ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 73.1 หงส์เข้าฝูงหงส์ (1)
ตอนที่ 73 หงส์เข้าฝูงหงส์ (1)
กวนหูหยวน
ตอนที่ฟางผิงมาถึงกวนหูหยวนก็เห็นฟางหยวนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าพอดี
นึกถึงเมื่อครู่ที่ถูกพวกอู๋จื้อหาวเล่ากันสนุกปาก ชั่วพริบตานั้นจึงตะโกนอย่างโมโห “ฟางหยวน!”
ฟางหยวนรีบหันมา ก่อนจะเผยสีหน้าตื่นเต้น เอ่ยเสียงเบากับเพื่อนนักเรียนที่มาด้วยกัน “พี่ฉันมาแล้ว กลับก่อนล่ะ”
“พี่ชายเธอดูเท่จริงๆ…”
ฟางผิงกำลังโมโหน้องสาว ในสายตานักเรียนหญิงกลับดูเกรงขามซะงั้น แม้จะตื่นเต้น แต่ยังคงเผยสีหน้านับถือออกมา
เธอมองฟางผิงอย่างอาลัยวรณ์อยู่บ้าง ตระหนักได้ว่าฟางหยวนเคยบอกว่าพี่ชายค่อนข้างดุ สาวน้อยแอบชายตามองฟางผิงอีกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปทันที
ตอนจากไปยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ “ฟางหยวน อย่าลืมล่ะ…”
“รู้แล้วๆ!”
ฟางหยวนรีบตัดบท โบกมือให้เพื่อนสาว
รอจนเพื่อนวิ่งไปไกลแล้ว ฟางหยวนค่อยฉีกยิ้มออกมา โบกมือไปทางฟางผิง “พี่เลิกเรียนแล้วเหรอ?”
ฟางผิงสาวเท้าเข้ามา เหลือบมองเด็กผู้หญิงที่ห่างออกไป ก่อนเผยหน้าดำคล้ำ “เธอทำเรื่องงามหน้าอะไรอีกแล้ว?”
“ยังไม่เลิกขายลายเซ็น?”
“ไม่ใช่นะ!”
ฟางหยวนรีบส่ายหัว ปฏิเสธอย่างหนักแน่น “นายไม่อนุญาตให้ฉันขาย ฉันจะกล้าขายได้ยังไง”
“จริงเหรอ?”
ฟางผิงไม่เชื่ออยู่บ้าง เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ดูมีลับลมคมในกับเพื่อนของเธอ
ตอนนี้ปราณของฟางผิงสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแคลแล้ว จิตใจยิ่งเพิ่มถึงสองร้อยเฮิรตซ์ หูตาฉับไว เรื่องที่เด็กทั้งสองกระซิบกระซาบกัน เขาได้ยินอย่างชัดเจน
“จริงสิ!”
ฟางหยวนรีบชูมือขึ้นมาสามนิ้ว ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะชูนิ้วก้อยขึ้นมาแทน “ฉันสาบานเลย!”
“เชื่อเธอก็บ้าแล้ว ถ้าไม่ร้อนตัว เห็นฉันจะเรียกว่าพี่ได้ยังไง?”
“พี่ อย่าใส่ร้ายคนอื่นสิ!” ฟางหยวนทำหน้าน้อยใจ “นายจะเอาใจยากเกินไปแล้ว พอฉันไม่เรียกพี่ เดี๋ยวนายมาบอกว่าฉันไม่รู้จักความเหมาะสมอีก เรียกพี่แล้ว ยังจะมาว่าฉันร้อนตัว…”
แก้ต่างอย่างน้อยใจแล้ว เด็กสาวรีบคืนท่าทีเป็นปกติ ก่อนเปลี่ยนประเด็น “พี่ โรงเรียนพวกนายปิดเทอมกันแล้วใช่ไหม?”
“ปิดแล้ว…”
“ดีล่ะ! พรุ่งนี้เราไปเที่ยวด้วยกันดีไหม? พรุ่งนี้เป็นวัน…”
“ไว้ค่อยว่ากัน!”
ฟางผิงมักรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง เขามองเธออย่างสงสัยไปหลายที แต่ไม่ได้ซักไซ้ต่อ
พวกเขาเดินเข้าไปในย่านกวนหูหยวนด้วยกัน ฟางผิงเอ่ยว่า “พวกเธอใกล้จะปิดเทอมฤดูร้อนเหมือนกัน?”
“ใช่ ปลายเดือนมิถุนายนก็ปิดแล้ว”
“ช่วงนี้ตั้งใจเรียนหนังสือดีๆ อย่าเอาแต่คิดเรื่องไร้สาระ รอฉันสอบเสร็จแล้ว จะเริ่มสอนจวงกงให้เธอ”
“จวงกง?”
ฟางหยวนตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ฉันฝึกได้เหรอ?”
ฟางผิงพยักหน้า “ได้สิ จวงกงเป็นเคล็ดวิชาที่ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ร่างกายไม่ต้องรับภาระหนัก ขอแค่มีปราณเพียงพอ คงไม่เกิดปัญหาอะไร”
เรื่องนี้เขาเคยถามหวังจินหยางและถานเจิ้นผิงแล้ว ทั้งสองคนต่างบอกว่าไม่มีปัญหา
ฝึกวิชาตอนอายุน้อยอาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป จะทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ง่าย
ร่างกายไม่ทันโตเต็มวัย กลับเริ่มฝึกวิชา เมื่อเสียพลังงานมากไป บำรุงปราณไม่ดีพอ ท้ายที่สุดจะทำให้เกิดความผิดปกติ อาจจะตัวเตี้ยแคระแกร็นได้
แต่ถ้าบำรุงปราณให้เพียงพอ ไม่ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้และ (เคล็กหลอมกระดูก) ฝึกแค่จวงกงไม่เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้ว
ฟางผิงยังมีพวกยาบำรุงต่างๆ ในมือ บางอย่างก็ไม่ได้ใช้
ถ้าเอาไปขาย คงไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ง่ายๆ หรอก
ถือโอกาสตอนที่เขายังอยู่บ้าน สอนพื้นฐานให้ฟางหยวนดีกว่า อย่างน้อยควรจะสอนจวงกงให้รู้บ้าง
ได้ยินฟางผิงบอกว่าตัวเองฝึกวิชาได้ ฟางหยวนเผยสีหน้าดีใจขึ้นมา
ยุคสมัยนี้ ผู้คนยกย่องนับถือผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะหญิงชายคนหนุ่มหรือคนแก่ต่างอยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้น
ฟางหยวนต้องอยากเป็นอยู่แล้ว แต่เธออายุยังน้อย ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวย
หากฟางผิงไม่เดินมาเส้นทางนี้ เธอยิ่งไม่ต้องจินตนาการถึงตัวเองเลย คงต้องเลือกเอาดีทางสายสังคมเท่านั้น
ตอนนี้ฟางผิงบอกจะสอนจวงกงให้เธอ เด็กสาวจึงยิ้มจนหน้าบาน แทบอยากจะให้ปิดเทอมฤดูร้อนเร็วๆ
เห็นเธอดีใจ ฟางผิงพลันเอ่ยว่า “แต่เธอต้องบอกมาก่อนว่า เธอวางแผนร้ายอะไรกับเพื่อนเอาไว้?”
“พี่…”
“ไม่บอกก็แล้วแต่ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียแรงสอนด้วย”
“ฟางผิง!”
ฟางหยวนหงุดหงิด ทั้งรู้สึกขัดแย้งในใจ สักพักค่อยฝืนใจว่า “ไม่ได้วางแผนร้ายอะไร นายมีเสื้อผ้าเก่าตั้งเยอะนี่นา? ฉัน…”
เหอะ ไม่จำเป็นต้องให้เธอพูดแล้ว
ฟางผิงแทบพูดไม่ออก “พอสักทีเถอะ! ลายเซ็นก็ขายแล้ว ตอนนี้จะมาขายเสื้อผ้าอีก! หรือเธอจะขายของส่วนตัวของฉันจนหมดเกลี้ยงเลย? เธอจะเอาเงินมากมายขนาดนี้ไปทำไมกัน? ไม่มีเงินก็ขอฉันได้ ถ้าเธอยังทำเรื่องไร้สาระอีก ครั้งหน้าจะโดนไม่ใช่น้อย”
“ไม่ขายเสื้อผ้า ขายของที่เกี่ยวกับ…”
“หุบปาก!”
ฟางผิงตำหนิออกมา “ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้ขายอะไรทั้งนั้น!”
ฟางหยวนฟองแก้ม เอ่ยอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง “มีลู่ทางให้หาเงินจะปล่อยไว้เฉยๆ ได้ไง นายดูครั้งก่อนขายลายเซ็นไม่กี่ใบ ได้เงินเกือบเท่าที่แม่หาทั้งเดือน! นี่แค่เสื้อผ้าเก่า นายเซ็นสักหน่อย…”
“เธอจำเป็นต้องกังวลเรื่องในบ้านขนาดนั้นหรือไง?” ฟางผิงไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง “แม่อยากจะทำงานเอง เกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ฟัง ใช่ปัญหาเรื่องเงินไหมล่ะ? ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เดี๋ยวรอฉันสอบเสร็จ ฉันจะจัดการเอง เธอคิดเรื่องพิเรนทร์ให้น้อยลงหน่อยเถอะ!”
ฟางหมิงหรงยังไม่ได้ไปทำงานกับกองการศึกษา แต่ตอนนี้พูดกับเถ้าแก่แล้วว่า หลังจากเดือนนี้จะลาออกแล้ว ไปเป็นยามเฝ้าประตูที่กองการศึกษาแทน
เถ้าแก่โรงงานเครื่องเคลือบเกรงใจอย่างมาก ยังไม่ทันครบเดือน ไม่กี่วันก่อนกลับเอาเงินเดือนมาให้แล้ว ทั้งยังจ่ายค่าชดเชยเพิ่มให้ด้วย
ฟางหมิงหรงปฏิเสธ แต่เถ้าแก่ยังคงตามมากดดัน ท้ายที่สุดจึงจำต้องรับเอาไว้
ลูกชายของเหล่าฟางตรวจค่าปราณได้เป็นอันดับหนึ่งของรุ่ยหยาง ขาครึ่งก้าวเหยียบเข้าไปในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้ว
เรื่องนี้รู้กันอย่างแพร่หลายนานแล้ว เถ้าแก่โรงงานเครื่องเคลือบไม่อยากจะล่วงเกินนักศึกษาศิลปะการต่อสู้เพราะเรื่องแบบนี้หรอก
ส่วนหลี่อวี้อิง ฟางผิงพูดหลายครั้งแล้ว แต่หลี่อวี้อิงบอกว่า งานที่เธอทำแทบไม่เหนื่อยเลย ทั้งเธอยังทำได้ดี
จู่ๆ ให้เธอออก เถ้าแก่ขาดคน จะเป็นภาระให้คนอื่นอีก อย่างน้อยต้องรอให้หาคนอื่นมาแทนตำแหน่งได้ถึงค่อยลาออก
แม่ตัดสินใจหนักแน่นแล้ว ฟางผิงไม่อาจพูดอะไร ทำได้แค่พักเรื่องนี้ไว้ก่อน
สองพี่น้องพูดคุยกันตลอดทางจนถึงบ้าน หลี่อวี้อิงนั้นเตรียมข้าวเย็นไว้แล้ว
พ่อแม่ของฟางผิงย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ได้สองวันแล้ว ความจริงยังคิดจะเชิญญาติสนิทมิตรสหายมากินเลี้ยง
แต่มาคิดดูอีกที ฟางผิงใกล้จะสอบเกาเข่าแล้ว สอบเสร็จยังต้องกินเลี้ยง จะให้จัดติดต่อกันสองงานคงไม่เหมาะสม
ดังนั้นฟางหมิงหรงจึงตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านก่อน ส่วนเรื่องจัดงานเลี้ยงค่อยว่ากันหลังจากที่ลูกชายสอบเสร็จ
————————-