ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 490.3 แบ่งทรัพย์กันก่อน (3)
ตอนที่ 490 แบ่งทรัพย์กันก่อน (3)
………………..
“นี่ก็สามหมื่นล้านแล้ว?” ฉินเฟิ่งชิงสูดลมหายใจเข้าลึก ปล้นเมืองถึงจะเป็นการทำการค้าที่ได้กำไรเยอะที่สุดแล้ว!
ฟางผิงหัวเราะว่า “ไม่ใช่แค่พวกนี้ ยังมีของอื่นๆ อีก หนังสือ แกนหัวใจปีศาจขนหนังปีศาจ รวมถึงของเบ็ดเตล็ดยิบย่อย มูลค่าน่าจะถึงห้าพันล้าน”
“สามหมื่นห้าพันล้านแล้ว!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ประมาณนั้นแหละ”
ระหว่างที่พูดฟางผิงยังเอ่ยเสริม “แต่ก่อนจะออกมา ฉันควักหินพลังงานขั้นเก้ามาทำเป็นระเบิดไม่น้อย ต้องหักออกจากเรื่องนี้ หักสองพันล้านละกัน…”
ฉินเฟิ่งชิงละล่ำละลักว่า “ไม่เยอะถึงเจ็ดจินหรอกมั้ง?”
ฟางผิงชำเลืองตามองเขา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เหลวไหล ฉันระเบิดพลังจิตใจตัวเองไม่นับเป็นเงินหรือไง?”
ฉินเฟิ่งชิงหมดคำจะพูด คล้ายจะถูกเหมือนกัน เรื่องนี้นอกจากฟางผิงแล้วไม่มีใครทำได้อีก
“ถ้าคำนวณตามนี้ งั้นก็จะได้ประมาณสามหมื่นสามพันล้าน” ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หัวเหล็กกับพี่หวัง พวกนายคนละหกพันหกร้อยล้าน ส่วนฉินเฟิ่งชิงนาย…”
ฟางผิงมองเขาอยู่พักหนึ่ง หัวเราะว่า “ฉันไม่หักจากนาย แต่นายติดหนี้ฉันสามพันล้าน รวมกับดอกเบี้ยปีนี้ งั้นก็เป็นสามพันสามร้อยล้าน น่าจะหมดกันไปพอดี…”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าเขียวคล้ำ!
กัดฟันแน่น “ฉันเขียนสัญญาขายตัวไปแล้วร้อยปี ตอนนี้นายยังจะให้ฉันใช้หนี้อีก?”
ฟางผิงยิ้มตาหยี “ไม่คืนก็ได้ แต่ของพวกนี้ ฉันจะช่วยนายเก็บไว้ก่อน ค่าดูแลคิดสิบเปอร์เซ็นต์ นับว่านายฝากไว้ที่ฉันสามพันล้าน รอกลับไปแล้วฉันค่อยคืนให้นายเป็นยังไง?”
“สิบเปอร์เซ็นต์?”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าเขียวคล้ำอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่เชื่อใจอยู่บ้าง “นายไม่ได้ซ่อนของไว้สินะ?”
ฟางผิงแค่นเสียง “นายคิดว่าฉันเหมือนนายหรือไง? ในเมื่อบอกแล้วว่าแบ่งให้ฉันเยอะหน่อย ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันคงไม่เอาของที่ทุกคนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาทำเป็นเรื่องล้อเล่นหรอก ฉันบอกว่าสามหมื่นห้าพันล้านก็ต้องเท่านั้น! ฉันยังไม่ถึงขั้นทำลายชื่อเสียงของตัวเองเพียงเพราะเงินเล็กน้อยแค่นี้หรอก!”
“เงินเล็กน้อย…”
ด้านข้างนั้นหวังจินหยางสำลักไอเบาๆ หลี่หานซงทุบหัวตัวเองต่อ!
นี่คือเงินเล็กน้อยงั้นเหรอ?
ยึดตามที่ฟางผิงแบ่ง หากเขาได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ งั้นครั้งนี้ก็จะได้หนึ่งหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยล้าน
หากเก็บค่าดูแลอะไรนั่นอีก ท้ายที่สุดน่าจะได้รับประมาณสองหมื่นล้านแล้ว
นี่ยังนับว่าเป็นเงินเล็กน้อย?
กระทรวงการศึกษาจัดสรรงบประมาณหนึ่งปีให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เท่าไหร่เอง?
ทั้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับเงินจัดสรรมากที่สุดในตอนนี้แล้ว!
ส่วนมหาวิทยาลัยหนานเจียง ก่อนหน้านี้ทุกคนได้แค่ไม่กี่พันล้าน ยังไม่เยอะเท่าส่วนแบ่งที่หวังจินหยางได้จากครั้งนี้เลย
หวังจินหยางนึกถึงตรงนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งจุกอกอยู่บ้าง ถอนหายใจว่า “ครั้งก่อนนายเอาหินพลังงานขั้นเก้าให้ฉันหนึ่งจิน ฉันคิดว่าฉันเอาเปรียบนายไม่น้อย แต่นั่นมันแค่การต่อสู้หนึ่งสนาม ตอนนี้มาคิดดู…บางทีฉันได้กินเยอะหน่อยคงไม่ใช่เรื่องผิดเหมือนกัน”
ฟางผิงเจ้าหมอนี้จะรวยเกินไปแล้ว
ฟางผิงไม่รับบทสนทนา ยิ้มตาหยีว่า “คนกันเองต้องแบ่งแยกทรัพย์สินให้ชัดเจน พวกนายต้องเก็บค่าดูแลรักษาเหมือนกัน สรุปทั้งหมดแล้ว นายและหัวเหล็กได้คนละหกพันล้าน ฉินเฟิ่งชิงสามพันล้าน ที่เหลือเป็นของฉัน ทุกคนว่ายังไง?”
“ได้”
“ฉันไม่มีปัญหา”
ครั้งนี้ฟางผิงยังคงเป็นแกนนำหลัก ไม่ว่าจะลอบจู่โจมขั้นหกพวกนั้น หรือสุดท้ายฆ่ายอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดคนนั้น ล้วนมีเขาเป็นกำลังสำคัญ
หากไม่พูดถึงเรื่องนี้ ไม่มีฟางผิง แม้พวกเขาจะทำลายเมืองได้ก็เอาของมาเยอะขนาดนี้ไม่ได้อยู่ดี
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฟางผิงได้ส่วนแบ่งเยอะหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อทุกคนไม่เห็นต่าง งั้นก็ว่ากันตามนี้”
ดังคาด ขอแค่แบ่งกันเสร็จ มั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ค่าทรัพย์สินจะถูกคำนวณทันที
ก่อนหน้านี้ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ มาถึงเมืองความหวังแล้ว จัดแจงวิธีแบ่งเสร็จสรรพแล้วถึงจะคำนวณค่าทรัพย์สินให้เขา
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
ทรัพย์สิน : 121,500,000,000 (เปลี่ยนแปลง)
ปราณ : 3200 แคล (7085 แคล)
จิตใจ : 500 เฮิรตซ์ (933 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (90%)
ช่องเก็บของ : 32 ลูกบาศก์เมตร (+)
ม่านพลังงาน : ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นต่อนาที (+)
เลียนแบบกลิ่นอาย : ค่าทรัพย์สินหนึ่งแสนต่อนาที (+)
ฟางผิงมองตัวเลขเบื้องหน้า ก่อนเข้าถ้ำใต้ดิน ค่าทรัพย์สินเขามีอยู่หนึ่งแสนหนึ่งพันแปดร้อยล้าน
ครั้งนี้ช่วยพวกเหล่าหวังปิดบังกลิ่นอายสองคน หนึ่งนาทีต่อหนึ่งล้าน รวมกับตอนที่ออกมา ช่วยฉินเฟิ่งชิงเก็บงำกลิ่นอายก็เสียค่าทรัพย์สินไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านเท่านั้น
แต่ต่อสู้กับยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดแล้วคนนั้น สิ้นเปลืองไปไม่น้อยทีเดียว
ปราณเขาหมดเกลี้ยงอยู่หลายครั้ง พลังจิตใจก็เหมือนกัน
รวมกับลอบฆ่าขั้นหกพวกนั้น ตั้งม่านพลังจิตใจ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วสิ้นเปลืองไปประมาณสองร้อยล้าน
คำนวณแบบนี้ ครั้งนี้เข้าถ้ำใต้ดินสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินน่าจะไม่ถึงสามร้อยล้าน
ระบบเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาประมาณสองหมื่นล้าน ไม่ต่างกับที่เขาคาดการณ์ไว้เท่าไหร่
ฟางผิงไม่ได้ฮุบสินสงครามครั้งนี้จริงๆ ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งของฉินเฟิ่งชิง ครั้งก่อนฉินเฟิ่งชิงเป็นแค่คนนำทาง คนหนีไปแทบไม่เห็นเงา
ฟางผิงหลอกเอาเงินเขามา หลังจากนั้นก็ชดเชยกลับให้เขาไปเหมือนกัน ถึงจะบอกว่าเป็นการติดหนี้ก็ตาม
ครั้งนี้พวกเหล่าหวัง รวมถึงฉินเฟิ่งชิงล้วนทุ่มต่อสู้เข่นฆ่าสุดกำลังอย่างแท้จริง เดิมทีฟางผิงก็ได้รับส่วนแบ่งเยอะอยู่แล้ว ไม่ได้คิดสกปรกกับสินสงครามเลย
ของยิบย่อยนั้นมีไม่น้อย ช่องเก็บของแทบจะถูกอัดจนเต็ม
“ขยายให้ถึงห้าสิบลูกบาศก์เมตรก่อนค่อยว่ากัน!”
ฟางผิงคิดในใจ ไม่นานช่องเก็บของก็เริ่มเพิ่มขึ้น แตะถึงห้าสิบลูกบาศก์เมตรอย่างรวดเร็ว
ทั้งค่าทรัพย์สินก็ลดไปเก้าพันล้าน เหลืออยู่หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยล้าน
“ดูเหมือนจะคุ้มค่า ความเป็นจริงแทบสิ้นเปลืองไม่ไหวอีกแล้ว…”
ฟางผิงถอนหายใจ ตอนนี้ลงถ้ำใต้ดิน หาได้เยอะก็จ่ายออกไปเยอะเหมือนกัน
ตอนนี้เขาใช้ปราณจนเกลี้ยง แค่เติมปราณต้องเสียค่าทรัพย์สินประมาณเจ็ดล้านแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่องเก็บของ หนึ่งลูกบาศก์เมตรต่อห้าร้อยล้าน ในความเป็นจริงทำใจจ่ายไม่ได้อยู่บ้าง
โดยเฉพาะม่านพลังงานและเลียนแบบกลิ่นอาย พาไปคนเดียวยังไม่เท่าไหร่ หากพาพวกฉินเฟิ่งชิงไปสามคน งั้นม่านพลังงานหนึ่งนาทีก็ต้องเสียค่าทรัพย์สินสิบล้านแล้ว
เลียนแบบกลิ่นอายยิ่งน่ากลัวกว่านั้น เทียบกับม่านพลังงานแล้วยังสิ้นเปลืองมากกว่าสิบเท่า!
หนึ่งนาที นั่นเป็นค่าทรัพย์สินหนึ่งร้อยล้าน
ต่อให้ค่าทรัพย์สินมากมายขนาดไหนก็ไม่พอใช้อยู่ดี
ดังนั้นฟางผิงจึงไม่คิดจะเปิดใช้การเลียนแบบกลิ่นอาย ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องแกล้งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ
แต่ว่า…เจ้าสิ่งนี้อาจจะได้ใช้เหมือนกัน
หากเจอระดับสูงของถ้ำใต้ดินจริงๆ บางทีอาจต้องใช้แล้ว
“ม่านพลังงานก็จะเว้นฉินเฟิ่งชิงไว้คนเดียวไปตลอดไม่ได้ สามคนหนึ่งชั่วโมงก็สิ้นเปลืองหกร้อยล้านแล้ว ยังต้องหาเงินให้มากอีกหน่อย”
ตอนนี้ไม่ได้ถูกไล่ฆ่า ยังไม่จำเป็นต้องซ่อนตัว
แต่เปิดไว้ตลอดจะดีที่สุด ป้องกันไม่ให้เจอผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ
อยู่ในถ้ำใต้ดินเช้าจรดเย็น นั่นต้องสิ้นเปลืองหนึ่งหมื่นสี่พันสี่ร้อยล้านแล้ว แค่คิดฟางผิงยังปวดใจขึ้นมา
มองฉินเฟิ่งชิงไปอีกที…ฟางผิงรู้สึกว่าพาเจ้าหมอนี้มาด้วย ลำบากชัดๆ
หากพามาแค่สองคน สิ้นเปลืองสิบเท่าก็แค่ไม่กี่พันล้าน
ไม่กี่พันล้าน ฟางผิงคิดว่าตัวเองยังพอรับได้
ฉินเฟิ่งชิงถูกฟางผิงมองจนอัดอั้นตันใจอยู่บ้าง แม้จะไม่รู้ว่าฟางผิงคิดอะไรอยู่ ยังคงร้องทุกข์ว่า “ค่าดูแลรักษาฉันก็ให้แล้ว นายอย่าวางแผนกับฉันอีกได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงเจ้าหมอนี้มีเงินจะตายไป ยังมาจ้องคนจนอย่างเขาอีก ไม่มีคุณธรรมบ้างเลยหรือไง?
ฟางผิงถอนหายใจ รำพึงรำพันว่า “เหล่าฉิน นายไม่รู้หรอก เพื่อนายแล้วฉันจ่ายค่าตอบแทนไปเท่าไหร่! เพราะว่าสายเลือดของพวกเราใกล้กันเท่านั้น ไม่งั้น…ฉันคงไม่คิดสนใจนายจริงๆ”
ฉินเฟิ่งชิงสีหน้าแข็งทื่อ คำพูดนี้…กำลังบอกว่าฉันเป็นหลานของหลานนายงั้นสิ?
จะว่าไปแล้วถ้าฉันเรียกนายว่าผู้อาวุโส นายจะให้เงินฉันหรือเปล่า?
ถ้าให้เงิน…ฉินเฟิ่งชิงคิดว่าเกียรตินี้ไม่เอาก็ได้ เกียรติยศศักดิ์ศรีเอามาใช้เหมือนหินพลังงานไม่ได้สักหน่อย
——————–
………………..