ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 490 แบ่งทรัพย์กันก่อน (1)
ตอนที่ 490 แบ่งทรัพย์กันก่อน (1)
………………..
สิบนาทีหลังจากนั้น
ทุกคนมารวมตัวกันที่จวนเจ้าเมือง
ตอนนี้จวนเมืองเงียบสงบไร้สุ้มเสียง…ทั้งยังโล่งเกลี้ยง!
ฉินเฟิ่งชิงแบกกระสอบขนาดใหญ่ถุงหนึ่ง เห็นฉากนี้แล้วก็เอ่ยอย่างตะลึงว่า “นาย…นายทำอะไรกับจวนเจ้าเมืองเนี่ย?”
สถานที่กว้างใหญ่ขนาดนี้…โล่งไปหมด!
ฟางผิงถอนหายใจว่า “ตอนที่มาถึง หลายคนหนีไปยังเอาสิ่งของไปด้วย”
“นาย…สารเลว!”
ฉินเฟิ่งชิงหลุดปากด่า เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายล้อฉันเล่น? ระดับกลางแทบจะถูกฆ่าจนเกลี้ยง สามระดับล่างยังมองไม่เห็นทางด้วยซ้ำ ตอนนี้ภายในเมืองเละเทะวุ่นวาย จะหนีไปไหนได้!”
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องเขาอยู่พักใหญ่ ลูบคางว่า “จะว่าไปแล้ว นายเก่งจริงๆ ไม่ยอมคงไม่ได้ แทบจะกลายเป็นน้ำพุแล้ว ตอนที่ปล้นของกลับไม่ชักช้าเลยสักนิด”
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงแทบจะกลายเป็นน้ำพุแล้วจริงๆ
ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน กระทั่งหัวโล้นยังมีรอยดาบอยู่หนึ่งแห่ง หัวเกือบถูกฟันเปิดแล้ว
ผลปรากฏว่าเจ้าหมอนี้ยังมีแรงไปปล้นของอีก!
ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงในลำคอ นั่นมันแน่อยู่แล้ว!
ฟางผิงไม่พูดมากอีก ถือโอกาสคว้ากระสอบของเขาใส่ช่องเก็บของ รวมถึงของที่พวกหลี่หานซงเก็บมาเช่นกัน
หลังจากนั้นฟางผิงก็คว้าตัวทั้งสองคนไปข้างนอก
ฉินเฟิ่งชิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง “ไปง่ายๆ แบบนี้?”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าระดับกลางในเมืองจนเกลี้ยง ตอนนี้ในเมืองยังมีของดีอีกเยอะแยะ แทบจะปล่อยให้เขาขโมยได้ตามใจ
เมืองเล็กๆ ที่มีคนกว่าหนึ่งแสน หากกวาดเรียบจนเกลี้ยงจริงๆ แทบไม่ด้อยกว่าการขุดแหล่งแร่ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
ฟางผิงเคลื่อนไหวไปข้างหน้าพลางเอ่ยว่า “หากยังไม่ไปอีก พวกเราก็ต้องหาทางหนีเหมือนกัน”
“ไหนว่าไม่กลับมาแล้ว?”
“เดี๋ยวก็กลับมา”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็สะบัดมือส่งๆ บนพื้นปรากฏหินพลังงานระดับสูงไม่น้อย
เห็นฉากนี้ ฉินเฟิ่งชิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ไม่มีความจำเป็นต้องสิ้นเปลืองสักหน่อย!”
เขารู้ว่าฟางผิงจะทำอะไร!
ระเบิดจวนเจ้าเมือง!
“จวนเจ้าเมืองข้างล่างมีแหล่งแร่ขนาดเล็กอยู่ แต่ระดับสูงถูกขุดไปหมดแล้ว เหลือแค่ระดับต่ำบางส่วนเท่านั้น ไม่มีเวลาขุด ทั้งขี้เกียจจะขุด ใช้หินพลังงานระดับสูงระเบิดแหล่งแร่นี้ ถือโอกาสก่อความเคลื่อนไหวไปด้วย”
ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “ไปเถอะ เดี๋ยวจะระเบิดแล้ว หินระดับต่ำข้างล่างจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ระเบิดตามๆ กัน เมืองเยวี่ยกุ้ยก็จะถูกทำลายไปกว่าครึ่งเหมือนกัน การเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ยอดฝีมือระดับสูงทางนั้นน่าจะสัมผัสได้เหมือนกัน พวกเรารีบหนีออกไปให้ไกลหน่อยค่อยว่ากัน!”
หลี่หานซงกินสมุนไพรเข้าไปหนึ่งต้น กัดราวกับเป็นหัวไชเท้า เดินไปพลางเอ่ยว่า “พูดแบบนี้ จะหนีกันอีกแล้ว?”
“ไม่ใช่ ใช้กลยุทธ์ล่าถอยต่างหาก”
ฟางผิงพูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็มองหลี่หานซงพักหนึ่ง อดด่าไม่ได้ “เจ้าหัวเหล็ก นายไปเอาปี้เยวี่ยหลัวที่ไหนมา เจ้านี่มูลค่าหลายร้อยคะแนน นายเอามากินเล่นอย่างกับเป็นหัวไชเท้า?”
หลี่หานซงเบ้ปากว่า “บาดเจ็บหนักเกินไป กินบำรุงสักหน่อย นายคิดว่าฉันเหมือนนายหรือไง ขี้เหนียวขนาดนี้ อย่างมากก็หักจากส่วนแบ่งของฉันไปก็จบแล้ว นายระวังเลือดไหลหมดตัวละกัน”
ฉินเฟิ่งชิงเจ้าหมอนี้แทบจะเลือดหมดตัวแล้ว ยังมีเวลามาสนใจว่าเขากินอะไรอีก
จะว่าไปแล้ว…ปี้เยวี่ยหลัวกินดิบอร่อยจริงๆ!
รสชาติไม่เลวเลย!
ชั่วชีวิตนี้ยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ หากปี้เยวี่ยหลัวสามารถเคี่ยวทำเป็นยาบำรุงได้ อย่างน้อยคงเคี่ยวเป็นยาบำรุงได้หลายเม็ด
โยนไปก็ปลดปล่อยพลังจิตใจไปด้วย เอ่ยอย่างปวดใจอยู่บ้าง “น่าเสียดาย วางระเบิดไม่ได้ ใช้หินพลังงานระดับสูงแทนระเบิดสิ้นเปลืองจริงๆ”
แม้จะสิ้นเปลือง ฟางผิงยังคงรู้สึกว่าจำเป็นต้องระเบิดเมืองเยวี่ยกุ้ย
แหล่งแร่ขนาดเล็กใต้ดินถูกระเบิด เมืองเยวี่ยกุ้ยกว่าครึ่งใหญ่ต้องไม่เหลือซากอย่างแน่นอน
การเคลื่อนไหวครึกโครมขนาดนี้ต้องสามารถล่อเจ้าเมืองระดับสูงกลับมาได้แน่ บางทีอาจจะหลายคนด้วย
นี่ถือเป็นการออกแรงเพื่อแนวหน้าเช่นกัน
ฟางผิงที่มีเงินเต็มกระเป๋ายังคิดว่าสิ้นเปลือง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น หวังจินหยางมองหินพลังงานระดับสูงตาไม่กะพริบ ดูจนปวดแปลบในใจอยู่บ้าง
มหาวิทยาลัยหนานเจียง…คลังสินค้ายังมีไม่เยอะเท่านี้เลย
ฟางผิงยังคงโยนทิ้งต่อไป โยนหินพลังงงานพลางสั่นสะเทือนพื้นข้างล่างไปด้วย ปรากฏแหล่งแร่ขนาดเล็กออกมา
เมืองเล็กๆ แบบนี้ก็มีแหล่งแร่พลังงานเหมือนกัน
แต่ปกติจะไม่เยอะจนเกินไป พอๆ กับที่ปีศาจสุนัขเม่นครองอาณาเขตครั้งก่อนเท่านั้น
อีกอย่างเมืองทางนี้ไม่มีพืชปีศาจผู้พิทักษ์ขั้นเก้า โดยทั่วไปก็ไม่สามารถทำให้กลับมาใช้ใหม่ได้ ขุดหินระดับสูงเกลี้ยงแล้วค่อยว่ากัน ระดับต่ำกลับเหลือเอาไว้
ทิ้งตามสายแร่ที่โผล่ออกมาบางส่วนแล้ว ฟางผิงกำลังเตรียมจะระเบิด ฉินเฟิ่งชิงก็โยนคำถามเข้ามาทันที “ฟางผิง ครั้งนี้ได้ของเยอะหรือเปล่า?”
“พอประมาณ”
“งั้น…หินพลังงานที่นายใช้ระเบิดพวกนี้เป็นส่วนของใคร?”
“ส่วนรวม”
ฉินเฟิ่งชิงทำหน้าจนใจ เจ้าหมอนี้โยนไปไม่น้อย นี่ยังจะส่วนรวมอีก เดิมทีเขาก็ได้แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่ใช่จะน้อยไปอีกหรือไง?
ฟางผิงไม่สนใจเขา โยนทิ้งอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยว่า “ไปเถอะ!”
สิ้นเสียง ฟางผิงก็ทะยานขึ้นอากาศ ลอยออกไปข้างนอก
สงครามก็โหดร้ายแบบนี้
แนวหน้ายังคงมีปรมาจารย์นับร้อยกำลังหลั่งเลือดอยู่ พวกเขากำลังปกป้องคนของตัวเองเช่นกัน งั้นคงไม่มีความจำเป็นต้องปักหลักเฝ้าที่ทางเดินหรอก
ในเมื่อยอดฝีมือถ้ำใต้ดินไม่เฝ้าระวัง นั่นจะมาโทษที่พวกเขากอบโกยไม่ได้
พวกเขาเพิ่งลอยห่างออกไปช่วงหนึ่ง ฟางผิงก็จุดระเบิดจากพลังจิตใจตัวเองทันที
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ระเบิดติดต่อกันเป็นทอดๆ เสียงดังไม่ขาดสาย หลังจากนั้นสักพักก็เกิดเป็นเสียงระเบิดต่อเนื่อง
จวนเจ้าเมืองปลิวหายไปเป็นเถ้าถ่าน พื้นดินใกล้ๆ พังถล่ม บ้านเรือนนับไม่ถ้วนถูกทำลาย
เสียงร้องโหยหวนร่ำไห้ดังผสมปนเปจากเมืองข้างหลัง
ไกลๆ นั้นเสียงแผดร้องของสัตว์ปีศาจดังขึ้น
ไม่มียอดฝีมือนั่งรักษาการณ์ ไม่มีกลิ่นอายจากพืชปีศาจและสัตว์ปีศาจผู้พิทักษ์คุ้มครอง สัตว์ปีศาจเหล่านี้ก็เห็นโอกาสเช่นกัน
เมืองและหมู่บ้านแต่ละแห่ง สาเหตุที่ป้องกันการโจมตีของสัตว์ปีศาจได้ นั่นเป็นเพราะว่าพืชปีศาจสัตว์ปีศาจขั้นเก้าจะมอบหินพลังงานที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายและแรงกดดันของตัวเองไว้ในพื้นที่ที่คนพวกนี้รวมตัวกัน
นั่นก็คือกระโจมไฟหินพลังงานขนาดใหญ่กลางเมืองแห่งนั้น
ตอนนี้หินพลังงานขนาดใหญ่นั้นถูกฟางผิงเก็บเข้าไปในช่องเก็บของแล้ว
ไม่มีกลิ่นอายของพืชปีศาจสัตว์ปีศาจขั้นเก้าที่ปล่อยแรงกดดันออกมา เมืองเยวี่ยกุ้ยหลั่งเลือดเป็นสายน้ำ สำหรับสัตว์ปีศาจ นี่เป็นสถานที่กินอาหารชั้นเลิศ
ตอนที่เห็นกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจนับไม่ถ้วนมุ่งหน้าไปทางเมืองเยวี่ยกุ้ย ฟางผิงก็ถอนหายใจว่า “เมืองแห่งนี้จบสิ้นแล้ว!”
แม้จะมียอดฝีมือไล่ตามมาก็สายไปแล้ว
ในเมืองยังรวบรวมระดับกลางไม่ได้ด้วยซ้ำ ผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่าง ตอนนี้แทบจะเหมือนคนตาบอดที่วิ่งวุ่นอยู่ในเมือง
หากสัตว์ปีศาจโจมตี กระทั่งป้องกันยังทำไม่ได้
ค่ำคืนนี้ เมืองเล็กๆ แห่งนี้คงต้องพังพินาศอย่างแท้จริง
หวังจินหยางหันไปมองแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “สงครามไม่ได้เกิดจากพวกเรา!”
ฉินเฟิ่งชิงแค่นหัวเราะ “พูดยาก! เหล่าหวัง นายมั่นใจเหรอว่าสงครามไม่ได้เกิดจากพวกเรา? เผ่าเยาจื๋อตามหาเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่อะไรนั่นอยู่ตลอด พวกนายว่าจะเป็นผู้อาวุโสในเวลานั้นของพวกเราหรือเปล่าที่ขโมยเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่ไป ดังนั้นอีกฝ่ายถึงดึงดันบุกเข้ามาบนพื้นโลกอย่างไม่สนใจอะไร?”
เรื่องเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่ ฟางผิงเคยได้ยินมาก่อน ทั้งเอ่ยกับพวกเขาเช่นกัน
แต่พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ รู้แค่ว่าเป็นสิ่งที่เผ่าเยาจื๋อกำลังตามหา
ข้างหลังนั้นเกิดเสียงระเบิดไม่ขาดสาย ฟางผิงทะยานในอากาศพลางเอ่ยว่า “สนใจทำไม แม้บรรพบุรุษพวกเราจะขโมยจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องของบรรพบุรุษ มีความสามารถก็ไปสู้กับพวกบรรพบุรุษดูสิ อย่างน้อยผู้ฝึกยุทธ์รุ่นพวกเราก็ไม่ได้คิดจะเป็นฝ่ายจู่โจม ตกลงเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่คืออะไร ใครก็ไม่รู้เหมือนกัน กระทั่งยอดฝีมือเผ่าเยาจื๋อยังไม่รู้ว่าคืออะไร จะหายังไง? หากไม่มีประโยชน์จริงๆ คงทิ้งให้ถ้ำใต้ดินแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่พูดด้วยเหตุผล เห็นคนก็ฆ่า พวกเขาทำก่อนจะมาโทษว่าพวกเราทำกลับไม่ได้”
“เมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่…”
——————-
………………..