ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 366 : หลอมรวมมิติ
ตอนที่ 366 : หลอมรวมมิติ
“รู้สึกดีจริง ๆ ” เมื่อกลับมาที่ห้องและนึกถึงคำชมจากเสี่ยวหลิวแล้ว หวังเย่าก็รู้สึกดีขึ้นมา
หวังเย่านั่งอยู่บนเตียงสักพักก่อนจะเรียกเสี่ยวซวีออกมา
ตอนนี้มันตัวใหญ่กว่าตอนที่มันเพิ่งเกิดอย่างมาก
เสี่ยวซวีมองไปรอบ ๆ ห้องพร้อมกับลอยตัวขึ้นไปในอากาศ มันไม่ได้แผ่พลังออกมาราวกับว่านี่คือพรสวรรค์ของอสูรมิติ
แต่ว่าหวังเย่าก็ไม่อาจจะใช้สกิลในการลอยตัวของมันได้
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแค่สกิลระดับต้นของมันก็ยังแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว
สกิลหลอมรวมมิติเลเวล 1 มันจะสามารถหลอมรวมมิติได้ในระยะเวลาอันสั้น สามารถมองข้ามการโจมตีทุกอย่างได้
สกิลนี้หากเวลาผ่านไปมันจะแข็งแกร่งได้ขนาดไหน
เมื่อมันหลอมรวมกับมิติ มันจะมองข้ามการโจมตีทุกรูปแบบได้ สกิลนี้มีความสามารถในการทำลายมิติ และสิ่งนี้ทำให้อสูรมิติแทบจะไร้เทียมทาน
แม้แต่การโจมตีของศัตรูที่แข็งแกร่งก็อาจจะไม่สามารถทำอะไรมันได้
อีกทั้งยังสามารถใช้โจมตีและป้องกันได้ด้วย
สกิลที่สองตัดมิติ มันสามารถสร้างใบมีดมิติที่สามารถตัดทุกอย่างได้
สกิลนี้หากขึ้นไปเลเวลสูงสุดแล้วจะสามารถตัดทุกอย่างขาดได้ มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าสกิลนี้น่ากลัวแค่ไหน เพราะแม้แต่มิติก็ยังตัดขาดได้หากมันขึ้นเลเวลสูงสุด
สกิลที่สาม ควบคุมมิติ มันสามารถเดินทางในมิติได้แต่ระยะทางเริ่มต้นไม่ได้ไกลนัก แต่เลเวลสูงสุดสามารถเดินทางได้หลายพันไมล์
สกิลนี้ก็น่ากลัว เลเวลสูงสุดของสกิลเทียบเท่ากับค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สมบูรณ์แบบที่ไม่จำเป็นต้องเตรียมการใด ๆ แค่คิดก็เดินทางได้เลย
บอกได้ว่าสกิลนี้มีเอาไว้เพื่อที่จะหนีการโจมตีของศัตรู อสูรมิติถือว่ามีสกิลที่รอบด้านทั้งทางด้านการโจมตีและการหลบหนี
บอกได้ว่าแม้แต่สกิลเลเวลต้น ๆ ก็ยังน่ากลัวอย่างมากแล้ว
เมื่อเห็นเสี่ยวซวีมองมาที่เขา หวังเย่าก็ต้องล้วงเอาน้ำยาพลังและผลไม้ต่าง ๆ ออกมาจากกระเป๋ามิติ
“พวกนี้เป็นของแก แกรีบกินแล้วรีบโตได้แล้ว ฉันหวังว่าแกจะเป็นอสูรตัวหลักของฉัน ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าสกิลแกจะน่ากลัวได้มากแค่ไหน” หวังเย่าพูดด้วยตาที่เป็นประกาย
เมื่อเห็นของมากมายบนโต๊ะ เสี่ยวซวีจะอดใจไหวได้ยังไง มันรีบพุ่งไปที่โต๊ะทันที
เมื่อเห็นท่าทีของเสี่ยวซวี หวังเย่าก็ต้องยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็คิดจะทดสอบสกิลทั้งสาม
ก่อนอื่นคือหลอมรวมมิติ หวังเย่าได้ใช้สกิลของเสี่ยวซวีและใช้โอกาสนี้ในการทดสอบ
ภายในห้องนั้นร่างกายของหวังเย่าเริ่มโปร่งใสขึ้นมา มันมองเห็นแต่ไม่อาจจะสัมผัสได้
หวังเย่าได้เดินไปที่โต๊ะก่อนจะเกิดฉากที่แปลกประหลาดขึ้น ร่างของหวังเย่ากลับเดินผ่านโต๊ะไปได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นแค่วิญญาณ
หวังเย่ารู้สึกว่าแม้จะเป็นสัตว์อสูรขั้นราชาก็ไม่อาจจะทำร้ายเขาได้ เพราะมันไม่อาจจะสัมผัสกับร่างกายของหวังเย่าได้
“มันดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้อีก” หวังเย่ามองไปที่ร่างกายของตัวเองก่อนจะมองไปที่กำแพงห้องแล้วยิ้มออกมา
จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาแปลก ๆ คนที่อยู่ในอีกห้องคือฟ่านฉิงเหมย
เมื่อคิดแบบนั้น หวังเย่าก็เลือกทำตามความคิดตัวเอง เขาค่อย ๆ เดินไปที่กำแพงก่อนที่ร่างกายของเขาจะผ่านกำแพงไปได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมาถึงอีกห้อง หวังเย่าก็ไม่เห็นฟ่านฉิงเหมยจนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำ หวังเย่าจึงเข้าใจว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่
ร่างเปลือยของฟ่านฉิงเหมยในความทรงจำ ทำให้หวังเย่าต้องคึกขึ้นมาอีกครั้ง
เรื่องเมื่อคืนยังตราตรึงใจเขาอยู่ ฟ่านฉิงเหมยนั้นมีเสน่ห์ยั่วยวนเกินกว่าเขาจะอดใจไหว
หวังเย่าส่ายหน้าพร้อมกับกดน้องชายตัวเองลงไป
“ทนไว้ ตอนนี้ยังกลางวันอยู่ นายจะมาคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง อย่างน้อยก็รอจนกว่าจะถึงกลางคืนสิ…”
“เฮ้อ…”
หวังเย่าเดินไปที่โซฟาที่ฟ่านฉิงเหมยโยนเสื้อผ้าออกมากองไว้ เขาอยากลองยื่นมือไปจับแม้ว่าจะสัมผัสมันไม่ได้ก็ตาม
ไม่รู้ว่าเพราะเขาคึกอยู่รึเปล่า เมื่อเห็นเสื้อผ้าพวกนั้น หวังเย่าก็ไม่อาจจะละสายตาจากมันได้เลย เขาไม่อาจจะควบคุมมือตัวเองได้ด้วย
มือขวาของเขาค่อย ๆ เอื้อมเข้าไปหาเสื้อผ้าพวกนั้นและจากนั้น…
มือของเขาได้จับไปที่เสื้อผ้าและรู้สึกได้ถึงความอุ่นจากเสื้อผ้าได้อยู่
นี่คือความร้อนจากตัวฟ่านฉิงเหมย ชัดแล้วว่าเธอเพิ่งถอดมันออก
ตอนนั้นเองเมื่อมองเสื้อผ้าในมือ หวังเย่าก็ได้สติขึ้นมา
ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาออกจากมิติมาตอนไหน
ตอนนั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับฟ่านฉิงเหมยที่เดินออกมาในผ้าเช็ดตัว ตอนนั้นเธอพบว่าหวังเย่ายืนอยู่ข้างโซฟาและกำลังจับเสื้อผ้าของเธออยู่
“ ถ้าฉันจะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ เธอจะเชื่อรึเปล่า ? ” เมื่อเห็นฟ่านฉิงเหมยออกมาจากห้องน้ำ หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมภาพที่งดงามนี้ หลังจากที่พูดจบ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ เขาจึงหายตัวไปจากห้องนั้นและทิ้งเสื้อผ้าไปทันที