ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 233 : เรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะ
ตอนที่ 233 : เรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะ
ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นมักจะสั้นเสมอ ภายใต้ร่างกายที่แข็งแรงของหวังเย่า ฟ่านฉิงเหมยก็ต้องทนอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ปากของเธอไม่อาจจะทนได้ต่อแล้ว แก้มของเธอก็ปวดไปหมด
หวังเย่าแสดงสีหน้าพอใจออกมา แม้ว่าเขาจะสบายตัวไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจจะชินกับความสุขแบบนี้ได้
หลังจากเรื่องนี้สิ้นสุดลง ทั้งสองก็ไปอาบน้ำ ก่อนจะออกไปกินข้าวเที่ยงแล้วมุ่งหน้าไปยังสำนักงานของกลุ่มทหารรับจ้าง
เรื่องในบริษัทนั้น หวังเย่าไม่อยากเข้าไปยุ่ง ตราบใดที่ไม่มีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้น งั้นบริษัทก็ไม่มีปัญหาอะไร เขาแค่ต้องคอยฟังรายงานเท่านั้น
แต่กลุ่มทหารรับจ้างโลกานั้นต่างออกไป มันจะมีส่วนช่วยในอนาคตของเขาอย่างมาก การฝึกพวกนี้เท่ากับเป็นการลงทุน
“หวังเย่า ในอินเตอร์เน็ตบอกว่าช่วงนี้ที่นอกเมืองตัดขวางเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สงบขึ้น พวกสัตว์อสูรเกิดการเปลี่ยนแปลง มันถึงกับมีฝูงสัตว์อสูรเล็ก ๆ โผล่มาซึ่งทำให้พวกทหารรับจ้างต้องจัดกลุ่มกันออกไปรับมือกับพวกนั้น”
ฟ่านฉิงเหมยยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะบอกเรื่องนี้กับเขา
“ฝูงสัตว์อสูรงั้นหรือ ? ” หวังเย่าไม่มั่นใจและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
“ครึ่งเดือนแล้ว เรื่องเริ่มแย่ขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง มันมีคนตายมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าต่อวัน ” ฟ่านฉิงเหมยพูดขึ้น “ เรื่องนี้ทำให้ผู้ตรวจสอบ 4 ดาวในเมืองตัดขวางพากันตกใจ หนึ่งในนั้นได้เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ”
หวังเย่าพยักหน้า พวกเขาคงได้แต่ต้องรอฟังผลการตรวจสอบเรื่องนี้
หลังจากที่โลกนี้เปลี่ยนแปลงไป นอกจากหลายที่ที่สัญญาณโดนปิดกั้นแล้ว ดาวเทียมหลายดวงก็ยังโดนพวกนกทำลายลงมา โชคดีที่เมืองทั้ง 36 แห่งนั้นยังติดต่อกันได้แม้จะยังมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะช่องทางการติดต่อสื่อสารนั้นยุ่งยากกว่าเดิม
เมืองตัดขวางนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหัวเซี่ย มันอยู่ใกล้กับภูเขาอันดับหนึ่งของโลก สัญญาณจึงโดนปิดกั้นอยู่บ้าง เมื่อรวมกับมิติลับต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมากแล้ว ข่าวที่ส่งมายังเมืองหัวเซี่ยจึงต้องใช้เวลาและวิธีการที่ยุ่งยากกว่า ดังนั้นถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้ว พวกเขาก็ไม่ค่อยจะติดต่อมา
ฟ่านฉิงเหมยยังใช้โทรศัพท์หาข้อมูลต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อบอกข่าวต่าง ๆ ให้หวังเย่าฟัง
ตอนนั้นเองอยู่ ๆ เธอก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา หวังเย่าเห็นท่าทีของเธอผ่านกระจกมองหลังจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ เธอไม่สบายงั้นหรือ ? ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ฟ่านฉิงเหมยคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “ แต่เพราะมันมีข่าวใหญ่”
“หือ ? ”
“ เกาะต่างๆที่ตั้งอยู่ทางทะเลตะวันออกของเมืองหัวเซี่ยขอความช่วยเหลือด่วน ” ฟ่านฉิงเหมยพูดขึ้น “ มีฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่รุกราน ครั้งนี้มันต่างจากฝูงสัตว์อสูรทั่วไปที่เคยเห็นมา เพราะมันมีสัตว์อสูรทะเลคอยสนับสนุนด้วย ”
หวังเย่าแปลกใจ “สัตว์อสูรทะเลงั้นหรือ ? ” เขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
ต้องรู้ก่อนว่าสัตว์อสูรทะเลนั้นมีหลากชนิดและยังมีจำนวนมากอีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกมันมีขนาดใหญ่เหมือนกับปลาวาฬ มีข่าวลือว่าตัวที่ใหญ่ที่สุดนั้นยาวหลายกิโลเมตร แค่มันขยับตัวก็ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้แล้ว มันสามารถสร้างพายุและคลื่นที่กลืนกินทั้งเกาะได้
ฟ่านฉิงเหมยพูดต่อ “ ครั้งนี้มีสัตว์อสูรจำนวนมากบนเกาะเข้าโจมตีเมืองทั้งสาม เมื่อรวมกับสัตว์อสูรทะเลจำนวนมากที่โจมตีฐานของเกาะ ด้วยร่างกายขนาดใหญ่ของมันก็ทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นมา ระดับความมรุนแรงสูงถึง 9.5 ริคเตอร์ ส่งผลไปทั่วทั้งเกาะและเมืองทั้งสามนั้นกลายเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ระบบรักษาความปลอดภัยของทั้งในเมืองและนอกเมืองต่างก็พังทลายลง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็อึ้งงันทันที
“ตอนนี้คนบนเกาะตายกันเกือบหมดแล้ว เหลือแค่คนแข็งแกร่งไม่กี่คนที่รอดมาได้ พวกเขาจึงไปซ่อนตัวอยู่ในมิติลับ พวกนั้นเคยผ่านเรื่องอันตรายมาเยอะ บางคนที่มีประสบการณ์จึงได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเราเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพราะ….พื้นที่ที่เกาะตั้งอยู่นั้นมีสัญญาณว่าจะพังตัวลง ทางเข้าของมิติลับที่นั่นก็เหมือนจะพังไปด้วย”
มิติลับพังตัวลงงั้นหรือ ? !
เขารู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว หากมันเกิดขึ้นในเมืองหัวเซี่ยล่ะจะเกิดอะไรขึ้น? มันจะส่งผลต่อมนุษย์ทั้งหมดรึไม่ ?
ตอนนี้เขารู้สึกสับสน หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ งั้นการที่เขาคิดจะยึดมิติลับเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ แม้ว่าเขาจะทำสำเร็จ แต่แล้วยังไง ? ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น หากมิติพังตัวลงและตัดขาดการเชื่อมต่อกับโลกนี้ล่ะ ?
ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับคำถามมากมาย นั่นก็คือมิติลับเหล่านี้มาจากไหนกันแน่ มันมีทางเข้าอีกทางหรือไม่ มิติลับพวกนั้นอยู่ในจักรวาลนี้รึเปล่า ?
คำถามมากมายนี้ทำให้เขาต้องสับสน
ไม่นานรถก็ขับไปถึงเขตที่พักทหารรับจ้าง เขาเก็บรถไว้ในกระเป๋ามิติก่อนจะพาฟ่านฉิงเหมยขึ้นไปยังชั้นที่พักของกลุ่มทหารรับจ้างโลกา
การปรากฏตัวของเขาทำให้พวกทหารที่ฝึกอยู่พากันหันกลับมามอง ลัวจ้าวฮว่าเองก็อยู่ในนั้นด้วย
“หัวหน้ามาแล้วหรือ” ลัวจ้าวฮว่าพูดขึ้นมา
หวังเย่ายักไหล่ เขาเห็นว่ามีไม่กี่คนที่ฝึกอยู่จึงได้ถามขึ้นมา “แล้วคนอื่นอยู่ไหนกันหมด ? ”
ลัวจ้าวฮว่ามองไปที่ฟ่านฉิงเหมย เขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็เงียบไป
“ บอกมาตรง ๆ ฉิงเหมยไม่ใช่คนนอก” หวังเย่าพูดขึ้น
“มัน…มันไม่ใช่แบบนั้น หัวหน้า ผมจะบอกตามความจริงแต่อย่าโกรธผมนะ” ลัวจ้าวฮว่าพูดขึ้นมา “ เราเพิ่งกลับมาจากมิติดวงจันทร์ พวกนั้นรู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าผิดปกติ เมื่อคืนหลังจากที่พวกเขาอาบน้ำแล้วก็ไป….ผ่อนคลายกัน พวกเขากลับมาด้วยท่าทีเหนื่อยล้า ก่อนจะบอกว่าออกแรงทั้งคืนและคงต้องนอนพักไปอีกสักพัก”
ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนอยู่แล้ว เขตที่พักทหารรับจ้างได้จัดตั้งหอเริงรมย์ไว้เพื่อให้ทหารรับจ้างได้ผ่อนคลาย หากไม่มีธุระก็สามารถไปหาความสุขที่นั่นได้ ครั้งนี้เพราะได้รับผลกระทบจากมิติดวงจันทร์ แม้ว่าจะออกมาเร็ว แต่ในร่างกายก็ยังมีพลังลึกลับทิ้งไว้อยู่ เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องปลดปล่อยมันออกมา
ฟ่านฉิงเหมยเมื่อได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา เธอมองไปที่หวังเย่า ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินหนีออกมา
หวังเย่ายืนอึ้งอยู่กับที่ อะไรกันเนี่ย เขานึกว่าพวกนั้นคงเหนื่อยจากการเดินทาง ดังนั้นเลยหลับยังไม่ตื่น แต่ไม่คิดเลยว่า…พวกนั้นจะเป็นเหมือนกับเขาด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผิดอย่างนี้ !
หวังเย่าสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย “ไปกันหมดเลยหรือ ? ”
“ไม่ใช่ทุกคน บางคนก็มีแฟนอยู่แล้วอย่างรองหัวหน้าหลง ได้ยินมาว่าแฟนของเขาสวยมาก แต่มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้” ลัวจ้าวฮว่าพูดด้วยรอยยิ้ม ความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว เขาเองก็มีแฟนอยู่เช่นกัน
หลังจากพูดคุยกันสักพัก หวังเย่าก็โบกมือให้ลัวจ้าวฮว่าไปจัดการธุระของตัวเอง ส่วนเขาเข้าไปในห้องทำงาน ฟ่านฉิงเหมยนั้นยุ่งอยู่กับการต้มชาให้กับเขา
“นี่เป็นชาคุณภาพดี มันยังร้อนอยู่เลย นายรอสักหน่อยแล้วค่อยดื่มมัน” ฟ่านฉิงเหมยยักคิ้วและพูดขึ้นมา
“นี่ชาอะไร ? ” ตอนนั้นเองหวังเย่าก็เริ่มรู้สึกเจ็บคอขึ้นมา