ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 379 : ลำน้ำอสูร
ตอนที่ 379 : ลำน้ำอสูร
กรร !
มีเสียงคำรามดังขึ้นจากไกล ๆ
ป่าโดยรอบสั่นไหวพร้อมกับฝูงนกที่บินหนีออกมา
หวังเย่าชะงักและมองออกไป สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
เมื่อมองไปยังทิศทางที่เกิดเสียง สักพักเขาก็ละสายตากลับมาก่อนที่จะเดินหน้าต่อ เพราะไม่อยากจะเสียเวลา
ไม่ไกลออกไปก็มีลิงยืนอยู่ มันอยู่ในท่าทีที่ทุบอกตัวเอง ดวงตาของมันแดงก่ำ
ตอนนั้นลิงเหมือนจะมีเลือดอาบไปทั้งตัวด้วย
แม้ว่ามันจะยืนอยู่กับที่และคำรามออกมา แต่สภาพของมันเหมือนจะตายตอนไหนก็ได้
พลังของมันลดลงอย่างรวดเร็ว แต่สายตาที่แดงก่ำของมันยังคงมองไปด้านหน้าด้วยความอาฆาต
มันคือสัตว์อสูรที่เสียสติและรู้จักแต่การฆ่า
ตรงหน้าลิงมีผู้ใช้อสูร 5 คน พวกเธอสวมชุดที่มีเครื่องหมายของกลุ่มทหารรับจ้าง
ปรากฏว่าพวกนี้อยู่ทีมเดียวกัน
ผู้หญิงคนหนึ่งสวมหน้ากากสีดำ ร่างกายของเธอดูสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นลิงตรงหน้าเธอ เธอก็ได้ชักดาบออกมา
ในพริบตาผู้หญิงคนนั้นก็หายตัวไป ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของลิงนั่นพร้อมกับดาบที่ถูกฟันออกไป
จากนั้นร่างของลิงก็ขาดออกเป็นสองส่วนก่อนจะตกลงไปกับพื้น
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อยก่อนจะเดินถอยกลับไป
“พี่จักรพรรดินีเท่ห์บาดใจเหลือเกิน ท่านแข็งแกร่งจริง ๆ ”
ผู้หญิงทั้งสี่คนมองไปที่หญิงสาวที่สวมหน้ากากด้วยสายตาชื่นชม
หากหวังเย่ายังอยู่ดูต่อ เขาต้องจำได้แน่ว่าหนึ่งในผู้หญิงกลุ่มนี้เป็นใคร เพราะเธอคือลูกสาวคนโตของเจ้าเมือง ฟางอี้นั่นเอง
….
ที่เขตนอกภูเขาอนันต์ในหุบเขาสักแห่ง มีมังกรนอนจมกองเลือดอยู่
มังกรพิภพนี่เหมือนจะตายแล้ว หวังเย่าได้ทำการเก็บมันเข้าไปในกระเป๋ามิติ เพราะถึงยังไงซะก็ยังเป็นเนื้อระดับสูง มันสามารถนำไปขายรึกินเองได้ เป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะไม่ปล่อยให้เสียเปล่าแต่ความแข็งแกร่งของมังกรพิภพนี้อ่อนแอเกินไป มันไม่อาจจะทนหมัดของหวังเย่าได้เลยด้วยซ้ำ
มังกรพิภพถือว่าเป็นความอับอายของเผ่าพันธ์มังกรและสัตว์อสูรขั้นราชันย์ก็ว่าได้
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของหวังเย่าเหนือกว่าในอดีตอย่างมาก นี่ไม่ต้องพูดถึงร่างมังกรที่เขามีเลย
ตอนนี้หวังเย่าพอเข้าใจความแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว ต่อให้เขาต้องสู้กับเหลิ่งเทียนในตอนนี้เขาก็ไม่กังวล
ที่ด้านนอกหุบเขา หวังเย่านึกถึงเส้นทางที่เขาได้วางเอาไว้และรู้สึกว่าตอนนี้เขาได้มาอยู่เขตกลางภูเขาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนของพิกัด
ที่หมายที่เขาจะไปคือลำน้ำอสูรซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของเขตกลาง
บอกได้ว่าพื้นที่นี้มีน้อยคนนักที่เข้าไปได้
ยังไงซะเขตกลางนั้นก็ถือว่าเป็นเขตหวงห้ามสำหรับมนุษย์ก็ว่าได้ เพราะคนส่วนมากที่ไปที่นั่นล้วนตกตาย มีแค่ส่วนน้อยที่รอดกลับมาได้
มันไม่มีข้อมูลอื่น ๆ อีกในแผนที่
“ว่ากันว่ามีมิติลับที่ภูเขาอนันต์ มีข่าวลือว่ามันอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด…มิติลับนั้นน่าจะอยู่ในเขตลำน้ำอสูร”
นี่คือข้อมูลที่หวังเย่าได้มาเมื่อวันนี้
“ฉันต้องเข้าไปในมิติลับนั่นรึเปล่า…” หวังเย่าครุ่นคิด
หากไม่มีการโจมตีของสัตว์อสูรก่อนหน้านี้ จากนิสัยของหวังเย่าแล้ว เขาต้องเข้าไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เมื่อมีการโจมตีของสัตว์อสูรและอยู่ ๆ มันก็หายตัวไปด้วยเหตุผลที่ไม่อาจจะทราบได้ ก็ทำให้หวังเย่ากังวลขึ้นมา
นิสัยของหวังเย่าเปลี่ยนไปแล้ว มันคือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงระวังตัวแบบนี้
ยังไงซะเขาก็ยังมีภาระอื่นอยู่อีก
“รอจนกว่าจะไปถึงที่นั่นแล้วค่อยตัดสินใจ” สุดท้ายหวังเย่าก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อ
…
ไม่นานหลังจากที่หวังเย่าจากไป ผู้หญิงที่สวมหน้ากากก็มาถึงหุบเขาแห่งนั้นพร้อมกับคนของเธอ
“พี่ ๆ ที่นี่น่าจะมีการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี้” ผู้หญิงคนหนึ่งมองไปที่หุบเขา ก่อนจะพูดขึ้น
“อืม” ผู้หญิงที่สวมหน้ากากพยักหน้าและพูดขึ้น “ไปที่ลำน้ำอสูรกันเถอะ”
น้ำเสียงของเธอราวกับเสียงของภูติ มันฟังดูสง่าและสูงส่งราวกับจักรพรรดินีของโลก !
“ได้ ! ” ฟางอี้และคนอื่น ๆ พยักหน้าและมองไปยังผู้หญิงที่สวมหน้ากากด้วยความชื่นชม
หากหวังเย่าเห็นฟางอี้ในตอนนี้ เขาคงต้องแปลกใจอย่างมากแน่ ๆ
ไม่คิดเลยว่าฟางอี้ที่เย่อหยิ่งกลับชื่นชมคนอื่นได้ด้วยแบบนี้
บางทีตัวตนของผู้หญิงที่สวมหน้ากากอาจจะไม่ธรรมดา
นี่คือหุบเหวที่อันตราย พื้นดินที่นี่เหมือนกับปากของสัตว์อสูรขนาดใหญ่อันมืดมิดและไร้ขอบเขต
ราวกับมีสัตว์อสูรซ่อนตัวอยู่ที่นี่ซึ่งทำให้ทุกคนต้องขนลุก
นี่คือสิ่งที่หวังเย่ารู้สึกอยู่ในตอนนี้
และบนท้องฟ้านั้นก็มีกลุ่มแสงขนาดใหญ่พุ่งผ่านไปมา