ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 388 : หญ้าสูง 20 เมตร
ตอนที่ 388 : หญ้าสูง 20 เมตร
พิษอันน่ากลัวของกบพวกนี้ไม่อาจจะทำอะไรหวังเย่าได้เลย แม้ว่ามันจะมีเวลาจำกัดในการใช้สกิลหลอมรวมมิติและยังต้องใช้เวลาพักฟื้นอยู่นาน แต่ในเวลาไม่กี่นาทีนี้เปลวไฟของเขาก็สามารถเผากบพวกนี้จนตายหมดได้
ถึงพิษจะน่ากลัวจนไม่มีใครกล้าสัมผัส แต่หากไม่นับพิษพวกนี้แล้ว ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ต่างจากสัตว์อสูรขั้นราชาเลย
มันไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นหวังเย่าหายตัวไป หัวหน้าฝูงก็เข้าใจว่าพวกมันตกอยู่ในสถานการณ์น่าสิ้นหวังแล้ว
มันนึกถึงตอนที่พวกมันจัดการกับมนุษย์จนต้องตายอย่างน่าอนาถ
แต่ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะเป็นพวกมันเองที่ต้องรู้สึกแบบนั้น
นี่คือจุดจบที่ไม่ต่างกันเลย
สุดท้ายพวกกบพิษก็โดนเผาและไม่อาจจะขยับตัวได้อีก
ไฟยังคงเผาอยู่สักพักจนตัวกบพิษกลายเป็นสีดำ เมื่อลมพัดผ่านก็ทำให้ตัวของมันสลายไปกับลม
หวังเย่าไม่จำเป็นต้องใช้สกิลหลอมรวมมิติให้เต็มเวลา แค่ครึ่งเดียวก็เพียงพอแล้ว
หวังเย่ายังไม่เลือกที่จะออกจากมิติมาทันที เขารอจนกระทั่งมีกลิ่นเนื้อไหม้กระจายไปทั่ว เขาถึงยกเลิกสกิลและปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นทุ่งหญ้าที่โดนเผา หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ถือว่าฉันได้ช่วยคนอื่นไปด้วย ถ้าคนด้านหลังมาพบกับกบพิษพวกนี้คงตกที่นั่งลำบากเป็นแน่ พวกนั้นไม่มีสกิลหลอมรวมมิติแบบฉัน ดังนั้นพวกเขาควรจะขอบคุณฉัน…”
เขาคิดถูก ถ้าคนอื่นมาพบกับกบพิษพวกนี้ พวกนั้นอาจเลือกที่จะหนี ยังไงซะพวกนั้นก็ไม่มีสกิลหนีไปมิติอื่นแบบหวังเย่า
เมื่อมองไปรอบตัว หวังเย่าก็ไม่คิดจะอยู่ที่นั่นต่อ เขาคิดว่าพวกคนด้านหลังคงรีบตามมาที่นี่อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องรีบเดินหน้าต่อไปยังหุบเขาตรงหน้า
หวังเย่าได้เอายาฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาดื่มเพื่อฟื้นฟูแรงกายที่เสียไปก่อนจะเดินทางต่อทันที
สุดท้ายร่างของเขาก็หายไปในพงหญ้า
หลังจากนั้นสักพักคนอื่น ๆ ก็เดินทางมาถึงที่นั่น
ลู่หานและคนอื่น ๆ ก็อยู่ในกลุ่มพวกนี้ด้วย มันยังมีผู้เยาว์อัจฉริยะอีกหลายคนมาในกลุ่มนี้
และตอนนี้ บอกได้ว่าพวกคนที่โดดเด่นก็ได้มารวมตัวกันที่นี่
มันยังมีนักสู้คนอื่น ๆ มาที่นี่ด้วย แต่ละคนมีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าระดับ SS เลย
ยังไงซะหากไม่มีนักสู้พวกนี้อยู่ด้วย งั้นตระกูลใหญ่คงไม่กล้าส่งอัจฉริยะของตัวเองเข้ามาในมิติแห่งนี้
นี่ก็เพื่อความปลอดภัย
แม้ว่าจะมารวมตัวกันที่นี่ แต่พวกเขาก็มาจากคนละที่เพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็มีทีมของตัวเอง และไม่มีทางที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับทีมอื่น นี่คือกฎของพวกเขา
ทุกคนมองไปที่พงหญ้าที่โดนเผาในระยะ 50 เมตร ก่อนคิดจะเดินหน้าต่อแต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนใจ
ในตอนที่ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินเข้าไปในพื้นที่นั้นก็มีคนตะโกนขึ้นมาจนทำให้เขากลัวและต้องถอยกลับมา ก่อนจะเว้นระยะห่างจากพื้นที่นั้น
ถ้าไม่มีอุปกรณ์พิเศษ งั้นพวกเขาคงเดินหน้าเข้าไปในพื้นที่นั้นแล้ว ถึงจะไม่มีอันตรายมากนัก แต่พวกเขาก็ต้องระวังตัว
เพราะถึงอย่างไรซากศพตรงหน้าก็คือสิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวมาตลอด
บางคนเคยมาที่มิติแห่งนี้มาก่อน และบางคนก็ยังรู้จักที่นี่ด้วย
เมื่อมองดูฉากตรงหน้า ทุกคนก็พากันขนลุก แค่มองดูที่นั่นพวกเขาก็รีบถอยกลับมา
แม้ว่าจะเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ก็มีกองกำลังของตัวเอง พวกเขาจึงไม่คิดที่จะพูดคุยอะไรกันมาก
แม้ว่าคนส่วนมากจะสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่แต่เมื่อไม่อาจจะรู้คำตอบได้ พวกเขาก็ได้แต่สลัดความสงสัยที่มีทิ้งไป
ตอนนี้เวลาคือสิ่งสำคัญ การปรากฏตัวของกลุ่มสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เมื่อสักครู่นั้นก็ทำให้พวกเขาร้อนใจมากแล้ว
ตอนนั้น ทุกคนได้แยกย้ายกันออกไปก่อนจะเดินหน้าไปยังหุบเขาตรงหน้า
ฟางอี้และกลุ่มของเธอเพิ่งจะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ
เมื่อมองไปยังฉากตรงหน้าแล้ว ตี้เวยจื๊อก็สีหน้าอึมครึม ก่อนจะพาทีมของเธอเดินทางหลบเลี่ยงไปข้าง ๆ เพื่อเดินหน้าไปยังหุบเขาต่อ
แม้ว่าฟางอี้จะกลัวอย่างมาก แต่เรื่องสำรวจที่นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด
ดังนั้นแม้ว่าทุกคนจะกังวลในใจแต่ก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าต่อ
….
แม้ทุกอย่างจะแปลก ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรที่แปลกเกินไป นี่คือความคิดในหัวหวังเย่าตอนนี้
หากถามว่าทำไมถึงคิดแบบนั้นก็คงเป็นเพราะหญ้าที่สูงเหนือหัวของเขาตอนนี้
หากมีคนบอกว่ามันก็แค่หญ้า
แต่หวังเย่าคงต้องเถียงกลับไปทันทีว่าเคยเห็นหญ้าที่สูงแบบนี้มาก่อนรึเปล่า ?
ถ้ามันสูงสัก 2 เมตรเขาก็คงไม่สนใจ
แต่ 2 เมตรงั้นหรือ นั้นมันก็แค่หญ้าธรรมดา เพราะหญ้านี่สูงเกือบ 20 เมตรเลย
เมื่อเห็นหญ้าที่สูงกว่าต้นไม้ หวังเย่าก็เกิดความสับสนขึ้นมาในใจ