ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 498 นี่คือยุคอิสระ (1)
ตอนที่ 498 นี่คือยุคอิสระ (1)
………………..
“นายท่าน สิ่งที่ข้ารู้ได้พูดไปหมดแล้ว…”
นอกเมืองหยวนเหว่ย อูซูร้องขอความเมตตา ตอนนี้รู้สึกมึนงงอยู่บ้าง
แต่คนพวกนี้ไม่เหมือนกับคนของดินแดนแห่งการเกิดใหม่ ยังไงเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ทั้งคลุกคลีกับผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่มานาน มั่นใจว่าไม่อาจจำผิดคน
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มองอะไร พวกเราเป็นคนของเผ่าเยามิ่งจากเขตหวงห้าม เผ่าเยาจื๋อคิดจะคว้าผลประโยชน์จากพื้นที่เขตแดนก็ต้องถามพวกเราก่อนว่ายินยอมหรือเปล่า!”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา อูซูก็ม่านตาหดเกร็ง!
คนของเผ่าเยามิ่ง!
ใช่แล้ว…ยอดฝีมือจากเขตหวงห้ามที่มาก่อนหน้านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือของเผ่าเยาจื๋อ
ตอนนี้เผ่าเยามิ่งก็ส่งคนมา ไม่น่าล่ะ!
ในตอนที่อูซูสั่นสะท้าน ฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “เมืองเฉียงเวยก็เป็นฝีมือของพวกเรา เผ่าเยาจื๋อช่างกล้าจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะฮุบผลประโยชน์ในพื้นที่เขตแดนแต่เพียงผู้เดียว ทำลายเมืองเฉียงเวยเป็นแค่การตักเตือนเล็กๆ เท่านั้น…”
อูซูม่านตาหดเกร็งอีกครั้ง!
ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “ราชาแปดคนของพวกเรามุ่งหน้าสู่พื้นที่เขตแดนแล้ว จะล้อมฆ่าพวกสารเลวเผ่าเยาจื๋อ!”
อูซูเบิกตากว้างราวกับเม็ดลำไย ตาขาวแทบไม่มีเหลือแล้ว!
จากนั้นไม่ได้ทันได้หดลูกตา ฟางผิงก็ซัดฝ่ามือใส่อวัยวะภายในของเขาถึงแก่ความตายทันที
ฉินเฟิ่งชิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ความชอบวิปริตของนายนี้จะเปลี่ยนหน่อยได้หรือเปล่า?”
เจ้าหมอนี้มีความชอบที่แปลกๆ อยู่บ้าง ทุกครั้งจะใช้คำโกหกหลอกลวงอีกฝ่ายก่อนตาย
คนตายไปแล้ว ยังจะไม่ให้ตายตาหลับอีก ไม่มีคุณธรรมเกินไปแล้ว
ฟางผิงยิ้มตาหยีว่า “ต้องป้องกันไว้ก่อน แบบนี้แล้วเผื่อพวกเขาคืนชีพขึ้นมาจริงๆ จะได้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปลอดภัยจะตายไป”
หวังจินหยางถอนหายใจเบาๆ มองไปทางตะวันตก ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “จากที่นี่ถึงพื้นที่เขตแดนเป็นระยะทางกว่าสามพันลี้ เดินทางผ่านเมืองราชาสามแห่ง เมืองใต้อาญัติอีกนับไม่ถ้วน ยังต้องผ่านพื้นที่หวงห้ามอีกหนึ่งแห่ง…”
ไกลเกินไป ทั้งยังอันตรายเกินไป!
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงไปแล้วจะยังไงต่อ?
จากคำพูดของอูซู ครั้งนี้เขตหวงห้ามส่งยอดฝีมือขั้นเก้ามาสามคน ขั้นเจ็ดขั้นแปดห้าคน นั่นเป็นกลุ่มระดับสูงแปดคนแล้ว
กลุ่มที่สองส่งคนเข้าไปแล้ว มีแม่ทัพเมืองเฉียงเวยคนหนึ่งเป็นผู้นำ ผ่านเมืองพวกนี้แล้ว ก็มีแม่ทัพเมืองอื่นๆ ตามคุ้มกันไปด้วย อย่างน้อยก็สามสี่คน ทั้งนี่ก็เพื่อไปถึงพื้นที่เขตแดนได้อย่างปลอดภัย
กลุ่มที่สาม แม้เมืองเฉียงเวยจะไม่มีแม่ทัพเข้าไป แต่เมืองอื่นๆ ก็ส่งแม่ทัพมาคุ้มกัน
เพราะพื้นที่เขตแดนอันตรายอย่างมาก ไม่ใช่อันตรายแค่ที่นั่น ยังรวมถึงระหว่างทางด้วย
ตอนนี้พื้นที่เขตแดนเกรงว่าจะมียอดฝีมือระดับสูงจากเขตหวงห้ามและเมืองราชานับสิบกว่าคนแล้ว
ยอดฝีมือเยอะขนาดนี้ จางชิงหนานอยู่ที่นั่นแล้วยังไง มีชีวิตรอดแล้วจะยังไงต่อ?
หรือยังจะให้แย่งชิงคนจากมือคนพวกนี้?
เพื่อตามหาจางชิงหนาน ทำให้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย ก่อนหน้านี้ในเมืองราชาก็อันตรายมากแล้ว ตอนนี้พื้นที่เขตแดนยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ หวังจินหยางถอนหายใจว่า “ช่างเถอะ ไม่หาต่อแล้ว”
เขายอมแพ้แล้ว
แม้จะไม่อยากทิ้งไป แต่สถานการณ์ตอนนี้บีบเขาให้ต้องละทิ้ง
เขาเพิ่งพูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง “นั่นจะได้ยังไง ในเมื่อพวกเรามาแล้ว ทั้งยังรู้เบาะแสของจางชิงหนานกลับทิ้งไปแบบนี้ พวกเราต่างอะไรกับคนใจไม้ไส้ระกำ? เหล่าหวัง ถึงฟางผิงไม่ไป ฉันก็จะไปเป็นเพื่อนนาย!”
หวังจินหยางยิ้มฝืนๆ “ช่างเถอะ อีกอย่างนายไม่ต้องมาวางแผนกับเรื่องช่วยอาจารย์หรอก น้ำใจนี้ฉันไม่รับ”
เจ้าหมอนี้เอาแต่คิดรนหาที่ตาย น้ำใจนี้เขารับไม่ไหว
ฉินเฟิ่งชิงหมดคำพูด มองไปทางหลี่หานซง “หัวเหล็ก นายว่ายังไง?”
หลี่หานซงเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ฟังฟางผิงเถอะ ถึงพวกเราจะอยากไปก็ไม่สามารถเข้าไปได้อยู่ดี”
ฟางผิงลูบคาง ครุ่นคิดเล็กน้อย “การเดินทางครั้งนี้อันตรายมากจริงๆ…หากตายอยู่ในพื้นที่เขตแดนก็ควรช่วยให้เขากลับบ้านเกิดเมืองนอน ถึงเวลานั้นดูสถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจ ถ้าไม่มีโอกาส งั้นก็ทิ้งความคิดจะช่วยเหลือไป ถ้ามีโอกาส…สามารถลองดูได้ พวกนายอย่าลืมว่าคนของพวกเราก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน!”
“นายหมายถึง…”
“คนของเมืองเจิ้นซิง!”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “ครั้งนี้เมืองเจิ้นซิงมาถ้ำใต้ดินก็เพื่อไปพื้นที่เขตแดน รับศพผู้อาวุโสตระกูลหยางกลับบ้าน ทั้งเขตหวงห้ามส่งคนไป ฉันเดาว่าอาจจะเพราะศพของขั้นสุดยอดเหมือนกัน เมืองเจิ้นซิงมีผู้อาวุโสเฝ้าระวังในเขาต้านสมุทร ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะช่วงชิงในพื้นที่เขตแดนกับอีกฝ่ายโดยไม่มีหลักประกันอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังมีความมั่นใจอยู่บ้าง ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็เป็นโอกาสของพวกเราแล้ว ไม่อาจคาดหวังให้คนของเมืองเจิ้นซิงช่วยเหลืออาจารย์จาง คนพวกนั้นเพื่อศพของขั้นสุดยอดอาจจะไม่เข้าร่วมกับสงครามใหญ่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางพวกนี้ ส่วนทำไมคนของเขตหวงห้ามถึงพาพวกอาจารย์จางไปพื้นที่เขตแดน…”
ฟางผิงครุ่นคิด จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “พวกนายว่าจะเพื่อค้นหาเส้นทางอะไรพวกนี้หรือเปล่า? หรือร่างของขั้นสุดยอดมนุษย์ อาจต้องเป็นมนุษย์เท่านั้นถึงสัมผัสได้ เจอกับคนของเขตหวงห้ามจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านอะไรแบบนี้? แน่นอนว่าคาดเดาไปไม่มีประโยชน์ ความหมายของฉันคือหากเป็นแบบนี้ พวกเขาคงไม่จงใจฆ่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์หรอก เว้นเสียแต่ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์จะเจอกับอันตรายตายไปเอง…”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ฟางผิง เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นก็เป็นความเห็นแก่ตัวของฉันคนเดียว ถ้านายอยากจะคืนน้ำใจให้ฉันเพราะเรื่องที่เมืองหยางเฉิงก่อนหน้านี้ อันที่จริงชั่วพริบตาที่เข้าสู่ถ้ำใต้ดินเทียนหนาน น้ำใจนี้ก็ชดใช้หมดแล้ว”
ฟางผิงหัวเราะว่า “อันที่จริงไม่ใช่ทั้งหมด ฉันก็อยากไปดูพื้นที่เขตแดนเหมือนกัน ฉันอยากเห็นว่าตกลงมีอะไรที่นั่นถึงทำให้ขั้นเก้าถึงกระทั่งขั้นสุดยอดพวกนี้อาลัยอาวรณ์? ก่อนหน้านี้บอกว่าพื้นที่เขตแดนเป็นโลกของเซียนอย่างแท้จริง ของดีนับไม่ถ้วน ครั้งนี้เข้าถ้ำใต้ดิน พวกเราก็ยังไม่ได้ของดีอะไร ในเมื่อมาแล้ว นั่นก็ไม่อาจกลับไปมือเปล่า แน่นอนว่า…”
ฟางผิงมองไปทางฉินเฟิ่งชิงและหลี่หานซง “พวกนายสองคนอย่าไปเลย อันตรายเกินไป”
ฉินเฟิ่งชิงกระแอมไอว่า “ฉันไม่กลัวอันตราย ฉันเป็นคนมีคุณธรรมคนหนึ่ง”
ฟางผิงหมดคำจะพูด “ใครจะสนใจว่านายอันตรายหรือเปล่า ฉันหมายถึง นายไปแล้วจะเป็นตัวถ่วงพวกเรา เป้าหมายสองคนเทียบกับสี่คนน้อยลงไปตั้งเยอะ อันตรายก็น้อยลงด้วย”
“อย่าสิ ฟางผิง พาฉันไปด้วย…”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “ไม่ได้พูดเล่นกับนาย อันตรายมากจริงๆ! ขอแค่ห่างฉันหนึ่งพันเมตร ฉันก็ไม่สามารถช่วยปกปิดกลิ่นอายให้พวกนายได้แล้ว หากเปิดเผยออกไป พวกนายแทบจะตายโดยไม่ต้องสงสัย คนน้อยลงจะดีกว่า คนเยอะจะรับประกันว่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลาได้ยังไง”
หลี่หานซงได้ฟังก็เอ่ยว่า “งั้นฉันไม่ไปแล้ว นายพูดถูก พวกเราไป ประโยชน์ไม่มาก ฉันเพิ่งจะขั้นห้า พื้นที่เขตแดนกระทั่งระดับสูงยังเป็นอันตราย ไปก็ถ่วงแข้งถ่วงขาเปล่าๆ”
—————–
………………..