ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 280 : ความน่ากลัวของเจิ้นเหลิ่งเทียน
ตอนที่ 280 : ความน่ากลัวของเจิ้นเหลิ่งเทียน
“ท่าไม่ดีแล้ว ! ” เมื่อเห็นว่าเซี่ยงหยางลืมตาขึ้นมา ซื๋อเยว่ก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
ตอนที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นก็มีหมัดอันน่ากลัวได้พุ่งเข้ามาหาเขา
“รู้แม้กระทั่งว่าฉันจะโจมตีจากจุดไหน เขารู้ได้ยังไง ! ” ซื๋อเยว่ไม่อาจจะสนใจความตกใจที่มีได้ หมัดของเขายังคงโจมตีเซี่ยงหยางต่อ
เกิดลมพัดกระจายจากจุดที่ทั้งสองอยู่ ต่อมาแสงสีรุ้งก็แตกกระจายไปพร้อมกับตัวเขาที่กระเด็นออกมาด้วย
เขาตกลงไปที่ขอบเวทีพร้อมใบหน้าที่ซีดก่อนจะกระอักเลือดออกมา
เซี่ยงหยางเดินตามเข้ามาพร้อมกับมองไปที่ซื๋อเยว่ด้วยสายตาเย็นชา พลังในมือเขาไม่ได้สลายไปเลย
“ยังต่างชั้นกับนายอยู่มากจริง ๆ สมกับเป็นว่าที่หัวหน้าตระกูลเซี่ยงจริง ๆ ” ซื๋อเยว่เห็นว่าเซี่ยงหยางเดินเข้ามาหา เขาก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
“ฉันยอมแพ้” สุดท้ายเขาก็ต้องพูดออกมา
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เหล่าผู้ชมก็พากันโห่ร้องออกมา
“นายเองก็แข็งแกร่ง” เซี่ยงหยางพูดขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็เดินลงจากเวทีไป
การต่อสู้นี้ทำให้เขาเสียแรงไปเยอะ เขาต้องไปยังห้องพักเพื่อฟื้นฟูตัวเอง
หลังจากนั้นซื๋อเยว่ก็ลงจากเวทีก่อนจะออกจากสนามไป…
“คู่ที่ 20 ผู้ชนะ เซี่ยงหยาง”
“คู่ที่ 21…” ชายแก่ได้เรียกผู้เข้าแข่งขันคู่ต่อไปมาทันที
การต่อสู้คู่นี้ก็ดุเดือดพอตัว ชัยชนะเป็นของคนจากตระกูลใหญ่
จากนั้นคู่ที่ 22 ก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว…
เมื่อจบการต่อสู้นี้ก็จะถึงการต่อสู้คู่ที่ 23
ผู้เข้าแข่งขันคือเจิ้นเหลิ่งเทียนและหนิงเหอ
ที่มาของเจิ้นเหลิ่งเทียนนั้นไม่รู้แน่ชัด แต่หนิงเหอนั้นเป็นคนดัง ตระกูลหนิงก็เป็นหนึ่งในหลายหมื่นตระกูลในเมืองหัวเซี่ย แม้ว่าไม่อาจจะเทียบกับตระกูลชั้นนำและตระกูลเซี่ยงได้แต่ก็เหนือกว่าตระกูลอื่น ๆ
หากให้ไล่อันดับแล้วตระกูลหนิงคงอยู่ใน 20 ตระกูลแรกของเมืองหัวเซี่ย พวกเขาแข็งแกร่ง หนิงเหอไม่ได้มาจากสายหลัก เขามาจากสายรองแต่ก็ยังพอมีฐานะในตระกูล เขาเหนือกว่าผู้เยาว์คนอื่น ๆ ในตระกูล นอกจากนี้ก่อนการชุมนุมจะเริ่มขึ้น ภายในตระกูลก็ได้มีการจัดการแข่งขันกัน สุดท้ายตระกูลหนิงจึงตัดสินใจส่งหนิงเหอเข้าร่วม
ตระกูลหนิงไม่ได้มีทักษะขั้นที่ 8 แต่มีทักษะขั้นที่ 7 ระดับสูงอยู่
ทักษะนี้มีน้อยคนในตระกูลหนิงที่จะได้ฝึกฝน มีแค่สายหลักในตระกูลเท่านั้น แต่นั่นไม่ได้นับรวมหนิงเหอด้วย แม้ว่าเขาจะมาจากสายรอง แต่เขาก็เหนือว่าคนในสายหลัก ตระกูลหนิงให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงได้ฝึกฝนทักษะขั้นที่ 7 นี้ด้วย หนิงเหอนั้นดูธรรมดา แต่เขาก็มีร่างกายที่สูงเกือบจะ 2 เมตร แค่ยืนเฉย ๆ ก็ทำให้เขาดูเหมือนกับขุนเขาที่ไม่อาจจะสั่นไหวได้ เขาสามารถสร้างแรงกดดันให้กับทุกคนที่พบเห็นได้
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มผอมแห้งหมวกดำคนนี้แล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่กับเด็ก ในสายตาหลายคนแล้ว พวกเขาตัดสินผู้แพ้ชนะได้แล้ว
ทุกคนต่างก็สนใจการต่อสู้นี้และคิดว่าหนิงเหอจะรังแกอีกฝ่ายยังไง
แม้ว่าในรอบที่แล้วนั้นเจิ้นเหลิ่งเทียนทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ได้แทบจะทันที แต่ผู้ชมก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับกันแล้ว พลังที่หนิงเหอแสดงออกมานั้นทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่า พวกเขารู้สึกว่าในการต่อสู้นี้หนิงเหอจะชนะ
นี่คือการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมก็ว่าได้ อย่างแรกเลย ร่างกายมันผิดกันเกินไป แต่พวกที่แข็งแกร่งนั้นไม่ได้คิดเหมือนคนทั่วไป
หวังเย่ามองดูเจิ้นเหลิ่งเทียนด้วยสายตาครุ่นคิด
“พวกนายว่าใครจะชนะในการต่อสู้นี้ ? ” ลัวจ้าวฮว่าและทหารคนอื่น ๆ ได้ถามขึ้นมา
“แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ตัวสูงนั่น ! ” พี่หลงพูดขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
“พวกนายน่ะดูแค่ร่างกายภายนอก” ลัวจ้าวฮว่าค้านขึ้นมา
“ฉันเองก็คิดว่าหนิงเหอจะชนะ” เจ้าเขียวพูดขึ้น
“อาจจะไม่เป็นแบบนั้น ฉันว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนน่าจะชนะ” หลงปู้หยู๋พูดขึ้น
“ทำไมนายถึงคิดแบบนั้น” เจ้าหนูถามขึ้นมา
“สัญชาตญาณ” หลงปู้หยู๋ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ฉันก็คิดว่าน่าจะเป็นเจิ้นเหลิ่งเทียนเหมือนกัน” อันตงจ๋าพูดขึ้น
คนอื่น ๆ มองมาที่เขาก่อนจะคิดตามที่เขาพูด
“ด้วยทักษะของเขาแล้วเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรน้ำแข็งอยู่”
“การฝึกทักษะจะทำให้จิตสัมผัสเร็วขึ้นงั้นหรือ ? ” ลัวจ้าวฮว่าถามขึ้นมา
“บางทักษะเท่านั้นที่จะได้รับสิ่งพิเศษแบบนี้” อันตงจ๋าพูดขึ้นมา
“หัวหน้า นายคิดว่ายังไง ? ” ตอนนั้นเองทุกคนก็มองมาที่หวังเย่า
หวังเย่าไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขาตอบชื่อของเจิ้นเหลิ่งเทียนออกมาทันที
มันทำให้ทุกคนพากันมองไปที่เจิ้นเหลิ่งเทียน
ในเมื่อหัวหน้าพูดแบบนั้นออกมา ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสนใจเจิ้นเหลิ่งเทียนมากขึ้น
แม้ว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของหัวหน้าจะผิดก็ตาม….
ภายในห้องพักรวม เซี่ยงหยางและเหล่ยอู่ฉวนกลับมาจากห้องพักก็ได้มาดูการถ่ายทอดต่อโดยไม่พูดอะไรออกมา คนที่พวกเขาสนใจก็คือเจิ้นเหลิ่งเทียน
ในเขตแขกพิเศษนั้น กลุ่มคนจากสำนักต่าง ๆ และตระกูลใหญ่ต่างก็พากันมองไปที่เจิ้นเหลิ่งเทียน
แม้แต่เฉี่ยนเจินเฉียนและผู้ตรวจสอบคนอื่น ๆ ก็ยังสงสัยในต้นกำเนิดของเจิ้นเหลิ่งเทียนไม่น้อย พวกเขาพากันแสดงสีหน้าจริงจังออกมา และไม่กล้าจะมองข้ามเด็กนี่ไป
หากเจิ้นเหลิ่งเทียนมาจากที่ที่เฉี่ยนเจินเฉียนบอกมาจริง ๆ งั้นคนจากสำนักลับก็ไม่มีความคิดที่จะดึงอีกฝ่ายเข้าร่วม
เพราะนี่คือสถานที่ที่พวกเขาไม่กล้าจะสร้างความบาดหมางด้วย
ฟางฉิงหัวก็ทำหน้าจริงจังและมองไปที่เวที ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่