ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 487 ฟางผิงตัวนำโชค (1)
ตอนที่ 487 ฟางผิงตัวนำโชค (1)
………………..
นอกหมู่บ้าน
พวกเขาจับตามองหมู่บ้านอยู่พักหนึ่ง ฟางผิงเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันจะเข้าไปดูก่อน พวกนายรออยู่ข้างนอก ดูว่าพอจะถามข้อมูลอะไรมาได้หรือเปล่า”
“ได้”
พวกเขาไม่กังวลความปลอดภัยของฟางผิง แค่หมู่บ้านเท่านั้น
ถ้ำใต้ดินแบ่งระดับชั้นอย่างชัดเจน
หมู่บ้านแบบนี้อย่างมากก็มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเท่านั้น
สองปีนี้ถ้ำใต้ดินเทียนหนานถูกปิดผนึก นี่ถึงได้มีการคงอยู่ของหมู่บ้านพวกนี้
หากเป็นถ้ำใต้ดินแห่งอื่น หมู่บ้านแบบนี้คงถูกกวาดล้างไปนานแล้ว
ฟางผิงพูดจบ จู่ๆ ก็มองไปทางฉินเฟิ่งชิง เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “ครั้งนี้ไม่เห็นจะปล้น?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างหมดคำพูด “ปล้นอะไร? สถานที่ซอมซ่อแบบนี้ จะปล้นหินฝึกวิชาได้สี่ห้ากรัมหรือไง?”
ฟางผิงคิดยังไงกัน?
ตอนนี้เขาจะสนใจของเล็กน้อยแค่นี้?
หากเป็นก่อนหน้านี้…นั่นต้องปล้นอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ต่อให้ฉินเฟิ่งชิงจะจนยังไงก็สายตากว้างไกลขึ้นแล้ว ของทั่วไปยังไม่คิดสนใจจริงๆ
ฟางผิงแค่นหัวเราะ ไม่พูดมากอีก ใส่วิกผมยาวแล้ว ผลัดเปลี่ยนเป็นชุดผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำก็ทะยานไปในอากาศเข้าสู่หมู่บ้าน
—
ในหมู่บ้าน ฟางผิงสัมผัสได้นานแล้ว แข็งแกร่งที่สุดมีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองหนึ่งคน
ทั้งหมู่บ้านขนาดไม่ใหญ่มาก ประชากรก็น้อย
ตอนที่ฟางผิงเข้าหมู่บ้าน ไม่ได้ปกปิดอะไรมากมาย กลับไม่มีคนค้นพบเขา
เรือนใหญ่ซอมซ่ออยู่บ้าง นี่ก็เป็นสถานที่ไม่กี่แห่งในหมู่บ้านที่มีโคมไฟพลังงานส่องสว่างอยู่
—
หลังจากนั้นสักพัก ฟางผิงก็ถีบประตูเข้าไปตรงๆ
ในห้องมีชายชราขั้นสองคนหนึ่งระเบิดพลังขึ้นในชั่วพริบตา ฟางผิงกวาดพลังจิตใจ กดดันจนอีกฝ่ายขยับเขยื้อนไม่ได้
“บังอาจ! กล้าลงมือกับแม่ทัพ!”
“คุกเข่า!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ตอนนี้คลายพลังจิตใจจากอีกฝ่ายแล้ว
แม้เขาจะคลายพลัง ชายชรากลับยังคงคุกเข่าอยู่อย่างนั้น ไม่ได้แค่คุกเข่าอย่างเดียว ชายชรารีบโขกหัวลง พื้นหินนั้นถูกเคาะจนเกิดเสียงดัง!
“นะ…นายท่านให้อภัยด้วย!”
น้ำเสียงของชายชราราวกับจะร้องไห้
แม่ทัพ!
เป็นไปได้ยังไง!
ยอดฝีมือระดับแม่ทัพคนหนึ่งจะมาถึงบ้านของเขา?
เวลานี้ชายชราตกใจแทบจะฉี่ราดกางเกงแล้ว
ในถ้ำใต้ดินยอดฝีมือระดับแม่ทัพมีตำแหน่งสูงส่ง อยู่ในเมืองราชาก็เป็นอีกขั้วอำนาจหนึ่งได้แล้ว
แม่ทัพบางส่วนสร้างเมืองขึ้นมา สถาปนาตัวเองเป็นเจ้าเมือง ข่มขวัญทั้งใต้หล้าได้แล้ว
หมู่บ้านโทรมๆ ของพวกเขา นึกไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือระดับแม่ทัพมา!
ชายชราตัวสั่นเทา ไม่มีเวลาให้ฉุกคิดมาก จนถึงตอนนี้แล้วทำไมคนอื่นๆ ในบ้านถึงไม่ส่งเสียงอะไรเลย
ฟางผิงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างวางอำนาจบาตรใหญ่ ทั้งไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายลุกขึ้น นั่งแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าไม่ได้มาจากเมืองเฉียงเวย ครั้งนี้เขตแดนสิบเอ็ดทางใต้ทำสงครามเต็มรูปแบบกับดินแดนแห่งการเกิดใหม่…ช่างเถอะ พูดกับเจ้ามีประโยชน์อะไร!”
“หยุดพูดจาไร้สาระ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่เข้ามาหลบในบริเวณนี้ พวกเจ้าจับสังเกตได้หรือไม่?”
“ดินแดน…ดินแดนแห่งการเกิดใหม่?”
“ผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองที่รกร้างใกล้กับอาณาเขตทะเลหวงห้ามนั้นไง…”
“ผู้ฝึกยุทธ์เทียนหนาน…”
ชายชราเข้าใจทันที เขาไม่รู้จักดินแดนแห่งการเกิดใหม่ เมืองเทียนหนานที่ถูกปล่อยรกร้างกลับรู้จัก
ก่อนหน้านี้มีการตั้งก่อเมืองเทียนหนานขึ้นมานานแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์เทียนหนานก็เคยออกมาโจมตีรอบๆ หมู่บ้านใกล้เคียงถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง
ที่นี่เดิมทีเคยถูกทิ้งร้างไปนานแล้ว ยังคงเป็นสองปีก่อน เมืองเทียนหนานถูกทำลาย คนที่ร่อนเร่พเนจรไปทั่วอย่างพวกเขาจึงกลับมาที่เดิม ก่อตั้งหมู่บ้านขึ้นอีกครั้ง
ได้ยินว่าผู้ฝึกยุทธ์เมืองเทียนหนานกลับมา ทั้งยังบุกมาใกล้ๆ ชายชราก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
สงครามใหญ่…มาอีกแล้ว?
ไม่ว่าจะถ้ำใต้ดินหรือพื้นโลก พอเกิดสงครามใหญ่ ผู้ประสบเคราะห์ร้ายล้วนเป็นคนชนชั้นรากหญ้า
สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ ทั้งสองฝ่ายไม่อาจสนใจทุกเรื่องได้ เจอกันต่างฝ่ายต่างก็ฆ่ากัน
สองปีก่อน ถ้ำใต้ดินเทียนหนานก็มีประชาชนและคนอ่อนแอตายไปนับไม่ถ้วนเหมือนกัน
—
ยอดฝีมือระดับแม่ทัพคนหนึ่งมาไล่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์เทียนหนาน ถามข้อมูลข่าวคราว ชายชราจะกล้าปิดบังได้ยังไง เล่าไปตั้งแต่ต้นจนจบ อะไรที่รู้ก็พูดไปหมดเปลือก
ถึงกระทั่งจนถึงตอนนี้แล้วอีกฝ่ายยังไม่กล้าเงยหน้ามองฟางผิงด้วยซ้ำ
ชายชรารู้สึกแค่ว่าตัวเองเป็นเรือเล็กลำหนึ่ง พร้อมจะถูกคลื่นซัดตายได้ทุกเมื่อ คลื่นพลังงานที่แข็งแกร่งนั้นทำให้เขาหวาดผวาในใจ
ทั้งอีกฝ่ายยังไม่ใช่ยอดฝีมือจากเมืองเฉียงเวย แต่มาจากเมืองราชาแห่งอื่น
แม้พวกเขาจะอยู่ใต้อำนาจเมืองเฉียงเวย ยอดฝีมือพวกนี้อาจไม่ฆ่าเขาอย่างส่งเดชเสมอไป แต่ยอดฝีมือที่มาจากข้างนอกเช่นนี้คงไม่คิดเยอะขนาดนั้นแล้ว
ฟางผิงถามอยู่นาน ลงรายละเอียดและถามออกไปหลายเรื่อง
รอถามพวกนี้เสร็จแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ได้พูดต่อ ระเบิดพลังจิตใจ ทำลายพลังจิตใจที่อ่อนแอของอีกฝ่ายในชั่วพริบตา
ชายชราถึงแก่ความตายทันที
ฟางผิงโบกมือย้ายอีกฝ่ายมาบนเก้าอี้ ไม่หันมามองอีก ออกประตูไปแล้วก็หายวับไปจากหมู่บ้าน ส่วนพรุ่งนี้คนในหมู่บ้านเจอชายชราตายไปจะคิดยังไง ฟางผิงขี้เกียจจะสนใจ
—
ข้างนอกหมู่บ้าน
ฟางผิงแตะเท้าในอากาศกลับมา ไม่นานก็เอ่ยว่า “คนที่นี่รู้ไม่เยอะ แต่ว่า…มีข้อมูลอยู่เล็กน้อย”
ฟางผิงเห็นหวังจินหยางมองมาก็ครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “สองปีก่อน หลังจากเมืองเทียนหนานถูกทำลาย อันที่จริงถ้ำใต้ดินวุ่นวายอยู่ระยะหนึ่ง เวลานั้นไม่ได้มีแค่อาจารย์จางที่ติดในถ้ำใต้ดินคนเดียว…”
“อืม ฉันรู้ เวลานั้นตอนที่แยกย้ายกันค่อนข้างรีบ บางคนไม่ได้อยู่เมืองเทียนหนาน พวกเราไม่มีเวลารอ ทำได้เพียงทิ้งคนพวกนี้”
ฟางผิงพยักหน้า เอ่ยต่อว่า “ช่วงเวลานั้นมีการต่อสู้กระจัดกระจายอยู่ไม่น้อย เมืองเฉียงเวยอยู่ใกล้กับเมืองเทียนหนานมากที่สุด โจมตีจับกุมคนพวกนี้ก็เป็นภารกิจหลักของเมืองเฉียงเวยเหมือนกัน…”
หวังจินหยางจับประเด็นสำคัญได้ทันที ขมวดคิ้วว่า “เดี๋ยวนะ จับกุม? ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใต้ดินและมนุษย์ทำสงครามไม่เคยจับกุมกันมาก่อน ทั้งสองฝ่ายเจอกันมีแต่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งเท่านั้น!”
ด้านข้างฉินเฟิ่งชิงเอ่ยว่า “ฉันกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ ก่อนหน้านี้จู่โจมสังหาร แต่คนของพวกเราล่าถอยแล้ว พวกเขาวางแผนจะเปิดทางเดินบุกเข้าสู่โลก เวลานี้จับกุมคนบางส่วนถามข่าวสาร ไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง?”
ฟางผิงพยักหน้าเหมือนกัน “ทำความเข้าใจสถานการณ์ ไม่ได้มีแค่ฝั่งพวกเราที่คิดแบบนี้ เกรงว่าถ้ำใต้ดินคงคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้แม้จะจับกุมคนของอีกฝ่ายได้ สถานการณ์ทั่วไปคงถามอะไรออกมาไม่ได้ แต่เมืองเทียนหนานถูกทำลาย ทางเดินปิดผนึก คนที่ติดอยู่ไม่มีทางหนี หมดหวังแล้ว บางที…ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินคิดว่าตอนนี้อาจจะถามอะไรออกมาได้ เข้าใจสถานการณ์อีกฝ่าย นี่เป็นสิ่งที่เบื้องบนคิดได้ พื้นที่หวงห้ามถ้ำใต้ดิน บางทีอาจจะเข้าใจเกี่ยวกับมนุษย์ค่อนข้างมาก แต่ยอดฝีมือในพื้นที่เล็กๆ แบบนี้อาจไม่รู้เสมอไป มีความคิดแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติ”
“งั้นคนของพวกเราคงไม่เปิดเผยความลับหรอกนะ?” ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่มั่นใจอยู่บ้าง
——————–
………………..