ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 380 : ต่างมิติ
ตอนที่ 380 : ต่างมิติ
ลำน้ำอสูรอันมืดมิดไหลเอื่อยบนพื้นดิน บนท้องฟ้าปรากฏแสงสว่างอยู่สูงขึ้นไปจากพื้นดิน 100 เมตร
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า หวังเย่าก็เริ่มครุ่นคิดบางอย่าง
ตรงหน้าเขาคือสถานที่ที่อันตราย และมันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
หวังเย่าคิดถึงวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเข้าไปด้านในนั้น
อยู่ ๆ ก็ราวกับรับรู้ได้ถึงบางอย่าง หวังเย่าได้ใช้ความสามารถของเสี่ยวซวีแล้วหายตัวไปในทันที
หลังจากนั้นสักพักกลุ่มผู้หญิงทั้ง 5 คนก็มาถึงที่นั่น
ผู้หญิงที่สวมหน้ากากมองก้อนหินที่หวังเย่าเคยอยู่ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พี่ตี้ พี่เป็นอะไรไป ?” ฟางอี้ถามขึ้นมา
เท่าที่เธอเห็นมันก็เป็นแค่ก้อนหินธรรมดา
“ไม่มีอะไร ” ผู้หญิงสวมหน้ากากส่ายหน้า เธอรู้สึกว่าเธอคงคิดไปเอง
“พวกเธอจับฉันไว้ เราจะเข้าไปในอีกมิติ” ผู้หญิงสวมหน้ากากพูดขึ้น
“ได้” คนอื่น ๆ ต่างก็พากันพยักหน้าก่อนที่จะจับตัวผู้หญิงที่สวมหน้ากากเอาไว้
จากนั้นทั้งห้าคนก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะหายตัวไปยังทางเข้าของมิติ
หวังเย่าปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยคิ้วที่ขมวด
“ฟางอี้มาทำอะไรที่นี่ ? ดูจากท่าทีของเธอแล้ว ผู้หญิงที่สวมหน้ากากนั่นเป็นใคร ? ” หวังเย่าไม่อาจจะมองผู้หญิงคนนั้นออกเลย
“เธอเด็ดเดี่ยวและเข้าไปในมิตินอก ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นในอีกด้าน…”
และตอนนั้นหวังเย่าก็เปลี่ยนใจและคิดจะตามเข้าไปในมิตินอกเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถีบตัวเองกระโดดขึ้นไปยังทางเข้า
ตัวของเขาราวกับตกลงไปในหลุมดำก่อนจะหายตัวไป เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หวังเย่าก็พบว่าเขามาอยู่ยังอีกโลกแล้ว
เขายืนอยู่ตรงทางเข้าพร้อมกับมองไปยังโลกด้านล่าง และพบกับป่าพร้อมทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
ท้องฟ้าที่นี่หลากสี มันมีแสงสีรุ้งสาดส่องและเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่ที่นี่หวังเย่ากลับรู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่อาจจะอธิบายได้ เขารู้สึกคุ้นเคยกับพลังนี้เป็นอย่างมาก เมื่อคิดได้สักพัก เขาก็ต้องเบิกตากว้าง
พลังนี้คงอยู่แค่ชั่วครู่ก่อนจะหายไป แต่เขารู้ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง เพราะเหตุผลบางอย่างพลังนี่ถึงได้หายไป
นี่คือพลังที่เขาไม่มีทางลืม พลังที่ทำให้เขาต้องขนลุก
เขานึกถึงเทพมังกรและนึกถึงปิศาจ สุดท้ายก็นึกถึงชายหนุ่มที่น่ากลัวคนนั้น
“ในที่สุด…ก็พบ..นายแล้ว…”
หวังเย่าเหมือนจะได้ยินเสียงของปีศาจดังขึ้นมาในหูของเขา
มันทำให้สีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง ตัวของเขาแข็งทื่อราวกับโดนศัตรูจับตามองอยู่ตลอดเวลา
ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อมองไปรอบ ๆ เขาก็รู้สึกว่าเขาคงคิดไปเอง
หวังเย่าเรียกสติกลับมา เมื่อมองไปยังฉากที่งดดงามในโลกนี้ หวังเย่าก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นเหมือนกับมิติที่เขาเคยไป
เขากระโดดลงมาจากทางเข้าของมิติ และลงมาที่ป่าด้านล่างอย่างปลอดภัย ก่อนจะมองไปรอบ ๆ และหลับตาลงเพื่อเรียกสติอีกครั้ง แต่ไม่นานเขาก็ไม่อาจจะรับรู้พลังนั้นได้อีก
“ดูเหมือนว่าฉันจะคิดไปเองจริง ๆ ” หวังเย่าพึมพำ
เขาเริ่มหนักใจขึ้นมาและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกที่เขาเคยไป
ตัวตนแบบนั้นเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
เมื่อรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของปีศาจในมิตินี้ หวังเย่าก็ต้องสำรวจที่นี่ต่อไม่ว่ายังไงก็ตาม
ตอนนี้มิติแห่งนี้ยังทำงานอยู่ มันหมายความว่ามันไม่ใช่โลกที่เขาเคยไปมา บางทีมันอาจจะมีความลับอย่างอื่นที่เขายังไม่รู้ก็เป็นได้
“ต้องสำรวจดูเผื่อว่าจะพบข้อมูลที่จำเป็น หวังว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับไป…”
นี่ไม่ต้องพูดถึงความจริงทั้งหมดเลย แค่ข้อมูลเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนั้นหวังเย่าก็มองไปที่ป่าตรงหน้าแต่ก็พบกับศพของสัตว์อสูรจำนวนมาก
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ? ”
เมื่อพบว่าร่างของพวกมันยังไม่เน่า เขาก็สันนิษฐานได้ว่าพวกนี้อาจจะเพิ่งตายไป
หวังเย่าได้ทำการตรวจสอบศพพวกนั้นอีกครั้ง
ศพของมันบางตัวนั้นท้องแตก และบางตัวก็โดนตัดแขนตัดขาก็มี
“พวกสัตว์อสูรกินกันเองรึไง ? ”
การค้นพบนี้ทำให้หวังเย่าต้องคิ้วขมวด ถ้าเป็นสัตว์อสูรต่างเผ่าพันธุ์จะกินกันเองก็ไม่แปลก แต่ที่นี่มีสัตว์อสูรเพียงเผ่าเดียวเท่านั้น
นี่คือการกินกันเองในเผ่าเดียวกัน มันเกิดสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงรึมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่
“ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่มิติแห่งนี้..” หวังเย่าลุกขึ้นยืนและมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบกับยอดเขาที่อยู่ไกลออกไป
“ต่อไปคงต้องไปดูที่นั่น กลุ่มของฟางอี้คงไปถึงที่นั่นแล้ว ฉันจะไปหาเธอเผื่อว่าจะได้ข้อมูลจากเธอบ้าง” หวังเย่าคิด
“การไปพบกับเธอครั้งนี้ ไม่รู้เลยว่าเธอจะแสดงท่าทียังไงออกมา…”