ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 256 : นกโง่
ตอนที่ 256 : นกโง่
“ดูเธอสิ ฮ่าฮ่า” หวังเย่ามองไปที่อีกฝ่ายแล้วหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหวังเย่า เธอก็ตัวสั่น ตาของเธอแดงก่ำและอดไม่ได้ที่จะระบายอารมณ์ออกมา
“นาย…นาย ฉันจะต้องจัดการกับนายให้ได้”
ตอนนั้นเองเธอก็พุ่งเข้าไปหาหวังเย่าทันที
เธอแค่อยากจัดการกับคนที่ไม่รู้จักความตรงหน้าเธอ ตอนนี้เธอไม่สนแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ยิ่งโกรธยิ่งทำให้แก่เร็วนะ..” หวังเย่าดีดตัวออกมาเพื่อเพิ่มระยะห่างแต่ปากของเขาก็ยังหาเรื่องไม่หยุด
“อ๊า !” เธอโกรธจนควบคุมสติไม่อยู่ จนทำให้ตอนนั้นเธอใช้พลังออกมาเต็มกำลัง
ในพริบตาชุดของเธอก็สั่นไหว มือทั้งสองข้างมีเปลวไฟสีดำปะทุขึ้นมา มันแผ่พลังที่ไม่อาจจะประมาทได้ออกมา
“นี่คือพลังระดับ A เธอเป็นใครกันแน่ ? ”
“แต่การทำสัญญากับนกกระจอกเพลิงดำได้และยังใส่ชุดนอนในศาลาว่าการเช่นนี้ คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว…”
“ดูเหมือนว่าฉันจะหยอกเธอแรงไปหน่อย แล้วจะจัดการยังไงดีล่ะที่เนี่ย….” ต่อหน้าคนที่แผ่พลังอันรุนแรงแบบนี้ออกมา หวังเย่าก็ต้องเอาจริง
หวังเย่าไม่ได้กลัวเธอ แม้จะเดาได้ว่าเธอเป็นใคร แต่เป็นเพราะมันคงไม่ดีเท่าไหร่นักถ้าจะลงมือตามใจในศาลาว่าการเช่นนี้
โดยเฉพาะการที่เห็นเธอใส่ชุดนอนอยู่ มันทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก ทำไมเธอถึงใส่ชุดนอนออกมาด้านนอก โดยที่ตัวเธอไม่มีกระเป๋ามิติด้วยซ้ำ แม้แต่กำไลอสูรเธอก็ไม่ได้ใส่ออกมาด้วย
“ไร้สมองจริง ๆ..” เขาพึมพำออกมา เขาพูดเบา ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอก็ยังได้ยิน
ตอนนั้นเองเธอแสดงสายตาอาฆาตออกมา ทำให้พลังที่ปะทุออกมายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
“นายตายแน่ !” สาวสวยตะโกนออกมา เธอพุ่งเข้าใส่หวังเย่าพร้อมกับหมัดที่ต่อยใส่อกของเขาอย่างจัง
หวังเย่าคงไม่อาจจะทำให้เธอสงบลงได้แน่
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ หวังเย่าก็ได้ใช้สกิลร่างคิงคองของหงอคง ก่อนจะใช้มือจับหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้
แม้ว่าหมัดจะใช้ไม่ได้ผล แต่เธอก็ไม่ใส่ใจ เธอยังคงตวัดขาเตะหวังเย่าต่อ
แต่หวังเย่าแค่ยิ้มออกมา เขาทำการโยนนกกระจอกเพลิงดำขึ้นไปในอากาศแล้วใช้มือข้างนั้นจับขาของเธอเอาไว้
หวังเย่าใช้โอกาสนั้นจับต้นขาของเธอไปด้วย
มันทั้งนุ่มและเนียนจนท้องน้อยของเขาเริ่มร้อนขึ้นมา
เขารีบทำการดับไฟที่เธอระเบิดออกมาก่อนจะได้กลิ่นหอมเบา ๆ จากตัวเธอ
เธอจ้องหวังเย่าเขม็งราวกับจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ
สำหรับนกกระจอกเพลิงดำที่โดนโยนขึ้นไปในอากาศนั้น มันทำสีหน้าตะลึงงันด้วยความงวยงง จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว ร่างของมันตอนนี้กำลังร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว
จิ๊บบบบบ !
ถึงมันจะกรีดร้องออกมาแต่เหมือนทั้งสองคนจะไม่ได้ยินมันเลยแม้แต่น้อย
นกกระจอกเพลิงดำลืมไปชั่วขณะว่ามันมีความสามารถในการบิน มันรีบกางปีกเล็ก ๆ ออกมาเพื่อทำให้มันตกลงช้ากว่าเดิม
พูดกันตามตรงมันเป็นนกที่ค่อนข้างโง่ทีเดียว
มันทำให้ชื่อเสียงของสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ต้องมัวหมอง
ไม่นานหญิงสาวคนนั้นก็รู้ว่าพวกเขาสองคนอยู่ในท่าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยเฉพาะการที่เธอใส่ชุดนอนอยู่แบบนี้ เธอยกขาข้างหนึ่งสูงจนเกือบจะเลยหัวของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็พบว่าหวังเย่าอยู่ตรงหน้าเธอและก้มลงมามองตัวเธอ มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกอายขึ้นไปอีก
เธอสลัดมือของหวังเย่าออกและรีบกระโดดถอยหลังกลับไปทันที ก่อนจะจ้องไปที่หวังเย่า
“ไอ้คนลามก” เธอตะโกนออกมาก่อนจะรีบควบคุมสติ
กล่าวได้ว่าเธอควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
หวังเย่ายื่นมือไปรับนกกระจอกเพลิงดำที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เขาพบว่ามันยกปีกสองข้างขึ้นมาปิดตาตัวเองไว้
เจ้านกกระจอกเพลิงดำนี่ดูโง่จริง ๆ…
“สาวสวย ฉันลามกตรงไหน ใครใช้ให้เธอออกมาข้างนอกในชุดนอนแบบนี้ เธอต่างหากที่หน้าไม่อาย” หวังเย่ามองไปที่อีกฝ่ายและพูดขึ้นมา
“นาย….” เธอชี้ไปที่หวังเย่าและพูดอะไรไม่ออก
“เอาเถอะ ฉันแค่แกล้งเธอเล่น ฉันจะคืนอสูรนี่ให้กับเธอ ครั้งหน้าก็อย่าให้มันหนีไปได้ล่ะ” เมื่อพูดจบ หวังเย่าก็โยนนกกระจอกเพลิงดำในมือให้กับอีกฝ่าย
“ฉันก็ย้ำกับนายไปแล้ว ทำไมนายต้องแกล้งฉันอีก ” เมื่อเห็นนกกระจอกเพลิงดำโดนโยนออกมา เธอก็รีบวิ่งเข้าไปรับมันทันที
“ดำน้อย แกเป็นอะไรรึเปล่า ไม่บาดเจ็บตรงไหนนะ ให้ฉันดูหน่อยสิ” เธอรีบตรวจดูร่างกายของนกกระจอกเพลิงดำด้วยท่าทีเป็นห่วง
เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ หวังเย่าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก เขาเตรียมที่จะกลับ เพราะตอนนี้มันเริ่มดึกแล้ว เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็เดินออกมาทันที
แต่ดูเหมือนจะไม่จบแค่นั้น…
“หยุด” ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงคนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นหวังเย่าก็ไม่ได้ใส่ใจและยังคงเดินต่อไป
“ฉันบอกให้หยุด” เธอรีบเดินตาม จากนั้นก็ยื่นมือมาหยุดหวังเย่าเอาไว้พร้อมกับจ้องหวังเย่าเขม็ง
เธอเตี้ยกว่าหวังเย่าเล็กน้อย
หวังเย่าหยุดและรอดูว่าเธอจะทำยังไงต่อ
“นายคือผู้ตรวจสอบหวังเย่า หนึ่งในสิบผู้เยาว์โดดเด่น ” เธอพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมยดูต่างจากคนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
บอกได้ว่าเธอดูเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้
“ใช่ ฉันเอง”