ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 489.2 ฆ่าผู้ที่หลอมสารจิงกับเลือด (2)
ตอนที่ 489 ฆ่าผู้ที่หลอมสารจิงกับเลือด (2)
………………..
หวังจินหยางตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เคลื่อนไหวชักช้า ในเวลาเดียวกับที่ฟางผิงออกดาบ หวังจินหยางก็คำราม ฟันดาบออกไป!
ดาบนี้เกิดปรากฏการณ์เช่นเดียวกัน
ไม่ได้เหมือนฟางผิงที่เกิดเป็นภาพมายาราชาสวรรค์ถูกฟัน แต่เป็นดาบยาวเล่มหนึ่งฟันลงอย่างไม่ขาดสาย
ร้อยดาบต่อเนื่อง!
อีกด้านหนึ่ง หลี่หานซงก็ทุ่มสุดชีวิต ทั่วร่างประกายแสงสีทองอร่าม เหวี่ยงหมัดหาอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง!
กลางอากาศเกิดเป็นปรากฏการณ์ แสงสว่างวาบสะท้อนกับความมืดทั่วทั้งฟ้า
ชายผมยาวเริ่มทุ่มสุดชีวิตเช่นกัน คำรามอย่างโมโห เหนือหัวประตูบานที่สองเปิดออกทันที
ชั่วพริบตานี้ร่างของอีกฝ่ายมีพลังเพิ่มพรวดพราดขึ้นอีกครั้ง ปลดปล่อยพลังจิตใจออกมา!
ปัง!
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนสิ่งก่อสร้างข้างล่างพังถล่มนับไม่ถ้วน
ประชาชนคนทั่วไปและผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างหลายคนถูกควันหลงสังหารในชั่วพริบตา
ระดับสูงประมือกัน กระทั่งยอดฝีมือขั้นห้าขั้นหกยังตายได้
แม้พวกฟางผิงจะเทียบกับระดับสูงไม่ได้ แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้เป็นตายกันไปข้างหนึ่ง พลังจากควันหลงยังคงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ไม่ไกลนั้น ผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังล้อมโจมตีฉินเฟิ่งชิงล้มตายไปกองใหญ่
เห็นฉากนี้ ฉินเฟิ่งชิงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนว่า “สู้มาทางนี้หน่อย อย่าสิ้นเปลืองเปล่าๆ จัดการพวกเขาให้เกลี้ยงเลย!”
ตอนนี้บนร่างของฉินเฟิ่งชิงก็เต็มไปด้วยบาดแผล กลับไม่คิดสนใจแม้แต่น้อย
ใต้ฝ่าเท้าของเขาแทบจะเป็นซากศพกองกลาดเกลื่อน
ช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ฉินเฟิ่งชิงสังหารผู้ฝึกยุทธ์ไปกว่าห้าสิบคน เป็นระดับกลางทั้งหมด!
ในนั้นหลายคนยังเป็นผู้ฝึกยุททธ์ขั้นห้าด้วยเช่นกัน!
เมืองเทียนหนาน
ตอนนี้เมืองเทียนหนานแทบจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เหลือแค่ทางเดินน้ำวนเท่านั้น
ข้างนอกทางเดิน เวลานี้ปรมาจารย์นับสิบคนกำลังเฝ้าระวัง ป้องกันการโจมตีจากผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ
ตั้งแต่เข้ามาตอนกลางวันจนถึงตอนนี้ ยอดฝีมือระดับสูงนับร้อยแทบจะทำสงครามตลอดเวลา
ยอดฝีมือขั้นเก้ายังคงอยู่แนวหน้าของสงคราม
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขั้นแปดบางส่วน ตอนนี้ได้ถอยมารักษาบาดแผลและฟื้นฟูแล้ว รอการต่อสู้หลังจากนี้
ฟากหนึ่งของทางเดิน
หลู่เฟิ่งโหรวมองอู๋ขุยซานแวบหนึ่ง ตอนนี้อู๋ขุยซานถูกแทงหน้าอกทะลุ เลือดสีทองไหลไม่หยุด กลับไม่สามารถสมานบาดแผลได้
จ้องอยู่พักหนึ่ง หลู่เฟิ่งโหรวก็เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “โง่เง่า!”
อู๋ขุยซานหัวเราะไม่ได้พูดอะไร ก่อนหน้านี้หลังจากเขาฆ่าขั้นแปดไปสองคนก็พยายามฝ่าเข้าไปในสงครามของขั้นเก้า ประมือกับเจ้าเมืองขั้นเก้าอยู่พักหนึ่ง
จางเว่ยอวี่ถือโอกาสฆ่าขั้นเก้าอีกคนหนึ่งได้ ทำให้มนุษย์พลิกเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่บ้าง
แต่ยังไงอู๋ขุยซานก็ไม่ใช่ขั้นเก้า เจ้าเมืองไม่ใช่คนอ่อนแอ อีกฝ่ายร่วมมือกับขั้นเก้าอีกคนต่อสู้กับจางเว่ยอวี่ยังไม่มีท่าทีจะเพลี่ยพล้ำเลยก็พิสูจน์ความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว
แม้อู๋ขุยซานจะฝีมือแข็งแกร่ง ก็เป็นแค่ขั้นแปด ทั้งสองฝ่ายประมือกันจนจางเว่ยอวี่ฆ่าขั้นเก้าอีกคนได้แล้ว ร่างทองของอู๋ขุยซานก็แทบถูกทำลายจนดับสูญ
แม้จะไม่ตาย สสารไม่แตกดับกลับถูกทำลายไปไม่น้อย หากไม่ใช่ว่าจางเว่ยอวี่ย้อนกลับมาทันเวลา เขาคงถูกฆ่าไปแล้ว
หลู่เฟิ่งโหรวด่าเขาว่าโง่ เป็นเพราะเขาไม่รู้จักประมาณกำลังตัวเอง วิ่งโร่เข้าไปทำสงครามกับขั้นเก้า
ด้านข้างนั้นเฉินเย่าถิงที่บาดแผลเต็มร่างไม่สามารถสมานได้ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “พลังต่อสู้ของอธิการอู๋ไม่เป็นรองใคร หากไม่ใช่ว่าอธิการอู๋ช่วยเหลือทันเวลา ชีวิตนี้ของฉันคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายเสียขั้นเก้าไปอีกหนึ่งคน โอกาสชนะของสงครามนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อธิการอู๋ไม่ได้ไร้ผลงาน”
อู๋ขุยซานขั้นแปดสกัดขั้นเก้า ทั้งยังเป็นยอดฝีมือในขั้นเก้า ช่วงชิงโอกาสและเวลาให้พวกจางเว่ยอวี่
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดอะไร อู๋ขุยซานกลับสูดลมหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “ตอนนี้ขั้นเก้าทั้งสองฝ่ายต่างมีสิบเอ็ดคน ดูท่าพวกเราจะได้เปรียบมากกว่า…กลัวก็แต่ว่า…ขั้นเก้าที่อยู่เฝ้าระวังในเมืองพวกนั้นจะบุกเข้ามาอีกครั้ง!”
ครั้งนี้ถ้ำใต้ดินเคลื่อนไหวขั้นเก้าสิบห้าตน ถูกฆ่าไปสาม ปีศาจนกยูงหนีไปแล้ว
แต่สิบห้าตนนี้ไม่ได้เป็นยอดฝีมือขั้นเก้าของถ้ำใต้ดินเทียนหนานทั้งหมด
ยังมีเจ้าเมืองหลายคนที่ไม่ได้มา พืชปีศาจและสัตว์ปีศาจผู้พิทักษ์บางส่วนก็นั่งรักษาการณ์อยู่ที่รังไม่ได้เข้ามาเช่นกัน
ไม่รู้ว่าไม่อยากมาหรือคิดว่าไม่จำเป็นต้องมา หรืออาจจะมองตัวเองเป็นราชา ไม่สนใจความเป็นความตายของเขตหวงห้าม
แต่เมื่อถึงวิกฤตของถ้ำใต้ดิน คนพวกนี้อาจจะยังบุกออกมาก็ได้
ทั้งยอดฝีมือมนุษย์…ยังมีเยอะขนาดนี้ ตายไปเท่าไหร่ก็ดีเท่านั้น
ข้างนอกนั้นไม่อาจส่งแรงหนุนมาอีกแล้ว
เฉินเย่าถิงประกายแววตากังวลวาบผ่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เอ่ยว่า “ตอนนี้กังวลไปไม่มีประโยชน์ พวกแม่ทัพจางเริ่มฝ่าวงล้อม เตรียมจะบุกไปข้างหลังก่อกวนรังของพวกเขาแล้ว ขอแค่ทำให้บางส่วนล่าถอย พวกเราทุ่มสุดกำลังสังหารคนกลุ่มหนึ่ง ค่อยๆ สะสางไปก็เพียงพอแล้ว”
“ยาก!”
อู๋ขุยซานส่ายหัว ถอนหายใจว่า “อยากฝ่าวงล้อม ยากเกินไป! ขั้นแปดแทบจะถูกจับตามอง ขั้นเจ็ดฝ่าออกไปได้คนสองคน ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ แต่ละเมืองยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขั้นแปดบางส่วนเฝ้าระวังอยู่ เดิมทีก็ไม่สามารถบุกเข้าไปในเมือง…”
เฉินเย่าถิงนิ่งเงียบไป ฝ่าวงล้อมออกไปเยอะ ทางนี้ก็จะเป็นอันตราย
น้อยไป ยังไม่พูดว่าจะฝ่าออกไปได้หรือเปล่า ถึงฝ่าออกไปได้ก็อาจก่อผลกระทบออกมาไม่ได้เสมอไป
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ด้านข้างนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนหนึ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกฟางผิงไม่ใช่ว่าออกไปแล้วหรือไง? ครั้งนี้จะล่อปีศาจพื้นที่หวงห้ามบางส่วนไปจู่โจมเมืองได้หรือเปล่า? หากครั้งนี้ทำได้อีกครั้งคงได้กำไรใหญ่แล้ว!”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เลิกวางแผนกับพวกเขาสักที!”
เจ้าเด็กพวกนั้นยังไม่ถึงระดับสูงเลย แม้ยอดฝีมือถ้ำจะเห็นว่าพวกเขาฝ่าออกไปก็ไม่อาจสนใจ
ดังนั้นก่อนหน้านี้พวกเขาหนีออกไปจึงไม่ได้ถูกขัดขวางอะไร
แต่คาดหวังให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าขั้นหกพวกนี้สร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โต ทุกคนแค่พูดเล่นกันไป
กำลังคุยกัน จู่ๆ อู๋ขุยซานก็มองออกไปไกลๆ นั้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทางนั้น…ทางนั้นเหมือนเกิดการต่อสู้ขึ้น? ไม่ได้อยู่ในเขตสงครามของพวกเรา…”
“ต่อสู้? คนของพวกเรา?”
พวกเขาต่างเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ยอดฝีมือที่มาครั้งนี้ล้วนอยู่แถวนี้กันหมด
ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินก็ปิดล้อมอยู่รอบนอก วางแผนจะฆ่าพวกเขาให้ถึงที่สุด
ภายในถ้ำใต้ดินเกิดการต่อสู้ เป็นการขัดแย้งภายในหรือว่าสัตว์ปีศาจทั่วไปต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใต้ดิน?
แต่อู๋ขุยซานที่อยู่ไกลขนาดนี้ยังรับรู้ได้อยู่บ้าง พลังต่อสู้ไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน โดยทั่วไปต้องขั้นหก ห่างไกลขนาดนี้อาจจะทำให้เขาสัมผัสไม่ได้เสมอไป
แม้จะเหนือความคาดหมาย พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
คนที่รั้งอยู่ตรงนี้ต่างเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รอบาดแผลดีขึ้นบ้างแล้วยังต้องไปสู้แนวหน้าต่อ
ส่วนภายในถ้ำใต้ดินเกิดอะไรขึ้น…พวกเขาขี้เกียจจะสนใจ หากสัตว์ปีศาจโจมตีเมืองจริงๆ นั่นถึงจะดีที่สุด
—
เมืองเยวี่ยกุ้ย
ต่อสู้ติดต่อกันเจ็ดแปดนาทีแล้ว
ตอนนี้พวกฟางผิงไม่อยู่ต่อสู้กลางอากาศอีกแล้ว แต่กระโดดลงในเมือง เข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง
เมืองเยวี่ยกุ้ย ตอนนี้สิ่งก่อสร้างพังไม่เป็นชิ้นดี บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เสียงร้องระงมดังขึ้นไปทั่ว
ทหารคุ้มกันนับพัน ภายใต้ควันหลงการต่อสู้ของพวกเขาก็ตายไปอย่างน่าอนาถ
ไกลๆ นั้น ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าซีดราวกับกระดาษ บนร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าเป็นของตัวเองหรือศัตรู
หอบหายใจแล้ว ฉินเฟิ่งชิงที่ก่อนหน้านี้พูดว่า ‘วันนี้ทำลายเมือง’ ตอนนี้กลับแผดร้องว่า “ช่วยด้วย!”
เขาฆ่าไม่ไหวแล้ว!
คนเยอะเกินไป!
ต่อสู้มาถึงขั้นนี้ ผู้ฝึกยุทธ์เมืองเยวี่ยกุ้ยก็บ้าคลั่งแล้วเช่นกัน พวกฟางผิงใช้วิธีระเบิดตัวเองสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าบางส่วน ฝั่งของเขานั้นลำบากมากกว่า
—————