ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 363 : นรกทมิฬ
ตอนที่ 363 : นรกทมิฬ
ตอนนี้ในรถกลับเงียบสงัดไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“ลุงหลี่ ผมอยากถามว่าโจรพวกนั้นยังอยู่รึเปล่า ? ” หวังเย่าได้ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
หลี่ว่านเฟิงหันกลับไปมองหวังเย่า ตอนแรกเขาไม่คิดจะบอกหวังเย่าเรื่องนี้ แต่ในเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหวังเย่าแล้ว หลี่ว่านเฟิงก็ต้องพูด “พวกโจรนั้นยังอยู่ แม้ว่าฉันจะพาทีมไปล้อมพวกมันไว้หลายครั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนมากเป็นฝั่งฉันที่เสียหายกลับมา” หลี่ว่านเฟิงถอนหายใจออกมา
“ลุงหลี่ยังทำอะไรพวกมันไม่ได้เลยหรือ ? ” หวังเย่ากลับแสดงสีหน้าตะลึงออกมาเมื่อได้ยินแบบนี้
ความแข็งแกร่งของหลี่ว่านเฟิงนั้นแม้ว่าหวังเย่าจะไม่รู้ว่าอยู่ระดับไหน แต่หากดูจากผู้ตรวจสอบ 4 ดาวอย่างเฉี่ยนเจินเฉียนและคนอื่น ๆ แล้ว คงไม่ต่างอะไรกันมากนัก มันต้องไม่ด้อยกว่าระดับ SS บางทีอาจจะถึงระดับ SSS เลยก็ได้
ด้วยความแข็งแกร่งแบบนี้ แต่ยังจัดการกลุ่มโจรพวกนั้นไม่ได้ โจรพวกนั้นน่าจะเป็นโจรกลุ่มใหญ่
“ลุงหลี่ โจรกลุ่มนั้นมีชื่อว่าอะไร ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาอีกครั้ง
“นรกทมิฬ” หลี่ว่านเฟิงพูดขึ้น “นายลองตรวจสอบในอินเตอร์เน็ตดูก็ได้ ฉันเชื่อว่านายจะได้รู้ข้อมูลที่แท้จริง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังเย่าก็ไม่ลังเล เขารีบเอาโทรศัพท์ออกมาและรีบทำการค้นหาทันที ในพริบตาข้อมูลจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมา
นรกทมิฬเป็นกลุ่มโจรระดับ SSS มันก่อตั้งมาเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ว่าตั้งมาวันที่เท่าไหร่เดือนอะไรนั้นไม่มีใครรู้
คนพวกนี้เจ้าเล่ห์และชั่วร้าย พวกนี้ทำเรื่องชั่วร้ายมามาก แต่ละคนฆ่าคนมาไม่น้อยกว่า 100 คน พวกเขาไม่ต่างอะไรกับปีศาจในร่างมนุษย์
ข้อมูลที่ชัดเจนมีไม่มากนัก ส่วนแรกคือพวกนี้มีไม่น้อยกว่า 100 คน แต่ละคนมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว
ส่วนที่สองคือพวกนี้สั่งสมกำลังมากว่าสิบปีแล้ว และได้กลายเป็นองค์กรใหญ่
ส่วนที่สามเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด คือหัวหน้ากลุ่มนั้นเป็นโจรระดับสูงที่เป็นที่ต้องการตัว
ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ชั่วร้ายแต่มีความแข็งแกร่งระดับ SSS ด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาทึ่งก็คือหัวหน้าโจรได้ฆ่าคนไปหลายหมื่นคนเมื่อ 2-3 ปีก่อนซึ่งทำให้ทั้งประเทศต้องผวาไปตาม ๆ กัน
หัวหน้าผู้ตรวจสอบได้ส่งผู้ตรวจสอบระดับสูงเพื่อไปจับอีกฝ่ายเอาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็หนีไปได้ และยังไม่มีใครหยุดเขาได้เลย
มันแสดงให้เห็นแล้วว่าชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
ชายคนนี้คือคนที่ชั่วร้ายที่สุดในประเทศ ดังนั้นรางวัลค่าหัวจึงสูงอย่างมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ก็ยังไม่มีใครกล้ารับภารกิจนี้
ยังไงซะชื่อเสียงของโจรกลุ่มนี้ก็เพียงพอที่จะบังคับให้ทุกคนต้องล่าถอย แม้แต่คนอย่างหลี่ว่านเฟิงก็ตาม
จากจุดนี้ก็เห็นได้แล้วว่าโจรกลุ่มนี้น่ากลัวแค่ไหน
…
เมื่อเห็นข้อมูลเหล่านั้นหวังเย่าก็ไม่อาจจะทำใจเย็นได้อีก
โจรกลุ่มนี้คือตัวการที่ทำให้พ่อแม่ของเขาหายตัวไป
กลุ่มโจรที่ก่อตั้งมากว่าสิบปี ระหว่างนั้นไม่รู้เลยว่าต้องมีกี่คนที่ทนทุกข์เพราะคนพวกนี้
วิกฤตของโลกอาจจะมาถึงตอนไหนก็ได้ แต่กลับมีคนที่เหมือนกับปีศาจเช่นนี้อยู่ในประเทศมากมาย
เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น พร้อมกับความโกรธที่พรั่งพรูออกมา
หลังจากที่ได้ไปยังโลกอื่นมา หวังเย่าก็เข้าใจถึงวิกฤตของแต่ละโลก แต่โลกของเขานี้อาจจะยังเติบโตไม่เพียงพอ จึงไม่ได้รับความสนใจจากปีศาจ แต่สักวันปีศาจนั่นต้องตื่นขึ้นมา สุดท้ายโลกคงเติบโตพอให้มันกลืนกินได้ ถึงตอนนั้นมนุษย์อาจจะสูญสิ้นไปด้วย
แต่ตอนนี้กลับมีโจรแบบนี้บนโลกที่คอยทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเอง พวกนี้หมดความเป็นคนในตัวไปแล้ว
หวังเย่ากดความโกรธในใจเอาไว้ เขาตัดสินใจว่าหากเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอ เขาจะกำจัดเนื้อร้ายพวกนี้ไม่ให้เหลืออยู่ในโลก
ฟ่านฉิงเหมยมองไปที่หวังเย่าพร้อมกับกุมมือของเขาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
เมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมือ หวังเย่าก็หันไปหาฟ่านฉิงเหมยแล้วยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็มองไปที่โทรศัพท์ก่อนจะจดจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ
หลี่ว่านเฟิงไม่ได้หันกลับมามอง เขามองฉากนี้ผ่านกระจกมองหลัง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของหวังเย่า เขาก็โล่งอกขึ้นมา
เขากลัวว่าหวังเย่าจะบุ่มบ่ามไปแก้แค้นโจรกลุ่มนี้ ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
โชคดีที่หวังเย่าได้สติกลับมา
“สุดท้ายก็โตแล้วสินะ ..” เมื่อคิดแบบนั้นหลี่ว่านเฟิงก็เหมือนจะแปลกใจ
“ถ้านายคิดได้แบบนั้น ฉันก็ดีใจ…”
….
ไม่รู้ว่าโชคดีรึโชคร้าย ระหว่างทางที่เดินทางมานี้พวกเขาไม่เจอสัตว์อสูรเลยสักตัวเดียว
มันอาจจะดูแปลกแต่ก็มีเหตุผลที่เป็นแบบนี้ มันก็เป็นเพราะหวังเย่าและหลี่ว่านเฟิง
เมื่อไม่มีสัตว์อสูรคอยโจมตี พวกเขาก็ไม่เสียเวลา ไม่นานหลังจากนั้นรถก็มาถึงที่ซากเมืองเก่า
ระหว่างทางนั้นมีพวกแรคคูนอยู่ด้วย แต่หลี่ว่านเฟิงลงมือไม่กี่ครั้งก็กำจัดพวกมันได้ทั้งหมด
คนอื่น ๆ ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก
รถยังขับไปต่อก่อนที่จะมาถึงทางเข้ามิติลับภูเขาเขาวัว
คนที่อยู่ประจำทางเข้าเหมือนจะได้ยินข่าวมาแล้ว เมื่อเห็นหลี่ว่านเฟิงมาถึงที่นี่ พวกเขาจึงไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่
ยังไงซะมิตินี่ก็เป็นของหลี่ว่านเฟิง …