ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 488 วันนี้ทำลายเมือง (1)
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง
เบื้องหน้าทุกคนก็ปรากฏเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เป็นเมืองอย่างแท้จริงไม่ใช่หมู่บ้านทั่วไป
มีกำแพงเมืองและทหารคุ้มกัน ใจกลางเมืองยังมีกระโจมไฟหินพลังงานสูงใหญ่หนึ่งหลัง
ฟางผิงมองอยู่สักพักก่อนจะหันมาเอ่ยว่า “จะปล้น…แค่กๆ จะจับคนมาถามหาเบาะแสอาจารย์จางจริงๆ งั้นเหรอ?”
ฉินเฟิ่งชิงเตรียมท่าพร้อมจะลงมือ “แน่นอนสิ! เมืองราชาอันตรายเกินไป เมืองเล็กๆ แบบนี้ ยอดฝีมือต้องรู้เยอะกว่า ความลับบางอย่างของเมืองราชา พวกเขาคงรู้เหมือนกัน ฉวยโอกาสที่เจ้าเมืองไม่อยู่จัดการอีกฝ่ายไปเลย! จับขั้นหกคนหนึ่งมาสอบถามแทบจะรู้ทุกเรื่องได้แล้ว!”
หวังจินหยางมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “ความปรารถนาดีของ…ทั้งสองคน ทำให้คนไม่มีวาสนาได้เสวยสุขอยู่บ้างจริงๆ!”
แม้จะพูดอย่างนั้น หวังจินหยางยังคงถอนหายใจ “เข้าเมืองไปจับคนมาถามนั้นได้…แต่ว่า…ยังอันตรายอยู่บ้าง! เมืองแห่งนี้อย่างน้อยคงมีประชากรหนึ่งแสนคน ผู้ฝึกยุทธ์น่าจะมีนับพันได้ ขั้นหกเกรงว่าคงไม่น้อย…”
หวังจินหยางพูดต่อว่า “พอพวกเราเข้าไป ไม่นานก็จะถูกค้นพบ”
ปราณของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างมาก ผู้ฝึกยุทธ์สามารถเก็บงำปราณได้ แต่ใช้ได้กับพวกอ่อนแอกว่าตัวเองเท่านั้น
หากเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันหรือสูงกว่าตัวเองคงปิดบังไม่ได้
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไร ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ฉันจะไปตรวจสอบดูก่อน ภายในเมืองมียอดฝีมือเท่าไหร่”
พูดจบฟางผิงก็ทะยานผ่านอากาศไป หายไปท่ามกลางความมืดในชั่วพริบตา
กลางอากาศไม่มีกลิ่นอายของฟางผิงอยู่
ฉินเฟิ่งชิงอิจฉาตาร้อนอย่างยิ่ง ก่นด่าว่า “เก็บงำกลิ่นอาย มีแหวนมิติ นี่ไม่ใช่เตรียมพร้อมจะเป็นโจรหรือไง? เจ้าหมอนี้มีพรสวรรค์เป็นโจรอยู่แล้ว จะเรียนวิชาดาบทำไม เป็นมือสังหารก็จบแล้ว เป็นมือสังหารยังจะอนาคตยาวไกลกว่า!”
“หุบปาก ถ้านายยังด่าฉันเสียๆ หายๆ อีก ฉันเอานายตายแน่!”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าแข็งทื่อ แม่งเหอะ นึกไม่ถึงว่านายยังอยู่!
ตอนนี้ฟางผิงอยู่เหนือหัวของเขา เขาแทบไม่ได้สังเกต
ฟางผิงที่ลอยอยู่ข้างบนด่าออกมาแล้วก็ลูบคางตัวเองว่า “เมื่อก่อนไม่เคยคิด…เป็นมือสังหาร…เหมือนจะไม่เลวเหมือนกัน”
แค่ความสามารถเก็บงำกลิ่นอายของเขา เป็นมือสังหารก็ถือเป็นธุรกิจที่รุ่งแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงอดด่าไม่ได้ “ถ้าฉันเป็นนาย ฉันคงรวยไปนานแล้ว ลอบฆ่าขั้นเจ็ดพวกนั้นแทบเป็นเรื่องปกติ…”
“หยุดพูดเถอะ คนไปแล้ว”
หลี่หานซงทำหน้าหมดคำพูด เจ้าหมอนี้พูดมากจริงๆ
—
หลังจากนั้นสิบกว่านาที
ฟางผิงวกกลับเข้ามา กระโดดลงอย่างเงียบเชียบ
ตกลงข้างหลังฉินเฟิ่งชิงพอดี แม้ฉินเฟิ่งชิงจะสัมผัสถึงคลื่นพลังงานไม่ได้ กลับมีปฏิกิริยาในชั่วพริบตา หมุนดาบฟันไปข้างหลังทันที!
ฟางผิงถอยหลบไปก้าวหนึ่ง ก่นด่าว่า “นายอยู่รอดมาถึงตอนนี้ มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ด้วย”
เจ้าหมอนี่สัญชาตญาณโต้ตอบเร็วจริงๆ
ฉินเฟิ่งชิงแค่นหัวเราะ ขี้เกียจจะพูดมาก ฉันไม่มีความสามารถเลยคงตายไปนานแล้วน่ะสิ
“ในเมืองความสามารถเป็นยังไงบ้าง?”
“มีจวนเจ้าเมืองหนึ่งแห่ง ในนั้นมีขั้นหกห้าคน หนึ่งในนั้น…ไม่กล้าตรวจสอบละเอียด อาจจะเป็นยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดเป็นหนึ่งแล้ว!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างจริงจังอยู่บ้าง “อีกอย่าง ใกล้กับจวนเจ้าเมืองยังมีจวนรอบๆ อีก มีขั้นหกเหมือนกัน ฉันสำรวจได้สามคน นอกจากนี้ภายในเมืองยังมีฐานทัพทหารอีกหนึ่งแห่ง ในนั้นมียอดฝีมือขั้นหกสองคน รวมทั้งหมดแล้วเกรงว่าจะมีขั้นหกสิบคน! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าประมาณสามสิบสี่สิบคน ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ขั้นสี่เยอะกว่านั้น อย่างต่ำคงร้อยคน! พวกเราไม่กี่คนจัดการกับขั้นหกสิบคน ยังมีคนที่หลอมสารจิงกับเลือดแล้วคนหนึ่ง นี่ไม่เพียงพอ”
พวกเขาร่วมมือกันน่าจะสามารถต่อสู้ยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดได้
แต่ขั้นหกแตะถึงสิบคน ภายใต้การร่วมมือกัน พวกเขาก็รอถูกซัดจนน่วมไปเถอะ
ฟางผิงพยักหน้าว่า “น่าจะไม่อยู่ ไม่งั้นถึงฉันจะเก็บงำกลิ่นอาย แต่ภายใต้การใช้พลังจิตใจตรวจสอบ เข้าใกล้อีกฝ่ายก็มีโอกาสถูกค้นพบแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสัมผัสถึงคลื่นพลังงานที่แข็งแกร่งไม่ได้ น่าจะไม่อยู่”
ฟางผิงครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ทำลายเมืองนี้เป็นยังไง?”
“หืม?”
ฟางผิงเลียริมฝีปาก เอ่ยเสียงเบาว่า “พวกเราสี่คนปลอมตัวเป็นมือสังหาร พูดกันตรงๆ มั่นใจว่าจะจัดการขั้นหกในกระบวนท่าเดียวได้หรือเปล่า? ขอแค่ไม่เคลื่อนไหวใหญ่โตเกินไป ฉันตั้งม่านพลังจิตใจ เสียงไม่สามารถเล็ดลอดออกไป อยู่ให้ไกลจากยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดแล้วคนนั้นหน่อย สังหารระดับกลางภายในเมืองทั้งหมดยังพอมีหวัง”
หวังจินหยางขมวดคิ้วว่า “พวกเราระเบิดปราณเต็มกำลังลอบสังหารอีกฝ่ายยังมีหวัง แต่ว่าหากระเบิดสุดกำลัง ปราณพวยพุ่ง เดิมทีก็ไม่สามารถปกปิดได้…”
ฟางผิงคำนวณเล็กน้อย ปิดบังกลิ่นอายเพิ่มหนึ่งคน หนึ่งนาทีต่อค่าทรัพย์สินหนึ่งแสน
สามคน นั่นก็สิบล้าน
แต่ไม่จำเป็นต้องใช้สามคน ฉินเฟิ่งชิงเจ้าหมอนี่อ่อนแอเกินไป ฟางผิงไม่คิดจะพาเขาเข้าเมืองด้วย
งั้นเพิ่มแค่สองคน ค่าทรัพย์สินหนึ่งล้านต่อหนึ่งนาที
ครึ่งชั่วโมงก็เป็นสามสิบล้าน ครึ่งชั่วโมงพอแล้วสินะ?
ฟางผิงถอนหายใจว่า “พวกเราสามคนเข้าเมือง ฉันจะใช้เคล็ดวิชาลับช่วยเก็บงำกลิ่นอายของพวกนาย พวกนายสามารถระเบิดปราณได้กี่ครั้ง? ฉันหมายถึงการระเบิดที่จัดการขั้นหกได้? ขั้นหกสิบคน คนหนึ่งหลอมสารจิงกับเลือดแล้ว ขั้นสูงสุดน่าจะมีสองคน ที่เหลือล้วนอยู่ต่ำกว่านั้น”
หวังจินหยางมองเขาแวบหนึ่ง ด้านข้างนั้นฉินเฟิ่งชิงอยากพูดอะไรสักอย่าง ฟางผิงถลึงตาใส่เขา ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูด
หวังจินหยางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ถ้าล้อมโจมตีต่ำกว่าขั้นหกสูงสุด ระเบิดสุดกำลังฟันฆ่าเขาด้วยกระบวนท่าเดียว…”
“พวกเราสามคนร่วมมือกันฆ่าก็ได้!”
“งั้นไม่มีปัญหา ฟันคนพวกนี้ตายเหลือเฟือด้วยซ้ำ” หวังจินหยางเอ่ยว่า “พวกเราสามคนร่วมมือกัน ทุ่มสุดกำลังหนึ่งกระบวนท่าจัดการต่ำกว่าขั้นหกสูงสุดลงไปไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเป็นขั้นหกสูงสุด…”
ฟางผิงเอ่ยทันที “ถ้าฉันมีการเตรียมพร้อมก่อน อีกฝ่ายสัมผัสไม่ได้ แม้หนึ่งกระบวนท่าฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ ทำให้บาดเจ็บหนักไม่ใช่เรื่องยาก กลัวแค่ว่าอีกฝ่ายมีปฏิริยาโต้กลับ แบบนั้นจะก่อความเคลื่อนไหวใหญ่แล้ว พวกเราปิดบังไม่ไหว”
“นายช่วยเก็บงำกลิ่นอายพวกเราได้?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่าง ราคาไม่ใช่น้อยๆ เดี๋ยวถ้ามีสินสงคราม ฉันต้องได้ส่วนแบ่งเยอะหน่อย เพราะเคล็ดวิชาลับของฉันต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรจำนวนมาก”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ตอนนี้ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางให้มากหน่อย จะเป็นประโยชน์กับสงครามหลังจากนี้”
สงครามของเทียนหนานไม่ได้เป็นสงครามของระดับสูงเต็มรูปแบบ
รอยอดฝีมือระดับสูงของทั้งสองฝ่ายเข้าสู่สงครามแบบยืดเยื้อแล้ว งั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางก็จะเข้าร่วมด้วย เริ่มสังหารระดับกลางและระดับล่างของผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ
จุดนี้ไม่ว่ายอดฝีมือมนุษย์จะฆ่าระดับสูงถ้ำพวกนั้นหรือไม่ล้วนเหมือนกัน
หากฆ่าระดับสูงของถ้ำใต้ดินหมดเกลี้ยงจริงๆ ระดับสูงของมนุษย์…บางทีอาจจะถอนตัวออกจากถ้ำใต้ดิน
เพราะมนุษย์เป็นฝ่ายเสียเปรียบ สิ้นสุดสงครามของระดับสูงแล้ว หากปรมาจารย์พวกนี้สังหารระดับล่างและระดับกลางจะดึงดูดเขตหวงห้ามให้มาแทรกแซงได้
จุดนี้ถ้ำใต้ดินจะแทรกแซงแค่ยอดฝีมือระดับสูง ระดับกลางและระดับล่างไม่ได้จำกัด
หากจำกัดจริงๆ มนุษยชาติคงไม่ต้องทำอะไรแล้ว อย่างมากก็ต่อสู้ตกตายตามกันไป
ด้านข้างนั้น ในที่สุดฉินเฟิ่งชิงก็มีโอกาสแทรกบทสนทนา เอ่ยด้วยตาแดงก่ำว่า “นายยังช่วยคนอื่นเก็บงำกลิ่นอายได้อีก?”
“ได้สิ”
“ฉันจะไปด้วย!”
“นั่นไม่ได้!”
ฟางผิงส่ายหัวว่า “เพิ่มขึ้นมาอีกคน ฉันต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปนับไม่ถ้วน ยิ่งคนมากเท่าไหร่ฉันก็ต้องจ่ายออกไปเยอะเท่านั้น แถมนายยังฆ่าขั้นหกด้วยกระบวนท่าเดียวไม่ได้ พานายไปไม่คุ้มค่า ถ้านายมั่นใจว่าจัดการขั้นหกด้วยกระบวนท่าเดียวได้ ฉันจะพานายไปด้วย นายถามตัวเองดู นายทำได้หรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าจนใจ ฉันไม่ไหว
ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “นายก็มีเรื่องที่ต้องทำเหมือนกัน ถ้าภายในเมืองมีการเคลื่อนไหว นายต้องช่วยสร้างสถานการณ์ข้างนอกเมืองให้พวกเรา สร้างความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ดึงดูดคนบางส่วนออกจากเมืองไป ป้องกันไม่ให้พวกเราถูกปิดล้อม”
“จะแบ่งทรัพย์สินกันยังไง?”
“ฉันห้าสิบเปอร์เซ็นต์ พวกนายยี่สิบยี่สิบแล้วก็สิบ”
ฉินเฟิ่งชิงครุ่นคิดพักหนึ่ง “ได้ แต่ถ้าฉันล่อคนที่หลอมสารจิงกับเลือดแล้วออกมาได้ นั่นต้องแบ่งให้ฉันมากหน่อย!”
“ได้!”
——————