ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 488.2 วันนี้ทำลายเมือง (2)
ตอนที่ 488 วันนี้ทำลายเมือง (2)
………………..
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็สูดลมหายใจเข้าลึกว่า “พวกนายสองคนห้ามห่างฉันเกินหนึ่งพันเมตร ไม่งั้นเคล็ดวิชาลับจะสูญเสียประสิทธิภาพ ต้องตัดสินแพ้ชนะให้รวดเร็ว ล้อมฆ่าขั้นหกสองคนในฐานทัพก่อนค่อยไปฆ่าพวกขั้นหกที่อยู่รอบๆ จวนเจ้าเมือง สุดท้ายก็ไปจวนเจ้าเมือง! จับเป็นก็จับในจวนเจ้าเมือง! ห้ามเกินครึ่งชั่วโมง ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองเทียนหนานไม่ไกล ยอดฝีมือยังกำลังประมือกันอยู่ ไล่ตามมาใช้เวลาไม่นานเหมือนกัน”
“เข้าใจแล้ว!”
หวังจินหยางและหลี่หานซงต่างเตรียมพร้อมขึ้นมา กระดูกทองของหลี่หานซงแทบจะเริ่มส่องแสงออกมาแล้ว
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “อย่าเพิ่งเปิดเผยออกมา แสงจากกระดูกทองสว่างมากเกินไป พลังไขกระดูกของพี่หวังก็เหมือนกัน รอพวกเราไปถึงที่นั่น ฉันตั้งม่านพลังจิตใจแล้วค่อยโจมตีฆ่าในครั้งเดียว!”
ฟางผิงสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง เอ่ยอย่างกระตือรือร้นอยู่บ้าง “นี่เป็นสงครามทำลายเมือง! พูดตามตรงฉันไม่เคยประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมสารจิงกับเลือดมาก่อน ไม่รู้ว่าตกลงอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากต่อกร ลงถ้ำใต้ดินมาหลายครั้ง หากไม่หนีตายก็ลงมือปลิดชีพในชั่วพริบตา เจอกับคู่ต่อสู้ที่ทำให้คนตื่นเต้นแบบนี้ ไม่บ่อยเท่าไหร่จริงๆ!”
พวกเขาต่างหัวเราะ ฉินเฟิ่งชิงพึมพำว่า “นายลงถ้ำใต้ดินสี่ครั้งเอาแต่หนี ตั้งแต่ขั้นสามจนถึงขั้นหก หลังจากนี้เรียกนายว่านักวิ่งฟางยังจะดีกว่า!”
“นายยังมีหน้ามาว่าฉัน?”
“เชอะ เพราะฉันไปกับนายถึงได้ถูกไล่ฆ่าทุกวัน ฉันไปคนเดียวถูกไล่ฆ่าแค่ไม่กี่ครั้ง เจอแต่ระดับเดียวกันไม่ก็สูงกว่าหนึ่งขั้น จำเป็นต้องหนีที่ไหนกัน!”
ด้านข้าง หลี่หานซงเอ่ยอึกอักว่า “ฉันลงถ้ำใต้ดินคนเดียว…ยังไม่เคยหนีมาก่อนเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ลงถ้ำใต้ดินกับนายเจอกับยอดฝีมือทุกที”
หวังจินหยางเห็นพวกเขาพูดแบบนั้นก็เอ่ยอย่างจนใจ “เขาหมายตาแค่ของดี ของดีอยู่แค่ในบ้านของยอดฝีมือก็ต้องเจอยอดฝีมืออยู่แล้ว”
เป็นเรื่องง่ายจะตายไป!
ฟางผิงหมายตาของทั่วไปอย่างนั้นเหรอ?
เมืองเล็กๆ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดขั้นสี่ขั้นห้า ฟางผิงไปหรือไง?
ถ้ำใต้ดินไม่ใช่ว่าไม่มีสถานที่ปลอดภัย ประเด็นอยู่ที่ฟางผิงไม่ไปเอง
ถ้ำใต้ดินมีภูเขาและป่าไม้ ข้างในมีสัตว์ปีศาจระดับกลางระดับล่าง ยอดฝีมือมนุษย์ฆ่าสัตว์ปีศาจก็ไปที่นั่นกัน
ฟางผิงไปไหมล่ะ?
เขาตั้งใจไปสถานที่ที่มีสัตว์ปีศาจระดับสูงอยู่ ไม่อันตรายก็แปลกแล้ว
ฟางผิงเอ่ยอย่างหงุดหงิดอยู่บ้าง “เลิกพล่ามกันได้แล้ว ไม่ใช่ว่าฉันอยากก่อเรื่องทุกครั้ง แค่อยากอยู่อย่างสงบๆ ในถ้ำใต้ดินไม่กี่วันเท่านั้น ใครจะรู้ว่าทุกครั้งเอาแต่เกิดเหตุไม่คาดฝัน”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ถอนหายใจว่า “ไปเถอะ ยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดแล้วเหลือไว้ท้ายสุด! ม่านพลังจิตใจใช้กับเขาไม่ได้ผล ประมือกันต้องเปิดเผยร่องรอยแน่ ครั้งนี้เวลาแสดงฝีมือของพวกเรามาถึงแล้ว ตกลงจะสามารถจัดการยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดได้หรือเปล่า ครั้งนี้ก็รู้ได้แล้ว”
สิ้นเสียง ฟางผิงก็เปิดใช้ม่านพลังงานกับทั้งสองคน ครู่ต่อมาพวกเขาก็ทะยานออกไป อันตรธานไปในความมืดทันที
ฉินเฟิ่งชิงเห็นพวกเขาออกไปแล้ว จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างได้ พึมพำว่า “เจ้าหมอนั่นมีแหวนมิติ ของต้องอยู่กับเขา อยากแบ่งให้พวกเราเท่าไหร่ก็มีแต่เขาที่รู้เห็นคนเดียวไม่ใช่หรือไง?”
“จริงสิ…ขุดแร่ครั้งก่อน เจ้าหมอนี้บอกว่าแบ่งให้ฉันห้าสิบเปอร์เซ็นต์…แบ่งถึงห้าเปอร์เซ็นต์หรือเปล่าเถอะ?”
“อีกอย่าง…เขามอบให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เยอะขนาดนั้น ไม่เหลือไว้ให้ตัวเองเลยหรือไง?”
“ต้องมีของดีแน่ๆ!”
ช่วงเวลานี้ฉินเฟิ่งชิงตื่นรู้ขึ้นมาทันที ฟางผิงยังต้องซ่อนของดีไว้ไม่น้อยแน่
ไม่ใช่แค่เรื่องของคะแนนอย่างเดียว เจ้าหมอนี้มีเงินอย่างแท้จริง
บางที…ตัวเองอาจต้องประจบประแจงดีๆ สักหน่อยแล้ว?
—
เมืองเยวี่ยกุ้ย
นี่ก็คือชื่อเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ใต้การปกครอง
แม้เมืองเยวี่ยกุ้ยจะไม่นับว่าใหญ่มาก แต่ก็แทบไม่เล็กไปกว่าเมืองเซี่ยงไฮ้เลย
เมืองที่อยู่ใต้การปกครองเล็กๆ แห่งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ทหารนับพันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย
ตอนนี้ฐานทัพมีแสงไฟส่องสลัว ทหารคุ้มกันส่วนมากนอนหลับกันแล้ว
กลางอากาศเงาสามร่างค่อยๆ ร่วงลงมา
ทั้งสามคนสวมชุดสีดำกระชับตัว กระทั่งใบหน้ายังอำพรางไว้
หลี่หานซงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง จำเป็นด้วยหรือไง?
พวกเราไม่ได้คุ้นเคยกับพวกถ้ำใต้ดินสักหน่อย ยังกลัวว่าจะถูกคนอื่นจำได้?
แต่จากคำพูดของฟางผิง หากเปิดเผยรูปลักษณ์ ครั้งหน้าถูกคนตามจับกุม นั่นก็แย่แล้ว
ทำธุรกิจไม่ใช่แค่เรื่องครั้งเดียว ไม่เปิดเผยหน้าตา ปิดบังกลิ่นอาย ครั้งหน้ายังมีโอกาสทำเรื่องแบบนี้ต่อได้
ไม่นานทั้งสามคนก็กระโดดลงที่หน้าหอเล็กๆ หลังหนึ่ง
บอกว่าฐานทัพ แต่ขั้นหกสองคนในฐานทัพนั้นไม่ได้พักอยู่ในกระโจม กลับมีเรือนพักส่วนตัวของพวกเขา
ฟางผิงลงสู่พื้นแล้วก็เริ่มปลดปล่อยพลังจิตใจอย่างบ้าคลั่ง ตั้งม่านพลังจิตใจขึ้นมา
พลังจิตใจเขาไม่อ่อนด้อย ยังสามารถเติมเต็มได้ตลอดเวลา อีกฝ่ายไม่ได้หลอมสารจิงกับเลือด หมายความว่าไม่สามารถปลดปล่อยพลังจิตใจไปข้างนอกได้ ไม่สามารถสัมผัสถึงเรื่องพวกนี้
ตั้งม่านพลังจิตใจแล้ว ฟางผิงที่ถือดาบผิงล่วนก็ตั้งม่านพลังงานอีกชั้นข้างหน้าตัวเอง เอ่ยเสียงเบาว่า “เดี๋ยวพวกเราสามคนเข้าไปพร้อมกัน ฉันจะระเบิดพลังจิตใจใส่เขาก่อน จากนั้นลงมือด้วยกัน อย่าลืมยั้งพลังไว้ด้วย อย่าทำห้องพังกระจุยล่ะ”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “นายระวังการควบคุมพลังของตัวเองเถอะ”
ฟางผิงแค่นเสียงเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “บางคนไม่เจอแค่สามวันก็เก่งขึ้นแล้ว! นายคิดว่าฉันยังเป็นฉันเหมือนเมื่อก่อนหรือไง? ตอนที่ฉันเข้าสู่ขั้นหกก็เคยฟันดาบเดียวเกือบห้าพันแคลออกไปแล้ว พวกนายระเบิดตัวเองสู้ฉันไม่ได้หรอก!”
หวังจินหยางและหลี่หานซงม่านตาหดเกร็งเล็กน้อย ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย?
เรื่องที่ฟางผิงก้าวสู่ขั้นหก พวกเขารู้เหมือนกัน ทั้งรู้ว่าเขาเคยฟันประตูซานเจียวออกมาด้วย
แต่ฟางผิงบอกว่าเขาฟันดาบเดียวออกมาห้าพันแคล สองคนนี้ยังยากจะเชื่ออยู่บ้าง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าทั่วไป ขีดจำกัดอยู่ที่ประมาณสี่พันแคลเท่านั้น
พลังควบคุมแตะถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่าพูดว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกทั่วไปพวกนี้เลย ถึงจะเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะของถ้ำใต้ดินก็มีแค่ไม่กี่คนที่ทำได้
ทั้งสองคนไม่พูดอีก แตะเท้าในอากาศตามฟางผิงไปยังหอๆ เล็กนั้น
เสี้ยวนาทีที่เข้าใกล้หอขนาดเล็ก ฟางผิงก็ระเบิดพลังจิตใจทันที!
ในห้องมีเสียงดังขึ้นพักหนึ่ง
ในชั่วพริบตานี้หวังจินหยางซัดประตูห้องเปิด เผยพลังไขกระดูกออกมา ฟันด้วยดาบเดียว!
หลี่หานซงก็ตามมาข้างหลังติดๆ หมัดสีทองอร่ามถูกชกออกไป!
ฟางผิงที่อยู่ข้างหลัง บนดาบผิงล่วนมีประกายแสงวูบวาบออกมา!
ทั้งสามคนทุ่มโจมตีสุดกำลัง!
ในห้องบนเตียงมีผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนอยู่คนหนึ่ง เผยแววตาสับสนขึ้นก่อนจะฟื้นฟูสติอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การระเบิดพลังจิตใจกว่าเก้าร้อยเฮิรตซ์ของฟางผิง สามารถฟื้นฟูเร็วได้แบบนี้ ยอดฝีมือทหารในถ้ำใต้ดินยังแข็งแกร่งกว่าพวกเจี่ยงเชาเยอะเลย!
พวกเจี่ยงเชาบางทีอาจจะสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกทั่วไปได้
แต่เจอกับยอดฝีมือทหารของถ้ำ แค่การควบคุมสติก็ห่างชั้นแล้ว
ขุนพลในฐานทัพคนนี้ฟื้นฟูสติขึ้นในชั่วพริบตา ไม่ใช่สิ่งที่คนพวกนั้นสามารถเทียบได้
แต่เสี้ยวนาทีที่ฟื้นสติขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์กลางคนก็เผยแววตาหวาดผวาทันที!
ดาบของหวังจินหยางมาถึงแล้ว!
เปรี้ยง!
เสียงที่ไม่นับว่ารุนแรงมากกระจายออกมา ชายกลางคนยื่นมือมาปัดป้อง แขนถูกฟันขาดทันที
ยังไม่พอแค่นั้น เสี้ยวนาทีที่แขนตกลงพื้น หลี่หานซงก็ชกหมัดออกมา พุ่งไปยังกะโหลกของอีกฝ่าย
ดาบของฟางผิงยังไม่ทันฟันลงมา…จู่ๆ ก็ชะงักกึก ก่นด่าว่า “ฉันยังไม่ทันออกดาบเลย! แม่ง ป้องกันอีกท่าก็ไม่ได้หรือไง!”
หลี่หานซงไม่สนใจเสียงบ่นของเขา อดเบะปากยิ้มไม่ได้ “เจ๋ง นี่จะใช้การได้ดีเกินไปแล้ว! ฟางผิง อีกเดี๋ยวนายไม่ต้อง
ออกดาบแล้ว นายระเบิดพลังจิตใจติดต่อกันก็พอ ขั้นหกไม่ได้หลอมกะโหลก ขอแค่อีกฝ่ายถูกระเบิดไม่มีสติ…ก็ฆ่าได้ในชั่วพริบตาแล้ว!”
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้เขารู้สึกว่าขั้นหกฆ่าง่ายขนาดนี้มาก่อน!
ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าหมดคำพูด เก็บของอย่างรวดเร็วพลางเอ่ยว่า “ระเบิดตัวเองบ่อยๆ ฉันก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนน่ะสิ นายคิดว่าฉันระเบิดได้ไร้ขีดจำกัดหรือไง?”
“งั้นนายสามารถระเบิดตัวเองได้กี่ครั้ง?”
“สี่สิบห้าสิบครั้ง…”
“นั่นก็พอแล้ว! มีขั้นหกจำนวนแค่นี้ คนหนึ่งนายระเบิดสามครั้งก็พอให้อีกฝ่ายสิ้นสติไปแล้ว พวกเราฆ่าอย่างรวดเร็ว แทบไม่ก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โตด้วยซ้ำ!”
——————