ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 139 : ใจอ่อน
ตอนที่ 139 : ใจอ่อน
กู่หาวเห็นแบบนั้น ก็อดที่จะใจสั่นไม่ได้ หวังเย่า เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่หาจับตัวได้ยาก เขาอดไม่ได้ที่จะแอบสนใจหวังเย่า ก่อนจะพูดขึ้น “หวังเย่า กินเสร็จแล้วก็ไปรอที่ห้องนั่งเล่นก่อน รอเสี่ยวหลิงอาบน้ำลงมา”
หวังเย่าจึงลุกขึ้น จากนั้นกู่หลิงหลิงก็พาเขาไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนที่เธอจะพูดขึ้น “นายรอฉันที่นี่ก่อน”
จากนั้นเธอก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนทันที
หวังเย่าเอาโทรศัพท์ออกมาและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกู่หาว ก่อนที่จะต้องแปลกใจ
“เขาเป็นอาจารย์ผู้ทรงเกียรติของมหาวิทยาลัยหัวเซี่ย”
ตามข้อมูลที่เจอมานั้น กู่หาวเป็นอาจารย์รุ่นที่สามของสาขาตรวจสอบ เขาได้สอนห้อง A มาทั้งหมด 5 รุ่น เขาสอนมา 17 ปี คนที่เรียนจบไปนั้นเป็นผู้ตรวจสอบ 4 ดาวมากกว่า 20 คน พวกระดับอื่น ๆ ก็มีนับไม่ถ้วน
“นี่คือตำนานของโลกเลยก็ว่าได้”
หวังเย่าพลันนึกถึงจี้กวงเฮ่อ พูดกันตามตรง เขาไม่ได้ไปเรียนมาสักพักแล้ว จี้กวงเฮ่อนั้นช่วยเขาไว้อย่างมากแต่เพราะหวังเย่านั้นฉลาดและมีความสามารถเกินไป ความสัมพันธ์ของจี้กวงเฮ่อและหวังเย่าจึงไม่ได้ดีเหมือนกับกู่หาวและหลี่ว่านเฟิง
10 นาทีต่อมา กู่หลิงหลิงก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอสวมเสื้อยืดสกรีนรูปหมีบนอกและกระโปงยีนส์สั้น โดยรวมแล้วเธอดูน่ารักกว่าเดิมขึ้นมามาก ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอแต่งหน้าไม่จัด มันทำให้เธอดูสดใสร่าเริง ใบหน้าของเธอนั้นดูงดงามกว่าเก่า
แน่นอนจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยเองก็เป็นคนสวย แต่ความสวยของกู่หลิงหลิงนั้นต่างออกไป เธอดูเหมือนเด็กสาวที่ไร้เดียงสา ใสซื่อบริสุทธ์
“พี่หวังเย่า ปล่อยให้นายรอนานเลย” กู่หลิงหลิงยิ้มออกมา
หวังเย่าโบกมือและพูดขึ้น “เรียกฉันว่าหวังเย่าก็พอ ฉันจะเรียกเธอว่าหลิงหลิง”
“ก็ได้” กู่หลิงหลิงยิ้มออกมาและพูดขึ้น “หวังเย่า ฉันอยากขอให้นายช่วยอะไรสักหน่อยได้ไหม ? ”
หวังเย่าเห็นรอยยิ้มที่ไร้พิษภัยของเธอก็ลดความระวังตัวลงและพูดขึ้น “เธอลองบอกมาสิ”
“จริง ๆ แล้วนายคงยุ่ง แต่ฉันขอตามนายไปดูแร่ไฟได้รึเปล่า” กู่หลิงหลิงพูดออกมาด้วยท่าทีเขินอาย
“ทำไมเธอถึงอยากไปดูมัน มันแทบไม่มีอะไรให้ดูเลยนะ ? ” หวังเย่าเดาความคิดของกู่หลิงหลิงออก เธอคงอยากจะไปนอกเมืองเพื่อดูโลกภายนอก แต่เพราะเธอยังเด็กจึงทำให้เธอโดนกักตัวอยู่ที่บ้าน
“แร่นั่นมีขนาดใหญ่ มูลค่าของมันก็มาก พวกตระกูลใหญ่ต่างก็อยากประมูลมัน มันน่าสนใจ และทำให้เกิดความวุ่นวายขนาดนี้ได้ มีคนจำนวนมากอยากได้มันไปครอง ฉันแค่อยากไปดูมันเฉย ๆ ” กู่หลิงหลิงพูดขึ้นพร้อมกับจับแขนของหวังเย่าเขย่าไปมาเพื่ออ้อนวอน
หวังเย่าหมดคำพูด เขาทนโดนผู้หญิงอ้อนแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งสวยเท่าไหร่เขาก็ยิ่งทนไม่ได้เท่านั้น
“ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ เธอไปถามปู่เธอดูดีกว่า” หวังเย่าโยนความรับผิดชอบไปให้กับกู่หาว
กู่หลิงหลิงได้ยินแบบนั้นก็น้ำตาไหลออกมาและรีบพูดขึ้น “ไม่ ฉันอยากให้นายพาฉันไป ตราบใดที่นายรับปากว่าจะพาฉันไปด้วย ฉันจะตกลงกับนาย 1 เงื่อนไข” ตาเธอแดงก่ำ “ให้ฉันเป็นแฟนนายวันหนึ่งก็ได้ แต่นายต้องรับปากว่าจะพาฉันไปด้านนอกด้วย ตกลงมั้ย ? ”
หวังเย่าอึ้งไปทันที ในชีวิตที่แล้วเขาเป็นโสดมาตลอด 20 ปี แต่ในชีวิตนี้เขากลับมีแฟนเพิ่มขึ้นมาทีละคน ๆ และแต่ละคนต่างก็สวย ๆ กันทั้งนั้น
เขาเองก็หวั่นไหวแต่ไม่ได้ตอบตกลง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจจะทนสายตาที่เธอมองมาที่เขาได้ มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนชั่วและทำผิดร้ายแรง แต่สุดท้ายเขาก็ทำใจแข็งได้ เธอน่ะบังคับเขาเกินไปแล้ว ถ้าเขาตกลง มันมีแต่จะทำให้เขามีเรื่องปวดหัวตามมา เขาควรจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“ไม่ได้ เธอต้องไปตกลงกับครอบครัวของเธอก่อน ไม่งั้นฉันจะมีความผิดฐานลักพาตัวผู้เยาว์” หวังเย่าปฏิเสธด้วยสีหน้าจริงจัง
กู่หลิงหลิงสลดทันที เธอมองหวังเย่าด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะไม่สนใจเขาอีกต่อไป เธอเปิดทีวีดูและหันหน้าหนีเขาทันที
กู่หาวและหลี่ว่านเฟิงพูดคุยกันกว่า 1 ชั่วโมง หลัก ๆ แล้วคือเรื่องประสบการณ์ของหลี่ว่านเฟิง
“หวังเย่า ไปกันเถอะ” ตอน 10.30 นาฬิกา หลี่ว่านเฟิงก็เข้ามาเรียกหวังเย่าที่ห้องนั่งเล่น
กู่หลิงหลิงเห็นว่ากู่หาวไม่ได้ตามเข้ามาด้วย เธอจึงรีบไปเกาะแขนหลี่ว่านเฟิงเอาไว้และยิ้มออกมา “ลุงหลี่จะไปแล้วหรือ ทำไมไม่อยู่กับเสี่ยวหลิงก่อนล่ะ เสี่ยวหลิงเพิ่งเจอจะกับลุงหลี่เอง เรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย”
หลี่ว่านเฟิงยิ้มแห้ง ๆ ออกมาและพูดขึ้น “ลุงมีธุระต้องทำ ลุงอยู่ด้วยไม่ได้”
กู่หลิงหลิงเห็นว่าแผนของเธอคงล่มแล้วจึงพูดขึ้น “ลุงหลี่ สร้อยลูกปัดที่ลุงให้มาน่ะสวยจริง ๆ หนูชอบมาก จริงสิ ลุงหลี่ หนูได้ยินมาว่าลุงอยู่ที่เมืองอรุณ ลุงมาที่นี่เพราะเรื่องแร่ไฟงั้นหรือ ? ”
หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าและพูดขึ้น “ใช่”
“ลุงหลี่ว่ากันว่าแร่ไฟนั้นก้อนใหญ่ มูลค่าของมันก็ยังสูงอีกด้วย ลุงพา เสี่ยวหลิง ไปดูด้วยได้มั้ย ? ” กู่หลิงหลิงทำสีหน้าอ้อนวอนออกมาทันที
หลี่ว่านเฟิงไม่มั่นใจว่าควรจะตอบกลับยังไง เมื่อกู่หาวเดินเข้ามาและได้ยินประโยคนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น “เสี่ยวหลิง นี่ไม่ใช่ธุระของตระกูลเรา อีกอย่างลุงหลี่มีธุระต้องไปจัดการ เขาไม่มีเวลาดูแลหลาน กลับไปที่ห้องซะ พรุ่งนี้ปู่จะพาหลานไปเดินเล่นแถว ๆ กำแพงเมือง”
กู่หลิงหลิงแลบลิ้นออกมาก่อนจะปล่อยมือจากแขนหลี่ว่านเฟิง จากนั้นเธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาและเดินกลับไปที่ชั้นบน
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา เพื่อจะปกป้องลูกหลานของตัวเอง ทุกคนจึงห้ามลูกหลานออกไปนอกเมือง ยกเว้นว่าจะมีผู้ใหญ่ไปด้วย
ตอนที่หวังเย่าอายุไม่ถึง 18 ปี พ่อแม่เขาก็ตายไปแล้ว เขาไม่มีทางจะออกไปที่นอกเมืองได้ มันทำให้ใจเขาเกิดความสงสัยเกี่ยวกับโลกด้านนอกอย่างมาก
เมื่อเห็นกู่หลิงหลิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโส ทำไมไม่ให้ลุงหลี่พาเธอไปด้วยล่ะ เธอแค่อยากออกไปดูโลกด้านนอก ยังไงซะ ลุงหลี่ก็อยู่ด้วย มันคงไม่มีอันตรายอะไร”
กู่หาวได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธทันที ที่เขาไม่พากู่หลิงหลิงออกไปด้านนอก เพราะเขาแก่แล้ว เขาไม่อาจจะรับความเสี่ยงได้มากนัก เขาไม่มีคนที่เขาไว้ใจพอ ที่จะพาหลานของเขาออกไปด้านนอก แต่ถ้าหากเป็นหลี่ว่านเฟิง หากหลี่ว่านเฟิงตกลง งั้นเขาก็อาจจะคิดทบทวนอีกรอบ
มันก็เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่กู่หลิงหลิงมักจะออดอ้อนให้เขาพาออกไปนอกเมือง
หลี่ว่านเฟิงเห็นว่ากู่หาวลังเลและอายที่จะเปิดปากตกลง เขาจึงพูดขึ้นว่า “อาจารย์ ในเมื่อเสี่ยวหลิงอยากจะออกไปข้างนอก งั้นผมจะพาเธอออกไปเอง มันไม่ได้หนักหนาอะไร”