ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 497-2 มีปัญหานิดหน่อยแล้ว (2)
ตอนที่ 497 มีปัญหานิดหน่อยแล้ว (2)
………………..
ฟางผิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ให้นายแบกคนยังไม่ทำ หลังจากนี้ยังคิดจะเอาสสารไม่แตกดับฟรีอีก?”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินเฟิ่งชิงก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว รีบมองไปทางหวังจินหยางว่า “เหล่าหวัง มา ฉันแบกนายเอง! พวกเราเป็นคนกันเอง…”
หวังจินหยางถอนหายใจอีกครั้ง ตามเจ้าพวกนี้เข้าถ้ำใต้ดินไม่เคยมีเวลาที่เชื่อใจได้สักครั้ง
แต่ฟางผิงบอกว่าจ่ายค่าตอบแทนมากเกินไป เขาจึงไม่อาจพูดอะไรได้ นับว่ายอมรับข้อเสนอนี้
ฟางผิงกลับแบกหลี่หานซงขึ้นแล้ว เดินไปพลางหันมาเอ่ยว่า “หัวเหล็ก นายจะรักษาบาดแผลต่อก็ได้นะ ทำให้บาดแผลฟื้นฟูทั้งหมดจะดีที่สุด ฉันว่านายยังไม่ค่อยดีขึ้นเลย…”
หลี่หานซงไม่อยากพูดอะไร ทำเป็นไม่ได้ยินไป
—
ระหว่างที่พวกเขามุ่งไปทางเมืองหยวนเหว่ย ฟางผิงก็เอ่ยขึ้นว่า “เขาต้านสมุทรเหมือนจะอยู่ห่างจากที่นี่หนึ่งพันแปดร้อยลี้สินะ?”
“อืม”
ฟางผิงเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ฝีมือขั้นสุดยอดยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้ซะอีก!”
“อะไรเหรอ?” หวังจินหยางงุนงงอยู่บ้าง
“พวกนายไม่ได้ยิน?”
“ได้ยินอะไร?”
เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงสงสัยเช่นกัน รับบทสนทนาว่า “เสียงระเบิด?”
“ไม่ใช่…” ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “ก่อนหน้านี้พวกนายไม่ได้ยินเลยหรือไง? ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินให้ขั้นเก้าเคลื่อนไหวทั้งหมด จากนั้นก็มียอดฝีมือของพวกเราเอ่ยขึ้นเหมือนกัน บอกว่าฆ่าพวกเขาให้หมด…พวกนายไม่ได้ยิน?”
ทั้งสามคนสบตากัน ทยอยส่ายหัว
เวลานี้ฟางผิงแปลกใจขึ้นมาแล้ว พึมพำว่า “ฉันหูฝาด?”
“หรือมีแค่คนที่มีพลังจิตใจแข็งแกร่งถึงจะได้ยิน? ไม่งั้นส่งเสียงมาไกลถึงหนึ่งพันแปดร้อยกว่าลี้…แทบจะเป็นไปไม่ได้! แต่ถ้าใช้พลังจิตใจกระจายออกมา อาจมีความเป็นไปได้”
ฟางผิงกระจ่างชัดทันที แต่ยังคงเอ่ยอย่างสั่นสะท้านอยู่บ้าง “ขั้นสุดยอดจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ทั้งสองคนอาจจะไม่ได้พูดกันภายในถ้ำใต้ดินเทียนหนาน จากข้อมูลก่อนหน้านี้ พวกเขาคุมเชิงอยู่ที่เขาต้านสมุทร ส่งเสียงมาถึงทางนี้ แม้จะกระจายพลังจิตใจ หนึ่งพันแปดร้อยลี้…นี่แทบจะเทียบได้กับจากปักกิ่งถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว นี่ไม่ได้หมายความว่ายอดฝีมือของปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้สามารถคุยกันจากคนละฟากของประเทศจีนได้งั้นเหรอ? ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ด้วยซ้ำ…”
หวังจินหยางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจ้าหมอนี้ชอบคิดแหวกแนวจริงๆ
แม้ขั้นสุดยอดจะทำได้จริงๆ ใครจะว่างทำเรื่องแบบนี้กัน?
ส่งเสียงมากว่าพันลี้ เกรงว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่างออกไปเหมือนกัน
แม้จะคิดแบบนั้น หวังจินหยางก็เอ่ยออกไปอย่างหนักแน่น “แข็งแกร่งจนน่ากลัวอยู่บ้างจริงๆ เกือบสองพันลี้ จากคำพูดของนาย นายได้ยินเสียง นั่นหมายความว่าพลังจิตใจกระจายมาถึงทางนี้…นี่เทียบกับยอดฝีมือขั้นเก้าแล้วห่างชั้นอย่างมาก”
พลังจิตใจกระจายมาถึงตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าสามารถระเบิดอานุภาพได้
แต่ในเมื่อแผ่กระจายมาไกลขนาดนี้ นั่นหมายความว่ายอดฝีมือพวกนี้ขอบเขตปกคลุมของพลังจิตใจกว้างขวางอย่างยิ่ง
แม้จะหดลงหนึ่งร้อยเท่า ไม่ใช่หมายความว่ารัศมียี่สิบลี้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันของพลังจิตใจพวกเขา?
รัศมียี่สิบลี้เป็นพื้นที่ใหญ่ขนาดไหนกัน?
รัศมีสิบกิโลเมตร…นั่นก็เป็นร้อยตารางกิโลเมตรแล้ว!
ถ้านี่คือขอบเขตแรงกดดันพลังจิตใจของพวกเขา ภายใต้การระเบิดของคนพวกนี้ พื้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้แทบจะอยู่ในอาณาเขตทั้งหมด ระเบิดแรงกดดันหนึ่งครั้ง เมืองเซี่ยงไฮ้ก็จบเห่ได้แล้ว
นี่ยังเป็นแค่การระเบิดแรงกดดันเท่านั้น!
แค่คิดหลายคนก็ขนลุกขึ้นมาแล้ว
ระเบิดแรงกดดันครั้งเดียว ทำลายหนึ่งเมือง นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์สามารถทำได้จริงๆ งั้นเหรอ?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าแข็งแกร่งมากเหมือนกัน ขั้นแปดถึงจะกล้าประกาศทำลายเมือง นั่นก็ต้องใช้เวลาจนสามารถฆ่าให้หมดสิ้น…
เทียบกับผู้ที่อยู่ขั้นสุดยอดแล้ว อีกฝ่ายแค่ระเบิดพลังหนึ่งครั้งก็สังหารได้ทั้งเมือง
ฟางผิงคิดเรื่องพวกนี้แล้วก็ส่ายหน้าว่า “ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็มีไว้อวดเท่านั้น หากจะสู้จริงๆ คงสู้กันไปนานแล้ว ถึงระดับขั้นของพวกเขา มีโอกาสลงมือน้อย”
ขั้นสุดยอดพวกนี้ก็เหมือนกับที่พวกเจี่ยงเชาพูด นายขู่ฉัน ฉันขู่นาย ต่างฝ่ายต่างข่มขู่กัน โอกาสที่จะประมือกันจริงๆ มีน้อยอย่างยิ่ง
—
พวกเขาไม่พูดคุยเรื่องพวกนี้อีก เริ่มตะบี้ตะบันเดินทาง
เมืองหยวนเหว่ยยังห่างจากที่นี่ค่อนข้างไกล
ห้าชั่วโมงหลังจากนั้น ฟางผิงก็ตามทันกลุ่มที่ลี้ภัยก่อนหน้านี้แล้ว
ตอนที่เห็นฟางผิงตามมาถึง กลุ่มคนพวกนี้ต่างซาบซึ้งใจ ชายชราผู้เป็นหัวหน้ารีบกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “นายท่านก็จะไปพักที่เมืองหยวนเหว่ยด้วยงั้นหรือ?”
มียอดฝีมืออย่างฟางผิงไปด้วย นั่นหมายถึงความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
ตอนนี้พวกเขายังอยู่ห่างจากเมืองหยวนเหว่ยอีกกว่าหนึ่งร้อยลี้ แม้ฟ้าจะยังไม่มืด แต่ในป่ากลับอันตรายอย่างอย่างยิ่ง
“ใช่ นี่เป็นเพื่อนร่วมงานของข้า…เป็นคนของทหารเฉียงเวยเหมือนกัน…”
ฟางผิงเริ่มชวนคุยขึ้นมา ถือโอกาสถามสถานการณ์บางอย่างไปด้วย
รู้ว่าลูกชายของชายชราอยู่ฝ่ายไหนแล้ว หลังจากนี้เกิดความขัดแย้งขึ้นจะได้หลีกเลี่ยงได้
แน่นอน ฟางผิงคิดว่ามีโอกาสสูงที่จะจับมัดลูกชายอีกฝ่ายตรงๆ ไม่จำเป็นต้องค่อยๆ ตีซี้ถามไถ่
กลุ่มที่รอดชีวิตล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ คนธรรมดาแทบจะถูกระเบิดตายเกลี้ยงในเมืองราชาแล้ว
แม้กลุ่มนี้จะฝีมือไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนหนึ่ง ที่เหลือล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสาม
หนึ่งร้อยกว่าลี้ สำหรับทุกคนแล้วไม่นับว่าไกลจนเกินไป
พวกฉินเฟิ่งชิงแทบไม่พูดอะไร มองฟางผิงโม้กับคนพวกนี้ไป
พวกเขาต่างสะท้อนใจอย่างยิ่ง เจ้าหมอนี้เป็นคนชั่วที่ระเบิดเมืองราชา ผลปรากฏว่าตอนนี้แทบจะถูกคนพวกนี้ยกย่องเขาเป็นบิดาอยู่แล้ว
นี่ตรงกับคำที่ว่านับถือโจรเป็นพ่อหรือเปล่า?
—
เดินพูดคุยกันไป ไม่ถึงสองชั่วโมง เมืองหยวนเหว่ยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
เวลานี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มพวกเขา นอกเมืองหยวนเหว่ยยังมีกลุ่มผู้ลี้ภัยบางส่วนเดินทางมาเช่นกัน
แต่เมืองหยวนเหว่ยไม่ได้เปิดกว้างต่อภายนอก ผู้ลี้ภัยพวกนี้ต่างรออยู่นอกเมือง
ฟางผิงมองแวบหนึ่งแล้ว ไม่กล้าเข้าใกล้เท่าไหร่ ยังมีสองคนที่ไม่ได้ปกปิดกลิ่นอาย
ระหว่างทางฟางผิงได้ลองแล้วเหมือนกัน เปิดม่านพลังงานให้สองคน พบว่าใช้การได้
สองคนเลียนแบบกลิ่นอาย อีกสองคนเปิดม่านพลังงาน สิ้นเปลืองน้อยลง หนึ่งชั่วโมงใช้ค่าทรัพย์สินหนึ่งร้อยยี่สิบล้านเท่านั้น
แม้ฟางผิงจะหาช่องโหว่ของระบบได้ แต่เหล่าหวังและหัวเหล็กต้องแสร้งทำเป็นบาดเจ็บหนักเท่านั้น ไม่เจอระดับสูงก็ไม่ถูกเผยไต๋เช่นกัน
รอถึงนอกเมือง ชายชราในกลุ่มก็ไปติดต่อกับทหารเกราะที่เฝ้าประตูเมือง น่าจะไปหาลูกชายของเขา
ฟางผิงไม่รีบ แฝงตัวอยู่กับคนพวกนี้คุยเล่นอยู่พักใหญ่
ผ่านไปไม่นาน ชายชราก็กลับเมาพร้อมชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนสวมเสื้อเกราะของเมืองเฉียงเวยเช่นกัน รอเห็นพวกฟางผิง ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนก็รีบเอ่ยว่า “ขอบคุณนายท่านที่ช่วยเหลือ โชคดีที่มีนายท่าน พ่อของข้าจึงมาถึงเมืองราชาหยวนเหว่ยอย่างปลอดภัย…”
ผู้ฝึกยุทธ์กลางคนเกรงใจอย่างมาก เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าเหมือนกัน แต่อยู่ขั้นห้าตอนต้น
ส่วนฟางผิงและฉินเฟิ่งชิง ฟางผิงเผยกลิ่นอายขั้นห้าสูงสุด ฉินเฟิ่งชิงกลับเป็นขั้นห้าตอนกลาง
ฝีมือของทั้งสองคนแข็งแกร่งกว่าเขา รวมกับยังแบกคนมาอีกสองคน…ในถ้ำใต้ดิน ยอดฝีมือไม่อาจแบกคนอ่อนแออยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นครอบครัวของตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าสองคนที่เหลือก็ฝีมือไม่อ่อนด้อยเช่นกัน
—————-
………………..