ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 490.2 แบ่งทรัพย์กันก่อน (2)
ตอนที่ 490 แบ่งทรัพย์กันก่อน (2)
………………..
ฉินเฟิ่งชิงกดหน้าอกรูโหวงที่กำลังเลือดไหลพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายว่าตกลงเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่คืออะไร? จะเกี่ยวข้องกับคนที่ตายแล้วเกิดใหม่อย่างพวกนายหรือเปล่า? ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใต้ดินเข้าสู่พื้นโลก หากไม่ใช้ปราณฆ่าล้วนสามารถคืนชีพได้ นั่นเพราะสาเหตุอะไร? อีกอย่างเอาแต่บอกว่าคืนชีพ…ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนสักครั้ง คืนชีพที่ไหน? หรือคืนชีพที่เขตหวงห้าม?”
“ไม่รู้” ฟางผิงส่ายหัว
หลี่หานซงกลับครุ่นคิดเล็กน้อย “ต้องคืนชีพที่เขตหวงห้ามอยู่แล้ว แต่เรื่องคืนชีพ…อันที่จริงมหาวิทยาลัยปักกิ่งรู้แค่ว่าพวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าไม่กี่คนเคยคืนชีพมาก่อน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่างคนอื่นๆ…ด้านหนึ่งมีโอกาสบุกขึ้นมาพื้นโลกน้อย อีกด้านหนึ่งไม่มั่นใจว่าคืนชีพหรือเปล่า แต่ขั้นเก้าคืนชีพเป็นเรื่องจริง เวลานั้นก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง ทุกคนรู้ว่าเพราะอะไรสินะ?”
ฟางผิงพยักหน้าว่า “รู้ ปี 1920 ถ้ำใต้ดินซีเป่ยอุบัติ ปากทางถ้ำใต้ดินแห่งที่สามของประเทศจีนปรากฏขึ้น เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งหนึ่ง ผู้คนเจ็บตายนับล้านคน…หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งก็ก่อตั้งขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์จึงเดินขึ้นสู่เวทีอย่างเป็นทางการ”
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงได้เข้าใจเรื่องราวของถ้ำใต้ดินผ่านไป๋รั่วซีในคลาสความรู้ถ้ำใต้ดิน
หลี่หานซงฟังจบก็เอ่ยว่า “ก็คือครั้งนั้นแหละ ครั้งที่ถ้ำใต้ดินซีเป่ยอุบัติขึ้น สร้างความสูญเสียใหญ่หลวงขนาดนั้นเพราะมียอดฝีมือบุกออกมา เกิดเป็นสงครามใหญ่ เวลานั้นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ยังไม่ได้ก่อตั้ง ยอดฝีมือสำนักบางส่วน รวมถึงยอดฝีมือจากรัฐบาล ทั้งอาจจะมียอดฝีมือของเมืองเจิ้นซิงด้วย ร่วมกันลงมือสยบการเคลื่อนไหวครั้งนั้น แม้จะเป็นแบบนี้ก็สร้างความสูญเสียอย่างหนัก แต่ยอดฝีมือขั้นเก้าหลายคนที่บุกออกมาครั้งนั้น ท้ายที่สุดล้วนตายหมด บางคนถูกยอดฝีมือของพวกเราสังหาร บางคนเห็นว่าสู้ไม่ไหว ตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ขั้นเก้าหลายคนที่ฆ่าตัวตาย…ผ่านไปไม่นานกลับปรากฏขึ้นในถ้ำใต้ดินซีเป่ยอีกครั้ง ใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้! ดังนั้นมนุษยชาติจึงรู้ว่ายอดฝีมือถ้ำใต้ดินสามารถคืนชีพได้!”
หลี่หานซงสูดลมหายใจเข้าลึก “อันที่จริงยอดฝีมือระดับกลางและระดับล่างบุกขึ้นพื้นโลกน้อยมาก ปกติจะถูกพวกเราจับมา ทั้งคนพวกนี้ตายไปแล้ว ตกลงคืนชีพหรือเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ขั้นเก้าคืนชีพ นี่เป็นเรื่องจริงแน่นอน”
หวังจินหยางขมวดคิ้วว่า “สาเหตุที่พวกเขาคืนชีพได้คืออะไร?”
หลี่หานซงส่ายหัวว่า “ไม่รู้ มหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่กระจ่างชัดเหมือนกัน”
ฟางผิงครุ่นคิด “จะเกี่ยวข้องกับเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่หรือเปล่า? บางทียอดฝีมือถ้ำใต้ดินพวกนี้ ถึงพื้นโลกแล้ว อันที่จริงจะได้รับอิทธิพลของเมล็ดพันธุ์แห่งการเกิดใหม่?”
“ไม่รู้”
พวกเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใครจะไปรู้ว่าตกลงเพราะเหตุผลอะไร
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่พูดต่อแล้ว พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
พวกฉินเฟิ่งชิงไม่แปลกใจเช่นกัน หนีออกไปตามๆ กัน!
ควรหนีได้แล้ว!
ยอดฝีมือระดับสูงเหมือนจะมีคนย้อนกลับมาแล้ว
หากยังไม่ไปอีกก็รอถูกฟันตายไปเถอะ
—
ปากทางเดินเมืองเทียนหนาน
หนานอวิ๋นเยวี่ยกลับมาพร้อมบาดแผล ทั่วร่างชุ่มไปด้วยเลือด
ร่วงสู่พื้นแล้ว หนานอวิ๋นเยวี่ยก็เอ่ยว่า “เมืองเฉียงเวยเหมือนจะเกิดเรื่องแล้ว…ถ้าจำไม่ผิด คงมาจากทางเมืองเยวี่ยกุ้ย…เหมือนเมืองจะถูกโจมตี”
อู๋ขุยซานมีความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ผุดขึ้นในใจ จู่ๆ หนานอวิ๋นเยวี่ยก็มองไปทางอู๋ขุยซาน “อธิการอู๋ พวกฟางผิงเข้ามาสินะ?”
“อืม”
“คนล่ะ?”
“เอ่อ…บอกว่าจะไปหาจางชิงหนาน”
“หาจางชิงหนาน?”
หนานอวิ๋นเยวี่ยแค่นหัวเราะ “ฉันว่าไปหาเรื่องมากกว่า เจ้าเด็กเวรพวกนี้ไม่กลัวตายจริงๆ หรือไง? เมืองเฉียงเวยยังมีระดับสูงรั้งอยู่ในเมือง ห่างจากเมืองเยวี่ยกุ้ยไม่ไกลเลย เมืองเยวี่ยกุ้ยถูกโจมตี เกรงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กพวกนี้อยู่บ้าง”
หลู่เฟิ่งโหรวฟังจบก็เอ่ยอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐมนตรีหวังบอกว่าพวกฟางผิงเดินลัดไปตามทิศทางของทะเลหวงห้าม…”
หนานอวิ๋นเยวี่ยมองเธอแวบหนึ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “เธอไม่รู้จักลูกศิษย์คนนี้ของเธอเท่าไหร่ พูดมากไปไม่มีประโยชน์ แล้วแต่พวกเขาเถอะ เมืองเยวี่ยกุ้ยถูกทำลาย อีกฝ่ายมีขั้นเจ็ดสองคนถอนตัวออกไป ไม่ว่าจะเพราะพวกเขาหรือเปล่านับว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน”
หนานอวิ๋นเยวี่ยไม่พูดอะไรอีก เริ่มรักษาบาดแผล
สงครามครั้งนี้ ต่อสู้ตั้งแต่กลางวันมาจนถึงตอนนี้ ฆ่าขั้นเก้าอีกฝ่ายไปสามตน ทั้งเธอก็ฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นเก้าสองตัวด้วยตัวเอง
แม้ผลงานจะโดดเด่น หนานอวิ๋นเยวี่ยก็บาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อกี้พยายามทำให้ขั้นเก้าฝั่งตรงข้ามบาดเจ็บ ทั้งสองฝ่ายต่างแยกย้ายกลับมา ตอนนี้ดูว่าใครจะฟื้นฟูได้เร็วกว่ากัน
หากหนานอวิ๋นเยวี่ยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่า จากพลังต่อสู้ของเธอ บุกเข้าไปอีกครั้งบางทีอาจจะสามารถฆ่าขั้นเก้าได้อีกคน สร้างโอกาสชนะได้อย่างสมบูรณ์
หนานอวิ๋ยเยวี่ยเริ่มรักษาบาดแผล ด้านข้างนั้นอู๋ขุยซานส่ายหัวเบาๆ ถอนหายใจว่า “ไปเมืองใต้อาณัติพวกนั้นก็แล้วไป เด็กพวกนี้อย่าได้ไปเมืองราชาละกัน เมืองราชายังมีระดับสูงบางส่วนนั่งรักษาการณ์อยู่ อันตรายเกินไป!”
เวลานี้อู๋ขุยซานมั่นใจแล้วเช่นกัน มีโอกาสสูงที่เป็นฝีมือของพวกฟางผิง
นอกจากพวกเขา คนทั่วไปแทบไม่อาจทำอะไรออกมาได้หรือจะพูดว่าทำไม่ได้
หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดลงมือ ก่อความเคลื่อนไหวรุนแรงขนาดนั้นจะถูกรับรู้ได้ง่าย แต่ถ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกจะไม่ดึงดูดความสนใจเท่าไหร่
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “เป็นพวกเขาจริงๆ?”
“น่าจะ”
อู๋ขุยซานมองเธอแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สองปีนี้ส่วนมากเธอใช้เวลากับการเข้าด่าน ไม่เข้าใจเขาเท่าไหร่ เจ้าเด็กนี้อยู่นิ่งๆ ไม่ได้”
“อันตรายเกินไปแล้ว…”
หลู่เฟิ่งโหรวถอนหายใจ เจ้าเด็กนั่นใจกล้าไม่น้อยเลยจริงๆ
เมืองเยวี่ยกุ้ยไม่ได้ไกลขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่าจะทำลายเมืองของอีกฝ่าย
ไม่รู้ว่าตอนนี้หนีไปหรือยัง?
ไม่พูดมากอีก หลู่เฟิ่งโหรวถือดาบเดินออกไป เธอฟื้นฟูขึ้นมากแล้ว
เห็นหลู่เฟิ่งโหรวออกไป อู๋ขุยซานไม่ชักช้าเช่นกัน รีบตามไปอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะบาดเจ็บหนัก แต่คอยระวังท้ายให้หลู่เฟิ่งโหรวยังไม่ใช่ปัญหา
พวกฟางผิงหนีออกมาจากเมืองเยวี่ยกุ้ย อยู่ห่างจากเมืองนับร้อยลี้ หาเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งซ่อนตัวในนั้น
ถ้ำกลางเขาเล็กๆ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง มีปีศาจหมูป่าตัวหนึ่งนอนล้มตายอยู่ด้านข้าง
หวังจินหยางมองผู้ฝึกยุทธ์สองคนที่สลบไสล ฉินเฟิ่งชิงและหลี่หานซงกลับจ้องฟางผิงอย่างรอคอยอยู่บ้าง
“เค้นข้อมูลเถอะ!”
“สรุปสินสงคราม!”
พวกเขาแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน
หวังจินหยางพูดว่าเค้นข้อมูล ฉินเฟิ่งชิงและหลี่หานซงต่างบอกว่าจะแบ่งทรัพย์สิน…หลี่หานซงพูดจบ หน้าก็ขึ้นสีเล็กน้อย ไอแห้งๆ ว่า “เค้นข้อมูลก่อน สินสงครามไม่รีบ!”
หลี่หานซงกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง ถือโอกาสถลึงตาใส่ฉินเฟิ่งชิงไปที เจ้าหมอนี้ทำฉันเสียคนแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงถูกถลึงตาใส่ก็หงุดหงิดอยู่บ้าง แม่งเหอะ นายถลึงตาใส่ฉันทำไม?
นายพูดเอง ฉันไม่ได้บังคับนายสักหน่อย!
ฟางผิงหัวเราะ เอ่ยว่า “สรุปสินสงครามกันก่อนเถอะ ทุกคนจะได้ไม่พะวงแต่เรื่องพวกนี้”
หวังจินหยางไม่พูดมากเช่นกัน พยักหน้าว่า “ได้”
ฟางผิงคำนวณเล็กน้อย เอ่ยว่า “หินพลังงานมีจำนวนมาก แบ่งตามระดับของเมืองเจิ้นซิง ขั้นเก้าน่าจะสามสิบกว่าจิน ระดับอื่นๆ ประมาณห้าร้อยกว่าจิน”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็กระตือรือร้นขึ้นมาอยู่บ้าง
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราจะคำนวณจากราคารับซื้อของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ขั้นเก้าหนึ่งกรัมประมาณหกแสน หนึ่งจินก็สามร้อยล้าน ขั้นเก้าน่าจะหมื่นล้าน แม้หินระดับอื่นจะเยอะ แต่มูลค่าต่ำ คงจะประมาณหนึ่งหมื่นล้านเหมือนกัน หินพลังงานพวกนี้น่าจะมูลค่าสองหมื่นล้าน”
“เอื๊อก…”
ฉินเฟิ่งชิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่จริงๆ แม้เขาจะได้ส่วนแบ่งสิบเปอร์เซ็นต์ แค่หินพลังงาน อย่างน้อยก็ได้แล้วสองพันล้าน ยังมีของอย่างอื่นไม่น้อยอีก!
“จวนเจ้าเมืองมีคลังสมบัติอยู่ ในนั้นมีอาวุธเยอะทีเดียว มูลค่าไม่น้อย อาวุธระดับ A มีสิบกว่าชิ้น ระดับ B และระดับ C ก็มีนับร้อย ยังมีอาวุธระดับต่ำอีกจำนวนมาก…รวมทั้งหมดแล้ว อย่างต่ำคงห้าพันล้าน”
เวลานี้กระทั่งหวังจินหยางยังรักษาอาการสงบไม่ได้อยู่บ้าง
ฟางผิงยังไม่ทันพูดจบก็เอ่ยต่อว่า “อีกอย่างในคลังสมบัติมีผลไม้พลังงานไม่น้อย รวมกับที่พวกเราได้รับก่อนหน้านี้แล้วก็ห้าพันล้านเป็นอย่างต่ำ!”
—————
………………..