ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 494 ฉันคือดาวช่วยชีวิตของมนุษยชาติ (1)
ตอนที่ 494 ฉันคือดาวช่วยชีวิตของมนุษยชาติ (1)
………………..
ฟางผิงวิ่งหนีตายพลางปลดปล่อยกลิ่นอายพลังงานของตัวเองออกไป
รอรับรู้ได้ว่าข้างหลังมีแรงกดดันอันแข็งแกร่งไล่ตามมา ฟางผิงก็เริ่มหนีอย่างบ้าคลั่ง ระหว่างทางเจอทหารคุ้มกันเมืองเฉียงเวยบางส่วน ฟางผิงตะโกนว่า “สัตว์ปีศาจอาละวาด รีบหนีเร็ว!”
ทหารคุ้มกันบางส่วนยังไม่ทันได้สติ หลังจากนั้นสักพัก เงาขนาดมหึมาก็ทะยานผ่านอากาศ แผ่พลังจิตใจกดดันทั่วสารทิศ ระเบิดคนบางส่วนชั่วพริบตา
ไกลๆ นั้นมีทหารคุ้มกันบางส่วนที่ไม่ถูกกดดัน หวาดผวาขึ้นมาทันที
มีคนเอ่ยอย่างตกใจว่า “รีบกลับเมืองราชา! ปีศาจเขายักษ์อาละวาดแล้ว!”
“หนีเร็ว!”
ชั่วพริบตานี้แทบไม่มีคนตระหนักว่าฟางผิงที่วิ่งไปเป็นคนแรก ตกลงเป็นใครกันแน่ เป็นทหารคุ้มกันจากฝ่ายไหน
ทุกคนรู้แค่ว่าหากไม่หนีอีกต้องตายอย่างแน่นอน
ฟางผิงที่อยู่ข้างหน้า วิ่งจนฝุ่งตลบอบอวล เร็วอย่างสุดขีด
ข้างหลังนั้นทหารคุ้มกันจำนวนมากมีคนถูกปีศาจเขายักษ์บินโฉบผ่านไป ไม่ว่าใครที่ถูกมันบินผ่านแทบจะตายทั้งหมด บนพื้นตอนนี้ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกอยู่เลย
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกยังไม่ถึงขั้นตายด้วยแรงกดดันของขั้นเจ็ดอย่างรวดเร็ว
แต่ต่ำกว่าขั้นหกลงไปแทบไม่มีใครรอดชีวิต
ตอนนี้ปีศาจเขายักษ์โมโหอย่างถึงที่สุด ไม่คิดออมมือแม้แต่น้อย ไล่ฆ่าฟางผิงอย่างรวดเร็ว ตลอดทางก็กวาดพลัตจิตใจกดดันไปทั่ว ฆ่าทหารคุ้มกันไปจำนวนมาก
ฟางผิงที่อยู่ข้างหน้ายังตะโกนไม่หยุดหย่อน ตอนนี้เขาได้ยินผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำข้างหลังตะโกนเช่นกัน
“ปีศาจเขายักษ์บุกเมือง!”
“ปีศาจเขายักษ์บุกเมือง!”
ฟางผิงตะเบ็งเสียงพลางวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง ทหารที่เจอระหว่างทาง รอจนรับรู้ถึงแรงกดดันแทบจะตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ทยอยวิ่งไปยังเมืองเฉียงเวย
ค่ำคืนนี้เพราะเมืองเยวี่ยกุ้ยถูกทำลาย เมืองเล็กๆ หลายเมืองถูกโจมตี ทหารที่ออกมาตามจับ ‘โจรชั่ว’ เลยมีไม่น้อย
เวลานี้ฟางผิงปลดปล่อยกลิ่นอายของขั้นหก แม้ในความโกลาหลอลม่านหลายคนจะจำไม่ได้ว่าเป็นขุนพลท่านไหน แต่ก็เลือกวิ่งหนีไปพร้อมกับฟางผิงทันที
ดังนั้นยึดฟางผิงเป็นหัวแถว ไม่นานก็กลายเป็นภาพที่กลุ่มคนนับร้อยวิ่งหนีตายเป็นแถวยาว
ปีศาจเขายักษ์รวดเร็วอย่างมาก ฟางผิงก็วิ่งเร็วเช่นกัน แต่คนข้างหลังพวกนั้นไม่ไหวจริงๆ กลุ่มนับร้อยคนค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ
จากร้อยคน…เหลือไม่ถึงกี่สิบคน…
รอเมืองเฉียงเวยปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ข้างหลังนั้นปีศาจเขายักษ์อยู่ห่างจากทุกคนไม่กี่ร้อยเมตรแล้ว
ฟางผิงมาถึงข้างล่างก็ตะโกนทันที “ปีศาจเขายักษ์บุกเมือง!”
เสียงตะโกนนี้ นอกจากจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง ยังยั่วโทสะให้ปีศาจเขายักษ์ข้างหลังแผดเสียงร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วย!
“โฮก!”
สัตว์ปีศาจเมื่อถึงระดับสูงแล้วก็สามารถเข้าใจภาษาถ้ำใต้ดินพวกนี้เช่นกัน
มันบุกเมืองอย่างนั้นเหรอ?
โจรชั่วข้างหน้านั่นต่างหาก ขุดแร่ชีวิตของมันไปแล้ว ยังระเบิดส่วนที่เอาไปไม่ได้ด้วย
รังแกปีศาจเกินไปแล้ว!
แม้มันจะเป็นแค่สัตว์ปีศาจในป่าตัวหนึ่งก็ไม่เคยเข้าพื้นที่หวงห้าม ไม่เคยถูกคนรังแกถึงขนาดนี้เหมือนกัน
มันและราชาทั้งสองของเมืองเฉียงเวยต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ครั้งนี้ถูกคนรังแกถึงขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่ายังจะใส่ร้ายว่ามันบุกเมืองอีก
ปีศาจเขายักษ์โมโหอย่างยิ่ง เห็นว่าโจรชั่วอยู่ข้างหน้า บนเขายักษ์นั้นปรากฏพลังฟ้าดินวูบวาบ พุ่งโจมตีฟางผิงในชั่วพริบตา
ฟางผิงจงใจรออยู่ใกล้กับประตูเมือง พอรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามก็รีบรุดเข้าไปในเมืองทันที
เวลานี้ทหารเฝ้าเมืองไม่มีใครขวางเขา กลับรีบปิดประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
แต่ว่า…สำหรับสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ด ปิดหรือไม่ปิดประตูเมืองล้วนเหมือนกัน
พลังฟ้าดินระเบิดที่ประตูเมืองทันที
เสียงแผดร้อง เสียงคร่ำครวญดังผสมปนเปไปทั่วเมือง
ทหารเมืองเฉียงเวยคงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีสัตว์ปีศาจกล้าโจมตีเมืองราชา!
นี่เป็นเมืองราชาที่มีขั้นราชาสองตนรักษาการณ์อยู่ ยังมีขั้นอารยะและแม่ทัพอีก…
สัตว์ปีศาจระดับแม่ทัพตัวเล็กๆ เอาความกล้าที่ไหนมาบุกเมืองกัน!
บนกำแพงเมือง ขุนพลขั้นหกหลายคนทั้งหวาดกลัวและโมโห กลับไม่ได้สนใจมากมายขนาดนั้น
ครู่ต่อมาบนกำแพงเมืองก็ระเบิดแสงพลังงานอย่างเจิดจ้า
ลำแสงขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนพุ่งโจมตีปีศาจเขายักษ์ในทันที
ฟางผิงที่เพิ่งบุกเข้ามาในเมืองหันไปมองแวบหนึ่ง ตกตะลึงอยู่บ้าง นี่คืออะไร?
ปืนใหญ่งั้นเหรอ?
คล้ายกับปืนใหญ่พลังงานของมนุษย์อยู่เล็กน้อย น่าจะเป็นอาวุธป้องกันเมืองที่ใช้หินพลังงานเป็นตัวขับเคลื่อน
แต่ก่อนหน้านี้เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน…
ไม่นานฟางผิงก็เข้าใจ
ก่อนหน้านี้ที่เมืองเทียนเหมิน ผู้ที่มาคือราชาปีศาจขั้นเก้าสองตัว ของสิ่งนี้ใช้การไม่ได้
เมืองจู้หลิวครั้งนั้น เขาเข้าไปในเมืองแล้ว ปืนใหญ่พลังงานแบบนี้คล้ายจะใช้กับเขาไม่ได้เหมือนกัน
แต่ครั้งนี้สัตว์ปีศาจเขายักษ์ยังอยู่ข้างนอกเมือง กลับมีประโยชน์อยู่บ้าง
ลำแสงขนาดใหญ่หลายสายพุ่งโจมตีปีศาจเขายักษ์
ปีศาจเขายักษ์มีโทสะอย่างยิ่งเช่นกัน ระเบิดแรงกดดันจนถึงขีดสุด ผู้ฝึกยุทธ์ในรัศมีร้อยเมตรแทบจะตายอย่างอเนจอนาถ มีแค่ขุนพลขั้นหกบางส่วนที่ต่อต้านแรงกดดันได้ เสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกัน ปืนใหญ่พลังงานยิงพุ่งหาสัตว์ปีศาจอย่างต่อเนื่อง
เปรี้ยงๆๆ!
เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วที่หน้าประตูเมืองอยู่พักหนึ่ง
“ทำได้จริงๆ ด้วย?”
เข้ามาก็ลงมือทันที คนของเมืองเฉียงเวยจะยอมวางมือยุติเรื่องราวได้ยังไง
เห็นว่าในเมืองมีกลิ่นอายของขั้นหกนับสิบคนทะยานตัวขึ้นในอากาศ พุ่งไปยังประตูเมือง ฟางผิงก็ลอบสูดปาก เมืองราชานอกจากระดับสูงแล้ว ขั้นหกก็มีไม่น้อย
ขั้นหกนับสิบคนไม่นับว่าอะไร ประเด็นอยู่ที่ยังมียอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดแล้วหลายคน
คนเยอะขนาดนี้ต้านสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดพักหนึ่งไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน
แน่นอนว่าหากสู้จนถึงสุดท้าย เมืองเฉียงเว่ยต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ยอดฝีมือขั้นเจ็ด แม้มนุษย์พวกนี้จะด้อยกว่าหนึ่งขั้น แต่ความแตกต่างของความสามารถกลับไม่น้อย
“ระดับสูงในแหล่งแร่คนนั้นยังไม่ออกมา?”
ฟางผิงครุ่นคิด คิดว่าแรงกดดันยังไม่เยอะพอ
ครู่ต่อมาจู่ๆ ฟางผิงก็ปลดปล่อยกลิ่นอายของตัวเองเพื่อกระตุ้นโทสะ กลิ่นอายปรากฏขึ้นก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“โฮก!”
นอกเมือง ปีศาจเขายักษ์ดวงตาแดงฉานอย่างยิ่ง คำรามอย่างโมโห พุ่งหัวชนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกคนหนึ่งที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังขึ้น ขั้นหกที่ขวางอยู่ถูกชนจนร่างแหลกสลาย
“รนหาที่ตาย! ปีศาจเขายักษ์ เจ้ากล้ารุกล้ำเมืองราชา!”
“รีบไปตามแม่ทัพชิงหลาน!”
หน้าประตูเกิดความโกลาหลวุ่นวาย
ภายในเมือง ฟางผิงปลดปล่อยกลิ่นอายของตัวเองเป็นครั้งคราว กระตุ้นปีศาจเขายักษ์
รอจนกระตุ้นปีศาจเขายักษ์คำรามอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว ฟางผิงรู้สึกว่าอีกฝ่ายใกล้จะบุกเข้ามาในเมือง เวลานี้จึงรีบเก็บงำกลิ่นอายไม่กล้ายั่วโมโหอีก
พี่น้องของเจี่ยวตัวนี้ถูกเขากระตุ้นจนแทบคลั่งแล้ว
ภายในเมืองเวลานี้มีคนอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง หลายคนเดินออกมาจากบ้านเรือน บางคนตื่นตระหนกลนลาน บางคนสุขุมเยือกเย็น คิดว่าเมืองราชาไม่อาจเกิดเรื่องได้
ทหารคุ้มกันระดับกลางและระดับล่างบางส่วนเริ่มรักษาระเบียบภายในเช่นกัน
คนพวกนี้ลงมือจัดระเบียบค่อนข้างโหดร้าย
ฝูงชนที่โกลาหลวุ่นวายบางส่วนถูกโจมตีฆ่าในชั่วพริบตา ไม่นานก็เงียบสงบลง
เห็นฉากนี้ฟางผิงก็ถอนหายใจ สงบไม่ใช่เรื่องดี ต้องวุ่นวายต่างหาก
ครู่ต่อมาฟางผิงก็ระเบิดพลังจิตใจสังหารทหารคุ้มกันกลุ่มหนึ่ง
ฆ่าคนพวกนี้แล้ว ฟางผิงที่สวมชุดเกราะทหารคุ้มกันเหมือนกันก็ตะโกนอย่างโมโหว่า “เหิมเกริม กล้าสู้กลับงั้นเหรอ!”
ก่นด่าอย่างโมโหแล้ว ฟางผิงก็ซัดฝ่ามือออกไป คนรอบๆ นับสิบคนถูกเขาฆ่าทันที
“อ๊า!”
เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง ฝูงชนเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้นมา บางส่วนวิ่งแตกฮือไปทั่ว
ด้านฟางผิงเผยกลิ่นอายของขั้นหกขึ้นมา มองไปทางทหารคนอื่นที่ตามมา ตะโกนว่า “ฆ่าพวกเขา!”
ทหารพวกนี้แทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นศพในเครื่องแบบเดียวกันก็โมโหขึ้นมาทันที เริ่มไล่ฆ่าชาวบ้านที่หนีตายพวกนั้น
“วุ่นหน่อยเถอะ ยิ่งวุ่นวายเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น!”
“โกลาหลขึ้นมา แค่เก็บกวาดสถานการณ์ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยแล้ว”
ฟางผิงพึมพำในใจ เริ่มสร้างความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง
ในเวลานี้ทางประตูเมืองก็มีเสียงระเบิดดังลั่นอยู่พักใหญ่…กำแพงเมืองถล่มลงแล้ว
“บังอาจ! รนหาที่ตาย!”