ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 347 : อสูรมิติ
ตอนที่ 347 : อสูรมิติ
เมื่อเห็นทุกคนคิ้วขมวดและคิดบางอย่างอยู่ หวังเย่าก็สงสัยขึ้นมา
เขามองไปยังทั้งห้าคนและถามคำถามที่เขาสงสัยที่สุดออกมา
“อสูรมิตินี่มันทำไม ทำไมพวกคุณถึงได้แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา ? ” หวังเย่าถามขึ้นและมองไปที่เฉี่ยนเจินเฉียนหวังว่าจะได้รับคำตอบ
เมื่อได้ยินคำถามของหวังเย่า ทุกคนก็ได้สติและมองไปที่เขา แต่สุดท้ายก็เป็นเฉี่ยนเจินเฉียนที่ตอบออกมา “นายจะรู้เรื่องพวกนี้เองในอนาคต ตอนนี้บอกไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับนาย”
เฉี่ยนเจินเฉียนพูดจบก็เงียบไปสักพัก “นายจำคำใบ้ที่ฉันเคยบอกนายได้สินะ ? ”
“ใช่ ผมจำได้ ” หวังเย่าพยักหน้า เรื่องมิติโลกสวรรค์ที่เฉี่ยนเจินเฉียนพูดนั้นเป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะจำได้
เฉี่ยนเจินเฉียนไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน มีข่าวลือว่ามีผู้ตรวจสอบคนหนึ่งเคยเข้าไปใกล้ที่นั่นแต่ด้านในนั้นเป็นยังไงไม่มีใครรู้
“ มีข่าวลือว่ามันมีสัตว์อสูรระดับเทพอยู่ มันคืออสูรมิติ พลังของมันไม่มีสิ้นสุด มันมีความสามารถในการเดินทางไปยังโลกอื่นได้ กำแพงโลกนั้นคือมิติ ในสายตาของสิ่งมีชีวิตแล้วกำแพงนั้นแข็งแกร่งแต่มันไม่ต่างอะไรจากผิวน้ำเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรที่น่ากลัวแบบนั้น อสูรมิติมีความสามารถในการเดินทางได้อย่างอิสระ มันไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยพลังกฎ นี่คือสิ่งที่สัตว์อสูรที่เหลือไม่อาจจะทำได้ มีแค่อสูรมิติเท่านั้นที่จะทำลายขีดจำกัดนี้ได้”
เมื่อได้ยินที่เฉี่ยนเจินเฉียนพูดมา หวังเย่าก็เข้าใจว่าอสูรมิตินี่อันตรายแค่ไหน
ยังไงซะสัตว์อสูรที่เหลือก็ถูกผูกมัดด้วยพลังกฎในโลกจึงไม่อาจจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้
แต่อสูรมิตินี้สามารถมองข้ามข้อผูกมัดทั้งหมดได้ แค่คิดก็ทำให้ผู้คนใจสั่นได้แล้ว
เพราะมันสามารถมองข้ามกฎทุกอย่างและเดินทางไปมาในมิติอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ มันคือตัวตนที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์
สักวันมันอาจจะใช้พลังกับโลกนี้ สุดท้ายก็ไม่อาจจะเดาได้ว่าโลกนี้จะมีสภาพเป็นแบบไหนกัน
ตอนนั้นมันอาจจะกลายเป็นหายนะก็ได้
เพราะพลังของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะคาดถึงได้ แม้แต่เฉี่ยนเจินเฉียนและคนอื่น ๆ เองก็ดูเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรแบบนั้น
เรื่องนี้มันเกินกว่านักรบระดับ SSS มันไม่ใช่ตัวตนที่มนุษย์จะหยุดยั้งได้
แม้แต่ผู้ตรวจสอบที่แข็งแกร่งที่สุดก็อาจจะรับมือไม่ไหว นี่ไม่ต้องนับเฉี่ยนเจินเฉียนกับคนอื่น ๆ เลย
มันสามารถทำลายเมืองได้อย่างง่ายดาย มันอาจจะมีแค่กองกำลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับเทพเท่านั้นที่พอจะรับมือกับมันได้สักพัก
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังเย่าก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของอสูรมิติ
ตอนนั้นเฉี่ยนเจินเฉียนก็พูดขึ้นมาอีกครั้งแต่สีหน้าของเขาจริงจังกว่าเดิม “นี่คือความลับระดับสูง เมื่อ 10 ปีก่อนมีอสูรมิติตัวหนึ่งมาที่โลก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหวังเย่าก็เปลี่ยนไป เขาไม่คิดเลยว่าอสูรมิติจะมาที่โลกนี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นบันทึกเกี่ยวกับมันเลย
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความลับระดับสูงจริง ๆ มันมีแค่คนที่มีฐานะสูงส่งเท่านั้นที่รู้และต้องปกปิดเรื่องนี้ ไม่งั้นแล้วข่าวนี้คงอยู่ในอินเตอร์เน็ตไปแล้ว แม้ว่าจะผ่านมา 10 ปีแต่ก็ต้องมีข้อมูลเหลืออยู่
เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็เงียบและตั้งใจฟังเฉี่ยนเจินเฉียนทันที
“10 ปีก่อนอสูรมิติได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่นอกเมือง โชคดีที่มันโผล่ไปที่ภูเขาและไม่มีคนอยู่รอบ ๆ ตอนนั้นมีทีมทหารของเมืองเดินลาดตระเวนอยู่และพบมันเข้า หลังจากที่ตกใจได้ชั่วครู่พวกเขาก็ได้ส่งข้อความมายังเมืองและเตรียมจะสู้กับมัน แต่อสูรมิติไม่ได้สนใจพวกเขา มันยังยืนนิ่งไม่ขยับราวกับรออะไรบางอย่าง ทหารเห็นแบบนั้นก็พากันถอยกลับมา สุดท้ายเมื่อผู้ตรวจสอบระดับสูงมาถึง มันก็ได้เดินทางไปที่ชายแดนก่อนจะหายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีผู้ตรวจสอบอาจจะรู้บางอย่างแต่เขาไม่ได้เปิดเผยมันออกมา แม้แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขารู้อะไรมา”
“ เท่าที่ฉันรู้มาคือผู้ตรวจสอบต้องรู้ความลับบางอย่างแต่ไม่ได้พูดมันออกมา เราจึงไม่รู้อะไรเลย นอกจากนี้แล้วตอนที่อสูรมิติจากไป มันก็มีคนเห็นควันกระจายออกมาจากปากสีเลือดของมัน ”
ตอนนั้นเฉี่ยนเจินเฉียนคิ้วขมวด ชัดแล้วว่าควันนั่นคือสิ่งที่เขากังวล
“ปากสีเลือดขนาดใหญ่และควันดำ..” หวังเย่านึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในมิติดวงจันทร์ เขาได้พบกับปิศาจที่คิดจะกลืนกินทุกอย่าง
เขาสงสัยว่าสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกันรึไม่
มันมีความลับแบบไหนอยู่กัน ?
ตอนนั้นหวังเย่ากลับใจเต้น เขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่ธรรมดาแบบที่ตาเห็น ไม่รู้ว่ามันมีความลับอยู่แค่ไหนกันที่เขายังไม่รู้
บางทีในโลกและจักรวาลแห่งนี้อาจจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่