ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 212 : คราวนี้พ่ายแพ้
หากได้ผลเลือดมาและทำสัญญากับอสูรระดับสวรรค์ งั้นเขาจะโด่งดังแค่ไหน คนนับไม่ถ้วนต้องยกย่องเขาอย่างแน่นอน เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา
“ฉันเองก็อยากได้ผลเลือดนั่นมา อย่าว่าแต่ให้อสูรกินเลย พวกเราก็กินมันได้ แม้ว่าจะไม่ทำให้ร่างกายใหญ่โตขึ้นมา แต่ก็สามารถยกระดับชีวิตของพวกเราได้ มันทำให้พื้นฐานร่างกายดีขึ้น นี่ไม่ต้องพูดถึงนักสู้ระดับ B รึ A เลย แม้แต่ระดับ S เราก็ไปถึงได้”
หวังเย่าคิดไปไกลกว่านั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะปิดบังคนของเขา
สำหรับระดับ SS แล้ว ด้วยพลังของผลเลือดเดาว่าคงอาจจะเอื้อมไม่ถึง ยังไงซะผลเลือดก็อยู่แค่ระดับศักดิ์สิทธิ์ นักรบระดับ SS ต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก และต้องทำความเข้าใจทักษะต่อสู้อย่างถ่องแท้รวมไปถึงเข้าใจพลังของโลกด้วย
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าคาดหวังออกมา สำหรับคนส่วนมากแล้วระดับ B คือระดับที่เกินความคาดหมายสำหรับพวกเขาแล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงระดับ S เลย
หวังเย่าแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขาไม่ได้โกหกแต่เขาก็มีบางส่วนที่ปิดบังทุกคนเอาไว้
“แต่ครั้งนี้ใช้คนหมู่มากโจมตีก็คงไร้ประโยชน์ ต้นไม้กินเลือดนี่มีสกิลโจมตีแค่ 2 อย่างก็จริง แต่ก็เป็นสกิลสำหรับโจมตีเป็นกลุ่ม หากพวกนายไปด้วยก็มีแต่จะเจ็บตัว แม้แต่ฉันเองก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับมันตรง ๆ ทำได้แค่โจมตีระยะไกล”
“เพื่อจะจัดการกับมัน เราได้แต่ต้องพึ่งการโจมตีระยะไกลเท่านั้น ตัวของมันมีขนาดใหญ่ การโจมตีจากระยะไกลแบบปกติคงใช้กับมันไม่ได้ผล นี่แหละคือส่วนที่ฉันกังวล”
“งั้น…เราจะทำยังไงกันดี ? ” ตอนนี้ทุกคนไม่อาจจะทำอะไรได้ ถึงปรึกษาไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
ทุกคนได้แต่พยักหน้า มิสไซน์คงใช้ไม่ได้ผลกับมันมากนัก อีกฝ่ายเป็นถึงต้นไม้อสูรขั้นจักรพรรดิ มันมีธาตุไม้ที่แข็งแกร่งอยู่กับตัว หากต้องการจะทำอันตรายกับมัน คงจะเป็นเรื่องยาก
ไม่นานทุกคนก็เดินหน้าไปที่ชายฝั่ง เทอร์โรซอร์ไฟได้แบกหวังเย่า, จ้าวเมิ่งซี, หลงปู้หยู๋, ลัวจ้าวฮว่ามุ่งหน้าไปยังเกาะนั้น
ตอนนี้ต้นไม้กินเลือดยังไม่รู้ว่าจะมีผู้ล่ามาเยือนมัน
เมื่อห่างจากต้นไม้กินเลือด 3 กิโลเมตร จ้าวเมิ่งซีก็ได้นำมิสไซน์ออกมาให้หวังเย่า
ไม่ใช่ว่าหวังเย่าไม่เคยใช้มัน จ้าวเมิ่งซีก็เคยให้เขายืมของพวกนี้มาแล้ว
หวังเย่าทำการเล็งไปที่ต้นไม้ ต้นไม้นั้นมีขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เล็งเป้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
ตูมมม !
มิสไซน์พุ่งออกไปพร้อมพลังมหาศาล
แต่ตอนที่มิสไซน์เข้าไปในระยะ 1 กิโลเมตรก่อนจะถึงต้นไม้ มันกลับมีก้อนเลือดก่อตัวขึ้นมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นธนูเลือดพุ่งเข้าชนกับมิสไซน์ทันที
บึ้มมมม !
เมื่อการโจมตีทั้งสองปะทะกันก็เกิดการระเบิดขึ้น หลังจากที่ไฟได้สลายตัวไป ก็พบว่ายังมีธนูเลือดพุ่งเข้ามา แต่ขนาดของมันลดลงกว่าครึ่ง
“ทำอะไรมันไม่ได้ ” หวังเย่าแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ธนูเลือดนั้นน่าจะเทียบได้กับธนูไฟขั้นสูง พลังของมันค่อนข้างแข็งแกร่ง
“แม้ฉันจะรู้อยู่แล้วว่ามันคงไม่ได้ผล แต่ก็ไม่คิดเลยว่าต้นไม้นี้จะรับมือได้ง่ายแบบนี้” หลงปู้หยู๋ขมวดคิ้ว ตอนนี้เขารู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก มีสมบัติมากองอยู่ตรงหน้าแต่เขาไม่อาจจะครอบครองมันได้
“ใครมีวิธีอื่นอีกรึเปล่า ? ” พี่หลงถามขึ้นมา
ทหารทุกคนต่างก็พากันส่ายหน้า อาวุธที่มีพลังโจมตีที่สูงนั้นใช่ว่าจะหามาได้ง่าย ๆ ส่วนใหญ่มันเป็นอาวุธของกองทัพ
“งั้นหรือ ? น่าเสียดาย” ลัวจ้าวฮว่ากำหมัดแน่น ตอนนี้เขาอยู่ระดับ C หากเขาได้ผลเลือดนั้นมา เขาจะกินมัน ใครบ้างที่ไม่อยากขึ้นไปอยู่ระดับ S ?
หวังเย่าหรี่ตาลงด้วยความไม่พอใจ ตอนนั้นเองเขาก็กัดฟันแน่นและเอาลูกแก้ววิญญาณไฟออกมา เขาได้ปลดปล่อยพลังไฟที่กักเก็บเอาไว้ จากนั้นเปลวไฟก้อนใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น
เปลวไฟนั้นได้รวมตัวกันเป็นลูกธนูที่หนาเท่ากับขาคน
แม้ทุกคนจะไม่รู้ว่าหวังเย่าสร้างลูกธนูนั่นขึ้นมาได้ยังไงแต่ดูจากพลังของมันแล้ว มันดูทรงพลังกว่ามิสไซน์ซะอีก
ต้นไม้กินเลือดยังคงส่งธนูเลือดออกมาเพื่อรับมืออย่างต่อเนื่อง
ครืน !
เกิดการระเบิดขึ้นในจุดที่ปะทะกัน ธนูเลือดได้ระเบิดออกไปหมด แต่ธนูไฟเองก็ระเบิดพร้อมกับพลังไฟที่เหลือกระจายไปโดยรอบ
ดูจากการปะทะนี้แล้วหวังเย่าได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่หวังเย่ากลับแสดงสีหน้าหนักใจเพราะต้นไม้นี้สร้างธนูเลือดขึ้นมาได้ไม่รู้จบ แต่เขามีพลังไฟจำกัด นี้บอกได้ว่ามันมีพลังมากกว่าเขาเป็นล้านเท่า
“มันไม่มีทางอื่นจริง ๆ หรือ ? ” หวังเย่ายังไม่ยอมแพ้ เขาได้แต่สบถออกมา
ถึงแม้เขาจะมั่นใจว่าสามารถรับมือกับการโจมตีทางจิตได้ แต่คนอื่น ๆ คงไม่อาจจะทำได้ ถึงเขาจะผลาญพลังในการใช้ธนูเลือดของมันจนหมด แต่ก็ใช่ว่าจะรับมือกับมันได้ ต่อให้สวมชุดเกราะระดับ SS ก็ตาม
หลังจากที่บินวนได้สักพัก พวกเขาก็เดินทางกลับไปที่ชายฝั่ง
“เท่าที่เราเห็น ต้นไม้นี่แข็งแกร่งอย่างมาก การโจมตีทุกอย่างใช้ไม่ได้ผล ไม่แปลกเลยที่มันโตได้ขนาดนี้ มันแข็งแกร่งจริง ๆ ” หวังเย่าส่ายหน้า
ทุกคนได้แต่พยักหน้า เมื่อไม่มีทางอื่นพวกเขาก็ได้แต่ทำใจ
“วันนี้พวกเราจะตรวจตรารอบ ๆ ก่อนแล้วค่อยตั้งแคมป์ที่นี่” หวังเย่าสั่งการก่อนจะเดินไปนั่งที่ก้อนหินแล้วครุ่นคิดถึงต้นไม้กินเลือด
“ด้วยความแข็งแกร่งของฉันในตอนนี้ ฉันคงทำอะไรมันไม่ได้” หวังเย่าพึมพำ
คืนนั้นตอนที่ทุกคนไปพักผ่อน หวังเย่าก็ได้ส่งคนไปทำภารกิจในการค้นหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมมาทำสัญญา หากพบกับสัตว์อสูรพวกนั้นก็ให้กลับมารายงานทันที
ตลอดหลายวันมานี้คนอื่น ๆ ออกไปสำรวจพื้นที่รอบข้าง ส่วนหวังเย่านั้นนั่งอยู่ที่ชายฝั่งเพื่อวางแผน
จ้าวเมิ่งซีก็อยู่กับเขาด้วยเผื่อว่าหวังเย่าต้องการใช้เทอร์โรซอร์ไฟเป็นพาหนะ
ตลอดหลายวันมานี้ หวังเย่าได้ลองมาหลายวิธีแล้ว
ยกตัวอย่างเช่นโยนแร่ไฟเป็นจำนวนมากลงไป แต่เมื่อมันตกลงไปถึงน้ำมันก็ดับลง รวมไปถึงการใช้พลังไฟออกมาเผาบึง เพื่อให้น้ำในบึงแห้งเหือด แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ผล