ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 249 : ปู๋สง
ตอนที่ 249 : ปู๋สง
ตอนที่ธงถูกชักขึ้น ทุกคนต่างก็รับรู้ถึงความภาคภูมิใจในสายเลือดของตัวเอง
แม้ว่าวันนี้โลกจะเชื่อมต่อกับมิติลับและมีการเปลี่ยนแปลงไปรวมถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต แต่ความภาคภูมิใจนี้ก็ไม่เคยเลือนหายไปจากใจของพวกเขา ยกเว้นแค่พวกที่หนีไปอยู่ในป่า
หวังเย่าเองก็มีความรู้สึกนี้ในใจ เขาเกิดมาพร้อมกับความภาคภูมิใจนี้
“สักวันหนึ่ง ธงชาติของเราจะโบกสะบัดทุกอาณาเขตในประเทศ” หวังเย่าคิด
ตอนที่เพลงหยุดลง ธงก็ถูกชักไปถึงยอดเสา ฟางฉิงหัวละสายตาจากธงและมองลงมายังผู้คนด้านล่างอย่างใจเย็น
“ฉัน ฟางฉิงหัว เจ้าเมืองหัวเซี่ย ขอประกาศเริ่มงานชาติอย่างเป็นทางการ ดินแดนที่เสียไปนั้นเราลูกหลานคนหัวเซี่ยจะทวงคืนมันกลับมา ความหวัง, ความแข็งแกร่ง, สายเลือดที่ไหลวนอยู่ในตัวของเราคนหัวเซี่ยนั้นจะคงอยู่ตลอดกาลไม่สูญหายไป”
“การเชื่อมต่อกับมิติลับของโลกในวันนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกนั้นทำให้ผู้คนจำนวนมากล้มตาย เราเคยผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายและมืดมิดมาแล้ว แต่มนุษย์นั้นคือเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ เราคือลูกหลานของชาวหัวเซี่ย เราคงอยู่มากว่าห้าพันปีแล้ว เราเคยมียุคที่รุ่งโรจน์ แต่ตอนนี้เราต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดจากสัตว์อสูร แต่ภายใต้แรงกดดันนี้มันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เราได้ก่อตั้งเมืองขึ้นมา หลังจากที่ทำการสำรวจมาหลายปี ในที่สุดเราชาวหัวเซี่ยก็ยืนหยัดรับมือกับสัตว์อสูรได้”
“แต่มันยังห่างไกลจากเป้าหมายของเรา ซึ่งก็คือการกำจัดสัตว์อสูรทั้งหมดและทวงคืนดินแดนที่เสียไป มันยังเป็นเส้นทางที่ยาวไกล ดังนั้นงานวันชาติในวันนี้ เราจะทิ้งอดีตและคาดหวังกับอนาคตเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชาติเรา ดังนั้นฉันหวังว่าชาวหัวเซี่ยทุกคนจะพยายามทวงคืนดินแดนที่เสียไปและกำจัดสัตว์อสูรให้ได้มากที่สุด”
“ต่อไปฉันขอประกาศรายชื่อผู้ถูกเลือกรวมถึงคนที่โดดเด่น, ผู้เยาว์ที่โดดเด่น, ผู้สร้างผลงานที่โดดเด่น, นักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่น, ผู้ช่วยที่โดดเด่น, องค์กรที่โดดเด่น 10 อันดับแรก…”
หลังจากที่ฟางฉิงหัวปราศรัยกันอยู่นาน ทุกคนในลานก็พากันตื่นเต้นตามไปด้วย เมื่อได้ยินประกาศเรื่องรายชื่อนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นรัว เพราะพวกเขาจะได้เป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ครั้งสำคัญ การประกาศชื่อในวันนี้จะกลายเป็นข่าวดังที่สื่อให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ผู้คนในเขตในต่างก็พากันฮือฮาขึ้นมา
หวังเย่าได้ยินผู้ตรวจสอบรอบ ๆ คุยกันแต่เขาก็ไม่ได้ตกใจเท่าไหร่กับเรื่องนี้ เพราะเขาได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เขาแค่ต้องมาที่นี่เพื่อรับรางวัลเท่านั้น
ดังนั้นพวกคนที่มีอำนาจจึงพากันดูใจเย็น แต่พวกคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็พากันถกเถียงในเรื่องนี้
แต่หวังเย่านั้นเห็นว่าคนจากสำนักลับดูเหมือนจะเฉยชากับเรื่องนี้ พวกผู้อาวุโสนั้นเหมือนจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว ส่วนพวกศิษย์ที่อยู่ด้านหลังต่างพากันยิ้มออกมา ไม่ได้แตกตื่นเหมือนกับคนอื่น ๆ
หวังเย่าคิ้วขมวดเล็กน้อย ตอนนี้เขาแปลกใจมาก คนจากสำนักลับเหล่านี้แต่เดิมแล้วอยู่บนภูเขาและตัดขาดจากสังคม เดาว่าคนพวกนี้คงไม่ค่อยรู้เรื่องประเทศเท่าไหร่ แต่ทำไมกลับไม่ดูตื่นเต้นราวกับรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว ในขณะที่คนในเมืองส่วนใหญ่ยังไม่รู้กันเลย ?
ยังไงซะนี่ก็แค่ความสงสัยของเขา หวังเย่ารีบสลัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวและมองไปที่เจ้าเมืองทันที
ตอนนั้นได้มีชายวัยกลางคนสวมชุดทางการเดินเข้ามาพร้อมกับไมโครโฟนและเอกสารในมือ ก่อนจะยื่นให้กับเจ้าเมือง
ฟางฉิงหัวพูดขึ้นต่อ “ สิบอันดับผู้สร้างผลงานของเมืองหัวเซี่ย ปู๋สง ”
“ปู๋สง เป็นผบ.กองทัพทลายคุก” ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดทรงเลขแปดจีน (八) ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้าเมืองก็รับหน้าที่แนะนำคนคนนี้ต่อ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความซื่อตรง “กองทัพของผบ.ปู๋สง ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง เขามีทหารทั้งหมด 100,000 คน ปีนี้เขาได้นำทัพกำจัดสัตว์อสูรกว่า 5 ล้านตัว รวมถึงสัตว์อสูรระดับสวรรค์ 2 ตัว, ระดับศักดิ์สิทธิ์ 2 ตัว เขาได้ขับไล่ฝูงสัตว์อสูรเล็ก ๆ ออกจากทางตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 5 ครั้ง เขาพบกับเหมืองทองและขนมันกลับมาโดยมันมีมูลค่าถึง 2.3 แสนล้านเครดิต เขายึดมิติลับ 2 ดาวได้ 3 แห่ง, 3 ดาวได้ 1 แห่ง บอกได้ว่าเขาสร้างผลงานขึ้นมาอย่างมาก เขาจึงได้รับตำแหน่งเป็นผู้สร้างผลงานอันดับ 10 ของเมืองหัวเซี่ยไป”
คำพูดแนะนำตัวตนนี้ทำให้ทั้งลานนั้นพากันโห่ร้องออกมา ปู๋สงคนนี้สมควรได้รับตำแหน่งนี้แล้ว !
“ผบ.คนนี้เก่งและน่าชื่นชมจริง ๆ เขารับมือกับสัตว์อสูรทางตะวันออกเฉียงเหนือให้กับพวกเรา”
“ผบ.คนนี้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ พวกนายอาจจะไม่รู้ มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้พาคนออกไปต้านฝูงสัตว์อสูร ลูกชายคนที่สามของผบ.ได้สละชีวิตของตัวเองในครั้งนั้น แต่ผบ.กลับไม่หลั่งน้ำตาเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีเวลาส่งคนไปจัดการกับศพของลูกชายเลยด้วยซ้ำ เขายังกำกับการต่อสู้ถึง 2 วัน 2 คืน ก่อนที่สุดท้ายจะจัดการกับฝูงสัตว์อสูรได้ จากนั้นเขาถึงไปค้นหาศพของลูกชายตัวเอง ตอนนั้นมันก็เหลือแต่กระดูกแล้ว” บางคนพูดขึ้นมาด้วยตาที่แดงก่ำ
หวังเย่าเองก็ได้ยินคำพูดนี้ เขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับปู๋สง เขารู้แค่ว่าอีกฝ่ายเป็นผบ.ทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ไม่รู้รายละเอียดอื่น ๆ เขารู้ว่าในปีนี้อีกฝ่ายได้สร้างผลงานมากมาย เขาอดไม่ได้ที่จะทึ่งในตัวอีกฝ่าย เมื่อได้ยินที่คนอื่นพูดถึงปู๋สง เขาจึงได้แต่ต้องชื่นชม
อันที่จริงแล้ว หวังเย่าคือคนที่เย่อหยิ่งจองหองคนหนึ่งและไม่คิดจะยอมรับคนอื่นง่าย ๆ แต่ความเย่อหยิ่งนั้นกลับหายไป ตอนนี้ความรักชาติของปู๋สงเอาชนะใจของเขาได้
“ผบ.คนนี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ ฉันอยากเห็นเขาจัง ” ผู้คนโดยรอบพากันหันไปรอบ ๆ เพื่อมองหาปู๋สง ชายคนนี้คือเจ้าของรางวัลนี้
แต่หลังจากที่รอเกือบนาทีก็ยังไม่เห็นผบ.คนนี้ปรากฏตัวออกมาเลย
ตอนนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งก็ได้ตะโกนออกมา “เอามาให้ผมก็ได้”
มันไม่ง่ายที่จะฝ่าฝูงชนเข้ามาในเขตในแบบนี้ นี่ไม่ต้องนับการปีนขึ้นไปบนเวทีเลย เขาล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาและพูดขึ้นมาเสียงดังว่า “ผม ลั่วเสี่ยวอู่ หัวหน้าหน่วย 5 ฝ่าย 7 กองกำลัง 9 ครั้งที่แล้วพวกเราได้รับบาดเจ็บกับการรับมือกับฝูงสัตว์อสูรจึงได้ถูกส่งกลับมาเพื่อพักฟื้นที่นี่”
“ท่านผบ.น่าจะอยู่ดูแลทางตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ ไม่อาจจะกลับออกมา เพราะละทิ้งจุดประจำการไม่ได้ ดังนั้นท่านผบ.จึงมอบหมายให้ผมที่กลับมาพักฟื้นที่นี่ มารับรางวัลแทนในนามของเขา นี่คือคำสั่งของท่านผบ. ”