ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 491-2 ออกประเด็นไปอยู่บ้าง (2)
ตอนที่ 491 ออกประเด็นไปอยู่บ้าง (2)
………………..
หวังจินหยางปวดหัวอยู่บ้าง เนิ่นนานก่อนจะเอ่ยว่า “พูดแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องของเมืองเฉียงเวยเพียงอย่างเดียวแล้ว ยังเกี่ยวพันถึงพื้นที่อื่นด้วย? หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ถึงอาจารย์จะมีชีวิตรอด ถ้ำใต้ดินเทียนหนานไม่ได้เล็กๆ นั่นแทบจะเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงแทรกบทสนทนาว่า “งั้นตอนนี้จะทำยังไง? ทำลายเมืองเล็กๆ บางส่วนต่อหรือว่าไปเมืองเฉียงเวยเลยดี?”
ฟางผิงมองหวังจินหยางแวบหนึ่ง หวังจินหยางถอนหายใจ ส่งเสียงว่า “ไปรอนอกเมืองเฉียงเวย จับผู้ฝึกยุทธ์เมืองเฉียงเวยสักสองสามคนมาถามข้อมูล ส่วนเรื่องเข้าเมืองให้แล้วไปเถอะ พวกเราฆ่าผู้ฝึกยุทธ์นอกเมืองบางส่วน ล่อให้ทหารคุ้มกันอีกฝ่ายออกมาข้างนอกดีกว่า”
ฟางผิงพยักหน้าว่า “ได้ อีกอย่างฉันจะไปสืบข่าวสักหน่อย พืชปีศาจผู้พิทักษ์ของเมืองเฉียงเวยได้ออกไปหรือเปล่า หากออกไปแล้ว ฉันจะถือโอกาสขุดเข้าไปในเมือง ดูว่าจะมีโอกาสระเบิดแหล่งแร่บ้างไหม”
ทุกคนหันมองไปทางฟางผิง ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แค่ไปหยั่งเชิงดู แต่แหล่งแร่ขนาดใหญ่แบบนี้ ยากที่จะระเบิดทิ้งเหมือนกัน เขตใจกลางอาจจะมีคนเฝ้าระวังอยู่ โดยทั่วไปต้องมีระดับสูงควบคุมอยู่แน่ น่าเสียดาย…”
ฟางผิงเสียดายอยู่บ้าง เสียดายที่ไม่ได้พาปรมาจารย์มาด้วย
ไม่งั้นพาตาเฒ่าหลี่หรืออู๋ขุยซานเข้าไปจัดการระดับสูงที่เฝ้าอยู่ที่นั่นทิ้งไป ขั้นเก้าภายในเมืองไม่อยู่ เขาก็ลงไม้ลงมือได้เต็มที่แล้ว
ตอนนี้แค่คิดจะระเบิดแหล่งแร่ยังเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง
หวังจินหยางได้ฟัง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ถ้านายอยากจะเข้าไปเขตแร่ ระเบิดแหล่งแร่ทิ้งจริงๆ งั้นพวกเราก็อยู่นอกเมืองฆ่าคนให้เยอะหน่อย รอฆ่าคนเยอะแล้ว ระดับสูงที่เฝ้าอยู่อาจจะถูกล่อออกมาได้เหมือนกัน”
ฟางผิงกลับเอ่ยด้วยแววตาไหววูบ “นี่กลับไม่จำเป็น พวกนายจำสัตว์ปีศาจที่ทะเลสาบเสี้ยวจันทร์ได้หรือเปล่า?”
“ทำไมเหรอ?”
ฟางผิงยิ้มตาหยี “ฉันว่าสัตว์ปีศาจตัวนั้นน่าจะครองอาณาเขตแหล่งแร่เล็กๆ อยู่ นายว่าฉันไปปล้นแหล่งแร่นั่น จากนั้นเหลือกลิ่นอายเอาไว้ หนีมาที่เมืองเฉียงเวยตลอดทาง เจ้าหมอนั่นจะไล่ตามฆ่าฉันหรือเปล่า?”
หวังจินหยางขมวดคิ้วว่า “เสี่ยงอันตรายอยู่บ้าง…”
“ฉันไม่ได้เสี่ยงคนเดียว”
ฟางผิงหัวเราะมองไปทางฉินเฟิ่งชิง “เหล่าฉิน นายไปหลอกล่อสัตว์ปีศาจออกมาก่อน ฉันจะไปขุดแหล่งแร่ ขุดเสร็จแล้ว ฉันจะล่อมันไปเมืองเฉียงเวยเป็นยังไง?”
ฟางผิงลอบชมในใจ นี่เห็นแก่เงินถึงขนาดไหนกัน?
เขาเป็นขั้นห้าคนหนึ่ง เพื่อเงินแล้วกระทั่งขั้นเจ็ดยังกล้าหลอกล่อ
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากถูกไล่ตามทันคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้านข้างนั้น หลี่หานซงเอ่ยว่า “หากนายอยากทำจริงๆ ให้ฉันไปดีกว่า อย่างน้อยการป้องกันฉันก็แข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง…”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แย่งอะไรกัน ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะทำหรือเปล่า ถ้าสัตว์ปีศาจตัวนั้นไม่ไปเมืองเฉียงเวย งั้นเพื่อแหล่งแร่ที่ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่กลับไปหาเรื่องสัตว์ปีศาจระดับสูงคงไม่คุ้มค่า หากไปที่นั่นแล้ว มันไม่จู่โจมเมือง นั่นก็ทำเรื่องเสียแรงเปล่า อีกอย่างตอนนี้เมืองเฉียงเวยมียอดฝีมือเฝ้าดูอยู่เท่าไหร่ยังไม่รู้เหมือนกัน ถ้ามีขั้นเจ็ดขั้นแปดหลายคน สัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดตัวนั้นอาจใช้ประโยชน์ไม่ได้เท่าไหร่ สืบข้อมูลดูก่อนละกัน เข้าใจสถานการณ์แล้วค่อยครุ่นคิดอีกที ก่อนหน้านี้ที่เมืองหนานเจียงไม่สามารถระเบิดเมืองจู้หลิวให้สิ้นซากได้ ครั้งนี้หากพืชปีศาจผู้พิทักษ์และเจ้าเมืองล้วนไม่อยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะระเบิดเมืองราชาสำเร็จจริงๆ ก็ได้”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมืองเฉียงเวยอยู่ใกล้กับเมืองเทียนหนานมากที่สุด ก่อนหน้านี้ทำสงครามกับเมืองเทียนหนานมาโดยตลอด ครั้งนี้เจ้าเมืองและพืชปีศาจผู้พิทักษ์มีโอกาสลงสนามรบสูงเหมือนกัน”
สงครามใหญ่ของขั้นเก้า ก่อนหน้านี้ฟางผิงรับรู้และมองเห็นบางส่วนเช่นกัน
พืชปีศาจขั้นเก้า ครั้งนี้ออกไปสี่ตัว
เจ้าเมืองออกไปแปดคน
ทั่วทั้งสิบเอ็ดเมืองถ้ำใต้ดินเทียนหนาน มีหกเมืองเป็นเผ่าเยาจื๋อ
นี่หมายความว่าอย่างมากมีแค่สองเมืองที่มีพืชปีศาจเฝ้าอารักขาอยู่
เจ้าเมืองออกไปแปดคน นั่นก็หมายความว่าอย่างมากมีเจ้าเมืองไม่ได้ออกไปอยู่สามเมือง
เผ่าเยามิ่งอาจจะไม่ทุ่มกำลังคนออกมาหมดเสมอไป ฟางผิงถึงกระทั่งสงสัยว่าเจ้าเมืองแปดคนที่ไป หกคนคงเป็นเจ้าเมืองเผ่าพันธุ์เยาจื๋อทั้งหมด
นี่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของเขา สัตว์ปีศาจขั้นเก้าไปสามตัว เจ้าเมืองเยามิ่งไปสองคน
ประจวบกับเมืองเยามิ่งห้าแห่ง เมืองหนึ่งเคลื่อนไหวขั้นเก้าหนึ่งคน เหลือเฝ้าระวังไว้อีกคน นี่ตรงกับการคาดการณ์พอดี
ไม่มีเหตุผลให้เผ่าเยามิ่งเคลื่อนไหวสัตว์ปีศาจผู้พิทักษ์และเจ้าเมืองพร้อมกันทั้งคู่
“เมืองสี่แห่งมีโอกาสสูงที่จะไม่เหลือขั้นเก้าไว้เลย ยอดฝีมือขั้นเก้าออกไป ขั้นเจ็ดขั้นแปดอาจมีไม่เยอะเท่าไหร่ เดิมทีถ้ำใต้ดินเทียนหนานก็ไม่ได้ฝีมือแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้พวกเราเข้ามาตั้งมาก ฆ่าระดับสูงในทางเดินได้เยอะขนาดนั้น ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังคุมเชิงกันอยู่ ทำสงครามนั่นหมายความว่าฝีมือไม่ต่างกันมาก คิดแบบนี้ถ้ำใต้ดินเทียนหนานน่าจะส่งขั้นเจ็ดขั้นแปดออกไปกว่าร้อยคน! เมืองหนึ่งแห่งโดยทั่วไปขั้นเจ็ดขั้นแปดน้อยนักที่จะเกินสิบคน เผ่าเยาจื๋อบางทีอาจจะเหลือขั้นเจ็ดขั้นแปดนั่งรักษาการณ์อยู่คนสองคน ยังไงในสายตาพวกเขา แนวหลังยังคงปลอดภัย ครั้งนี้ทุกคนเคลื่อนไหวด้วยกัน เผ่าเยาจื๋อและเยามิ่งร่วมมือกัน สถานการณ์แบบนี้ สัตว์ปีศาจจากพื้นที่หวงห้ามก็ไม่กล้ากระตุ้นโทสะพวกเขาเช่นกัน มีระดับสูงนั่งรักษาการณ์คนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
คำพูดข้างหลังนั้นฟางผิงพูดออกมาเอง
หวังจินหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถึงจะพูดอย่างนั้น…แต่นายรู้ว่าครั้งนี้ขั้นเก้าที่เข้าร่วมสงคราม ไม่มีขั้นเก้ามาจากเขตหวงห้ามงั้นเหรอ? แบบนั้นการคาดการณ์ของนายก็มีปัญหาแล้ว”
“ฉันรู้ ดังนั้นเลยจะหยั่งเชิงดูก่อน พืชปีศาจผู้พิทักษ์ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอยู่หรือเปล่า ส่วนเจ้าเมืองจับสองสามคนมาถามว่าได้เข้าร่วมสงครามหรือไม่ น่าจะมั่นใจข้อมูลได้แล้วเหมือนกัน”
ฟางผิงเอ่ยด้วยยิ้มตาหยี “พวกนายว่า…ถ้าระเบิดเมืองราชาสี่แห่ง จะสร้างผลกระทบอะไรตามมา?”
“อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า!”
หวังจินหยางรู้สึกว่าตัวเองมีความจำเป็นต้องเตือนเขาหน่อย เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “เมืองราชาถูกทำลาย หมายความว่ารากฐานของเจ้าเมืองและพืชปีศาจผู้พิทักษ์พวกนี้ถูกทำลายแล้ว ถึงเวลานั้นนายต้องเผชิญหน้ากับการไล่ฆ่าของขั้นเก้าทั่วทั้งถ้ำใต้ดินเทียนหนาน! ยอดฝีมือขั้นเก้าพวกนี้ พลังจิตใจแข็งแกร่งอย่างมาก ภายใต้ขอบเขตนั้น ถึงนายจะเก็บงำกลิ่นอาย พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหาก็อาจจะเจอนายได้อยู่ดี”
“ฉันรู้…แต่พวกเราก็ยังมีขั้นเก้าอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
“…”
ทั้งสองคนกำลังคุยกัน หลี่หานซงกลับอดขัดบทสนทนาไม่ได้ “ทั้งสองคน ก่อนหน้านี้พวกเราพูดชัดเจนแล้วว่าจะไปจับคนที่เมืองเฉียงเวยมาสองสามคน ถามสถานการณ์ดู ทำไม…ทำไมตอนนี้คุยมาถึงเรื่องระเบิดเมืองราชาสี่แห่งซะได้?”
หลี่หานซงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอยู่บ้าง!
พวกเราคุยกันดีแล้ว จะไปหยั่งเชิงเมืองเฉียงเวยดูเท่านั้น ทำไมประเด็นออกมาไกลขนาดนี้!
จากเมืองเฉียงเวยถึงทะเลสาบจันทร์เสี้ยว จากทะเลสาบจันทร์เสี้ยวมาถึงระเบิดเมืองราชา จากระเบิดเมืองราชามาถึงระเบิดเมืองราชาสี่แห่ง…
ฟางผิงหัวเราะว่า “คลายแรงกดดันให้ปรมาจารย์พวกเราหน่อย อีกอย่าง แค่พูดไปเท่านั้น ทำแบบนั้นได้จริงๆ ที่ไหนกัน”
“นายมั่นใจว่าแค่พูดไปเท่านั้น?”
หลี่หานซงไม่กล้าวางใจอยู่บ้าง ถึงกระทั่งรู้สึกกระวนกระวายในใจ กระซิบว่า “ฟางผิง…พวกเรา…ยังไงก็เป็นแค่ขั้นห้าขั้นหก เมืองราชาสี่แห่งอย่างน้อยต้องมีผู้ฝึกยุทธ์นับแสนคน ระดับกลางหลายหมื่นเป็นอย่างต่ำ หากระเบิดสี่เมืองขึ้นมาจริงๆ เอ่อ…พวกเราคงจะหมดหนทางหนีจริงๆ แล้ว”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงยิ่งวุ่นวายเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น!”
ฟางผิงสูดลมหายใจเข้าลึก “หากวุ่นวายขึ้นมาจริงๆ ฉันลองคำนวณดูก่อน…”
เขาบอกว่าลองคำนวณดู พวกเขาเผยสีหน้างุนงง นายจะคำนวณอะไร?
คำนวณของฟางผิงก็คือเลียนแบบกลิ่นอายต้องจ่ายออกไปเท่าไหร่!
หากคำนวณรวมกับสามคน หนึ่งนาทีก็หนึ่งร้อยล้าน!
หนึ่งชั่วโมง นั่นก็หกพันล้าน!
ฟางผิงตกใจอยู่บ้าง เยอะเกินไปแล้ว!
แต่พวกเขาสี่คน หากอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย โจมตีผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำบางส่วน แกล้งปะปนอยู่ในนั้น สืบหาข้อมูลไปด้วย อาจจะหลบหลีกจากปัญหาได้อยู่บ้างเช่นกัน
“ยิ่งวุ่นวาย อันที่จริงยิ่งมีประโยชน์ต่อการหลบหนีของพวกเรา”
ฟางผิงคำนวณในใจ สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “พักเรื่องนี้ไว้ก่อน พวกเราไปหยั่งเชิงดูสถานการณ์ที่เมืองเฉียงเวยก่อนเถอะ ถ้าขั้นเจ็ดขั้นแปดมีน้อยจริงๆ งั้นก็ไปล่อเจ้าที่คล้ายเจี่ยวตัวนั้นจากทะเลสาบเสี้ยวจันทร์ ระเบิดที่อื่นเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง แต่ระเบิดเมืองเฉียงเวยยังพอมีหวัง”
พวกเขาเริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองเฉียงเวยที่อยู่ไกลๆ นั้น หวังจินหยางเงียบอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็เอ่ยอย่างอ้อมแอ้มว่า “เอ่อ…พวกเรายังหาคนเป็นหลักหรือเปล่า”
แผนการของฟางผิง เขายังกลัวอยู่บ้าง
แม่งเหอะ เจ้าหมอนี้บ้าไปแล้วชัดๆ
เขากลัวว่าครั้งนี้ตัวเองจะต้องมาฝังที่นี่จริงๆ แล้ว!
หวังจินหยางถอนหายใจ
ไม่ใช่ว่าไม่อยากคลายแรงกดดันให้พวกปรมาจารย์ ประเด็นสำคัญอยู่ที่แผนที่เขาวางไว้ ฟังยังไงก็ดูไม่น่าเชื่อถือ
สถานการณ์ตอนนี้ทำได้แค่คอยดูไปทีละก้าวเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆ…ฉินเฟิ่งชิงเจ้าหมอนี้ทำหน้าลิงโลด หลี่หานซงกำลังเตือนอีกหลายประโยค ตอนนี้ก็มีความรู้สึกอยากลิ้มลองอยู่บ้างเหมือนกัน
หวังจินหยางลอบตอกย้ำตัวเองในใจ ฉันมาเพื่อหาคน!
จริงๆ นะ ฉันมาเพื่อหาอาจารย์!
ฉันคิดพะวงมาตั้งสองปี ครั้งนี้ไม่ได้มารนหาที่ตายจริงๆ
——————–
………………..