ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 492-3 ความมุ่งมั่นต้องแน่วแน่ (3)
ตอนที่ 492 ความมุ่งมั่นต้องแน่วแน่ (3)
………………..
ถังเฟิงเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “แค่ล้อเล่น จริงจังอะไรขนาดนั้น ฟางผิงเจ้าเด็กนั่นชอบทำแต่เรื่องแบบนี้ ฉันเลยพูดเล่นบ้างเท่านั้น”
หลู่เฟิ่งโหรวนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะแค่นเสียงในลำคอ
ถังเฟิงเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “นี่อธิการเกือบถูกทำลายร่างทองแล้วสินะ? หากรอดกลับไปใช้น้ำแร่ชีวิตรักษาจะฟื้นฟูได้หรือเปล่า?”
อู๋ขุยซานหัวเราะว่า “น่าจะได้ แต่ต้องเยอะหน่อย”
“สี่ห้าสิบจิน?”
“ไม่เยอะขนาดนั้นหรอก สิบกว่าจินก็น่าจะได้แล้ว…”
“งั้นยังดี”
ด้านข้าง คนอื่นๆ ต่างมองไปทางพวกเขา เจ้าพวกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…ขี้โม้กันจริงๆ!
น้ำแร่ชีวิตใช้หน่วยเป็นจิน?
กระทั่งหลี่เต๋อหย่งยังอดไม่ได้ “อธิการอู๋ ครั้งนี้หากรอดกลับไปได้จริงๆ จากผลงานของคุณ หน่วยทหารจะยื่นเรื่องขอน้ำแร่ชีวิตเพื่อรักษาให้บางส่วน แต่มากสุดคงไม่กี่สี่ห้าร้อยกรัมเท่านั้น!”
ตอนที่พูดว่า ‘กรัม’ หลี่เต๋อหย่งเน้นเสียงหนักเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ ว่า “คลังเก็บของรัฐบาลก็มีไม่เยอะ หลายปีนี้มีแค่สงครามถ้ำใต้ดินปักกิ่งในครั้งนั้นที่กอบโกยได้เยอะอยู่บ้าง ส่วนครั้งนี้…”
หลี่เต๋อหย่งมองพืชปีศาจที่สูงเฉียดฟ้าหลายต้นไกลๆ นั้นแวบหนึ่ง ถอนหายใจเบาๆ “ถ้าถึงเวลาที่ต้องตายจริงๆ เว้นแต่จะฆ่าอีกฝ่ายในชั่วพริบตา ไม่งั้นต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน ครั้งนี้ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินเทียนหนานไม่อาจลงมือ ฆ่าอีกฝ่ายเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นแม้จะสังหารพืชปีศาจพวกนี้จริงๆ ก็ยากจะได้รับอะไรกลับมา อย่างมากก็ได้น้ำแร่ชีวิตที่หลงเหลือบางส่วนเท่านั้น ดังนั้น…สิบจิน…”
หลี่เต๋อหย่งแทบไม่อยากพูดแล้ว ไม่สามารถให้นายได้เยอะขนาดนั้นจริงๆ
อู๋ขุยซานทำผลงานอย่างน่าตกใจ สังหารขั้นแปดสามคน ทั้งยังเผชิญหน้ากับขั้นเก้า
ตามหลักแล้วบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ให้น้ำแร่ชีวิตเขาบางส่วน เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
แต่สิบกว่าจิน…อย่าล้อกันเล่นเลย
แม้จะเป็นขั้นเก้าบาดเจ็บสาหัสยังอาจไม่ได้เยอะขนาดนั้นเสมอไป
ก่อนหน้านี้ฟางผิงเคยพูดไว้ ครั้งหน้าไปถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ จู่โจมคนของเมืองเทียนเหมินพวกนั้นให้เจ็บหนักหน่อย ดูว่าต้นเทียนเหมินจะเปิดน้ำพุแห่งชีวิตให้พวกเขารักษาหรือเปล่า
ถ้าเปิดขึ้นมาจริงๆ ก็มีโอกาสช่วงชิงน้ำแร่แห่งชีวิตมาบางส่วนแล้ว
สิบกว่าจิน…เอาเถอะ เยอะจริงๆ นั่นแหละ
แต่นึกถึงตอนแรกที่ตาเฒ่าหลี่ดื่มน้ำแร่ชีวิตไปนับไม่ถ้วน หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้น แม้ตอนนี้ทำไม่ได้ หลังจากนี้รอฟางผิงฝีมือแข็งแกร่งแล้ว จากความสามารถปิดบังกลิ่นอายของเด็กนั่น ไม่ช้าก็เร็วต้องสามารถช่วงชิงมาได้แน่
เทียบกันแล้วยังมีหวังกว่าเยอะ!
นึกถึงฟางผิง จู่ๆ หลู่เฟิ่งโหรวก็เอ่ยว่า “ทางเมืองเฉียงเวยเป็นพวกฟางผิงหรือเปล่า?”
ถังเฟิงนิ่งงันไปเล็กน้อย กดเสียงว่า “พวกฟางผิง?”
“น่าจะอย่างนั้น…”
ระหว่างที่หลู่เฟิ่งโหรวพูด อู๋ขุยซานก็รับบทสนทนา “ไม่ใช่น่า พวกเขานั่นแหละ เจ้าเด็กพวกนี้ไม่รู้ก่อเรื่องอะไร จะหาคนก็หาไปสิ ตอนนี้มาทำลายเมือง ล่อปีศาจออกมาก่อกวนอีกแล้ว ตอนนี้มีขั้นเจ็ดกลับไปตั้งสี่คน เดิมทีเมืองเฉียงเวยก็มีขั้นเจ็ดหนึ่งคนรักษาการณ์อยู่ อย่างน้อยขั้นเจ็ดห้าคน…พวกเขาสี่คน เจอแล้วจะหนีเอาชีวิตรอดได้งั้นเหรอ?”
อู๋ขุยซานจนใจอยู่บ้าง ในมือปรากฏกระบี่สั้นขึ้นมาชั่วพริบตา สาวเท้าเอ่ยว่า “ฉันจะไปดูข้างหน้า ฆ่าเจ้าพวกนั้นให้มากหน่อย ดูว่าจะเรียกให้พวกข้างหลังกลับมาได้อีกหรือเปล่า”
“อธิการ”
ถังเฟิงตะโกนออกมา อู๋ขุยซานบาดเจ็บหนัก ไปต่อสู้แนวหน้าอีกอาจจะตายได้
“ไม่เป็นไร”
อู๋ขุยซานโบกมือ ครุ่นคิดแล้วก็หันมาเอ่ยว่า “ฉันไม่มีความสามารถล้างแค้นให้ตั๋วตั่ว ฟางผิงเจ้าเด็กนี้ยังมีหวัง รอแนวป้องกันคลายตัวแล้ว พวกคุณสองคนลองไปหาที่แนวหลังเถอะ…”
ระหว่างที่พูด อู๋ขุยซานก็มองไปทางหลี่เต๋อหย่งด้วยรอยยิ้ม “รองผู้บัญชาการหลี่ พวกเราสามคนฆ่าขั้นแปดไปสามคน ขั้นเจ็ดสองคน รอแนวป้องกันคลายแล้ว พวกเขาออกไปคงไม่มีปัญหาสินะ?”
หลี่เต๋อหย่งมองเขาพักหนึ่ง เอ่ยอย่างครุ่นคิด “ไปแนวหลังตามลำพังอันตรายกว่า! ยังมีขั้นเก้าไม่ได้ออกมา!”
อู๋ขุยซานไม่หันกลับ หัวเราะว่า “งั้นรอฉันกลับมา ฉันจะไปล้างแค้นด้วยตัวเอง”
“ตายแล้ว ไม่มีคนช่วยเก็บศพให้นาย!”
“ไม่เป็นไร…”
จู่ๆ หลู่เฟิ่งโหรวก็ไม่พูดอีกแล้ว สาวเท้าไปข้างหน้าเช่นกัน
ถังเฟิงเพิ่งอยากจะตามไป รัฐมนตรีหวังที่อยู่ด้านข้างก็หอบหายใจว่า “นายไปทำไม เพิ่งจะกลับมา พักสักหน่อยเถอะ แม่งเหอะ ช่วยต่อลำไส้เข้าไปให้ฉันหน่อย สองสามีภรรยานี้มองฉันอยู่ครึ่งวัน เอาแต่พูดจีบกัน ไม่เห็นมีใครเอ่ยปากช่วยฉันต่อลำไส้ให้สักคน”
รอบๆ นั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักต่างหลุดขำออกมา
ถังเฟิงมองรัฐมนตรีหวังไปที ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ไส้คุณแทบจะแหลกหมดแล้วจะให้ต่อยังไง? ฉันยังอยากจะยืมสสารไม่แตกดับจากคุณอยู่เลย…”
“ไสหัวไป!”
รัฐมนตรีหวังหลุดปากด่าออกไป กลับมีกำลังวังชาขึ้นมาบ้างแล้ว เอ่ยอย่างโมโหว่า “สองปีนี้นับวันมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แม่งเหอะ ราชสีห์ถังคนซื่อตรงอย่างนาย ตอนนี้เริ่มใช้เล่ห์เหลี่ยมแล้ว! ครั้งนี้ฉันกลับไปจะแนะนำให้รัฐมนตรีจางเปลี่ยนอธิการ…ไม่สิ เปลี่ยนประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ให้พวกนาย! แม่งเหอะ เจ้าเด็กฟางผิง ฉันเห็นครั้งแรกก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของดีอะไร คนดีๆ คลุกคลีกับเขาระยะหนึ่งกลับเปลี่ยนไปไม่เป็นผู้เป็นคน! ตาแก่จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เมื่อกี้ยังด่าฉันอีก บอกว่าเมื่อก่อนหลี่หานซงสงบเสงี่ยมเป็นเด็กดีไม่รู้ตั้งเท่าไหร่…ตอนนี้ถูกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกนายพาไปจนเสียคนแล้ว!”
ถังเฟิงนั่งลงกับพื้นตรงๆ เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “คุณออมแรงไว้ดีกว่า เจ้าเด็กนี้ซื้อตัวคนไปมากแล้ว นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแทบจะถูกซื้อตัวไว้หมด พวกคุณจะเปลี่ยนเขา…มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องก่อกบฏแน่ คุณไม่กลัวว่าคณบดีหลี่จะไปหาเรื่องคุณก็ลองแนะนำดูเถอะ”
“แม่งเอ้ย!”
รัฐมนตรีหวังหลุดคำหยาบต่อ ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด รองรัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง…นึกไม่ถึงว่าจะถูกข่มขู่ได้!
นึกมาถึงตรงนี้ จู่ๆ รัฐมนตรีหวังก็เอ่ยว่า “ให้เจ้าเด็กฟางผิงหาน้ำแร่ชีวิตให้ฉันสักสิบจิน หลังจากนี้เขาอยากเป็นอธิการ ฉันจะยืนข้างเขาให้”
ด้านข้าง หลี่เต๋อหย่งอดไม่ไหว กระแอมไอเบาๆ “สรุปแล้ว จากปากของพวกนายแทบจะใช้น้ำแร่ชีวิตเป็นจินหมดสินะ?”
รัฐมนตรีหวังได้ฟังก็เงียบไปพักหนึ่ง เอ่ยชั่งน้ำหนักว่า “นายแทบไม่รู้อะไร ฟางผิงเจ้าเด็กนั่นถ้าช่วงชิงน้ำแร่ชีวิตมาได้…ฉันจะไปตีสนิทก่อน เจ้าเด็กนี้ยังติดค้างสสารไม่แตกดับฉันนิดหน่อย ปรมาจารย์หลี่ จะให้เจ้าเด็กนั่นตายไม่ได้เด็ดขาด ยังต้องรอให้เขามาช่วยชีวิต”
เหล่าหวังบาดเจ็บไม่น้อย เทียบกับอู๋ขุยซานแล้วยังหนักกว่า
หลี่เต๋อหย่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจ้าพวกนี้คิดอะไรกัน นึกไม่ถึงว่าจะฝากความหวังไว้ที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกคนหนึ่ง
ฟางผิง เขาเคยได้ยินมาก่อน ไม่ได้ชั่วร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง?
รัฐมนตรีหวังใช้หางตาแลมองเขา ไม่อธิบายเช่นกัน
นายแม่งไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!
ตอนนี้เจ้าเด็กนี้เพิ่งขั้นหก…ตอนเขาขั้นสี่ก็สามารถชิงน้ำแร่ชีวิตจำนวนมากมาช่วยชีวิตหลี่ฉางเซิงได้แล้ว
ฉันรออีกไม่กี่ปี เจ้าเด็กนี้ขั้นเจ็ดขั้นแปดแล้ว ไม่แน่ว่าจะชิงมาได้อีก?
ยังไงตอนแรกก็เคยถ่ายทอดสสารไม่แตกดับให้เขาเล็กน้อย หากยืมน้ำแร่ชีวิตมาช่วยชีวิตตัวเอง…ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกมั้ง?
——————