคนนี้ไม่ได้สงสัยเลยจริงๆ
คนตายยังเกิดใหม่ได้ ชาติก่อนนั้นจะมีแหวนมิติก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนเรื่องของแหวนมิติมีการพูดถึงตั้งนานแล้ว
อันที่จริงรัฐบาลกำลังวิจัยมาโดยตลอด ไม่เคยละทิ้งเรื่องนี้
ส่วนทฤษฎีย่อพับมิติพวกนี้ รัฐบาลไม่ได้วิจัยแค่ปัญหาของแหวนมิติ ยังรวมถึงสามารถปิดผนึกมิติทางเดินได้หรือเปล่า
ถ้ำใต้ดินและพื้นโลก อันที่จริงก็คือการเกิดทับซ้อนของสองมิติ
ถ้าสามารถวิจัยออกมาได้ชัดเจน บางทีอาจจะสามารถผนึกทางเดินโดยสมบูรณ์
ดังนั้นฟางผิงพูดว่าเขามีแหวนมิติ ทั้งสองคนจึงไม่ได้ตกใจจนเกินไป แค่นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะหากลับมาได้เท่านั้น!
ตกลงเจ้าหมอนี่ฟื้นฟูความทรงจำมากถึงขนาดไหนแล้ว?
ฉินเฟิ่งชิงแทบใจกระตุก กัดฟันว่า “จำไม่ได้แล้ว?”
นึกมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ครั้งนี้ออกไปแล้ว พวกเราไปหาด้วยกัน! แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหาเจอ ให้คนนอกใช้ได้ ก็แบ่งให้ฉันด้วยแล้วกัน!”
พูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็ขมวดคิ้วว่า “ไม่สิ…พวกนาย…ตกลงพวกนายเป็นใครกันแน่?”
หลี่หานซงเห็นฟางผิงพูดต่อหน้าฉินเฟิ่งชิงแล้ว ฟังจบก็เอ่ยว่า “ผู้ฝึกยุทธ์โบราณเกิดใหม่! อย่างอื่นไม่ต้องถาม พวกเราก็รู้ไม่เยอะ ฟางผิงรู้มากหน่อย เจ้าหมอนี้บางครั้งก็ไม่บอก พวกเราไม่ชัดเจนเท่าไหร่”
“ผู้ฝึกยุทธ์โบราณเกิดใหม่!”
ฉินเฟิ่งชิงม่านตาหดเกร็ง ครู่ต่อมาจู่ๆ ก็ร้องอย่างตกใจ “แม่งเหอะ พวกนายเป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณกันหมด? ไม่น่าล่ะ! ฉันถึงว่าทำไมพวกนายฝึกวิชาเร็วกันขนาดนี้ ยังสามารถกลายพันธุ์อีก ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”
“ไม่ใช่ว่าฉันสู้พวกนายไม่ได้ ฉันแค่ไม่ได้โกงเหมือนพวกนาย…ใช่แล้ว พวกนายโกงฝึกวิชาชัดๆ!”
ฉินเฟิ่งชิงพูดด้วยความรู้สึกขมขื่นและดีใจ ที่ขมขื่นก็คือทำไมฉันถึงไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณกลับมาเกิดใหม่บ้างล่ะ?
ส่วนดีใจ ไอ้เวรพวกนี้ไม่ได้ฝึกวิชาเร็วกว่าตัวเอง แต่โกงกันล้วนๆ
“นาย…”
ฉินเฟิ่งชิงรู้สึกหัวร้อนขึ้นมา เอ่ยอย่างอัดอั้นว่า “แค่พวกตาแก่ มีอะไรให้ภาคภูมิใจกัน! ทั้งยังตายแล้ว ตายแล้วเกิดใหม่…หน้าไม่อาย! ฉันไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์โบราณเกิดใหม่หมายความว่าฉันไม่เคยตายมาก่อน…”
ฟางผิงไม่สนใจเขา เอ่ยต่อว่า “รอพวกเราหาอาวุธวิเศษของตัวเองเจอแล้ว…ไม่แน่ว่าอย่างน้อยอาจจะแข็งแกร่งกว่าขั้นเก้าหรือขั้นเก้าสุดยอดพวกนั้น หาเจอเคล็ดวิชาต่อสู้และทรัพยากรที่หลงเหลือในเวลานั้นอีก…นายอิจฉาไปเถอะ ถึงเวลานั้นฉันอารมณ์ดี บางทีอาจจะแบ่งให้นายสักหน่อย ตอนนี้นายทำตัวดีๆ ไว้เถอะ อย่าพูดพล่ามให้มาก จริงสิ บางทีชาติก่อนฉันอาจจะเป็นบรรพบุรุษนายก็ได้ เวลาพูดก็มีมารยาทกับผู้อาวุโสหน่อย”
“นาย…”
หลี่หานซงได้ฟังก็หัวเราะว่า “อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปีแล้ว พูดยากเหมือนกัน”
ฉินเฟิ่งชิงโมโหขึ้นมา ก่นด่าว่า “ขอให้พวกนายหาแฟนได้รุ่นลูกรุ่นหลานตัวเอง! ฟางผิง ถ้าเฉินอวิ๋นซีเป็นทายาทรุ่นหลังของนาย ฉันดูสิว่านายจะเหิมเกริมอีกยังไง!”
ฟางผิงแค่นหัวเราะ เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ไม่มีทาง คนอย่างพวกเรายังพอสัมผัสถึงสายสัมพันธ์พวกนี้ได้ ฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับเฉินอวิ๋นซี กลับเป็นนายที่มีอยู่บ้าง ไม่งั้นนายคิดว่าฉันจะดูแลนายขนาดนี้หรือไง? ฉินเฟิ่งชิง ถามใจตัวเองดู ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ฉันดีกับนายกว่าคนอื่น? ทำไมล่ะ? เพราะรับรู้ได้ว่าสายเลือดของนายเกี่ยวพันกับฉันอยู่บ้าง…บางทีนายอาจจะเป็นทายาทรุ่นหลังหลายสิบรุ่นของฉันก็ได้ ไม่ดูแลนายก็ทำเกินไปแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด!
จริงหรือเปล่า?
ฟางผิง…เหมือนจะดีต่อเขาอยู่บ้างจริงๆ
แม้เจ้าหมอนี่จะหลอกเขายังไง ทุกครั้งที่หลอกแล้วก็จะให้ผลประโยชน์เล็กน้อย
หรือว่า…หรือว่า…
นึกมาถึงตรงนี้ ฉินเฟิ่งชิงก็หน้าดำเป็นก้นหม้อ ไม่หรอกมั้ง ไอ้เวรนี่หลอกฉัน!
———————