ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 389 : ขึ้นบิน
ตอนที่ 389 : ขึ้นบิน
“ นี่ฉันตัวเล็กลงรึหญ้ามันสูงขึ้นกันแน่ …”
เขารู้สึกราวกับกำลังเดินหลงในภูเขาอยู่ เมื่อนึกถึงการเดินทางก่อนหน้านี้ หวังเย่าก็พบกับความลับบางอย่าง
เขาเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก แม้ว่าหญ้าที่นี่จะสูงเกินกว่าจะแยกแยะทิศทางได้ แต่ทิศทางของหุบเขานั้น เขารู้ดีแต่แรกแล้ว เขาได้ตั้งเส้นทางเอาไว้ ตราบใดที่เดินทางเป็นเส้นตรงก็คงไม่ห่างจากเส้นทางที่เขาวางไว้นัก
อันที่จริงมันก็จริงที่ว่าหากเขาเดินหน้าเป็นเส้นตรงเขาก็จะไปถึงทางเข้าหุบเขาได้ แต่ตอนนี้ปัญหาคือหญ้าที่นี่มันสูงจนบดบังการมองเห็นของเขา
การอยู่ในทุ่งหญ้านี้ทำให้หวังเย่ากังวลใจอย่างมาก
เมื่อคิดได้แบบนั้นหวังเย่าก็เอาชุดเกราะออกมาจากกระเป๋ามิติก่อนจะสวมมันลงไป
เกราะนี้สามารถปรับอุณหภูมิได้และทำให้ร่างกายผ่อนคลาย
หลังจากที่สวมใส่เกราะเสร็จสิ้นแล้ว หวังเย่าก็เดินหน้าต่อทันที
ครั้งนี้เขาได้ตรวจสอบพื้นที่รอบข้างด้วยการทำงานของเกราะนี้
แน่นอนว่ามันเป็นพื้นที่ลาดชันลงไปราวกับเขาเดินลงภูเขาอยู่จริง ๆ
ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
ทั้ง ๆ ที่อยู่ลึกแบบนี้ แต่ทำไมหญ้าไม่โน้มตัวลงไปตามแรงโน้มถ่วงเลยสักนิด
เมื่อเดินหน้าต่อมาได้หลายสิบนาที หวังเย่าก็ได้ยินเสียงการไหลของน้ำ
หลังจากที่ใช้เกราะตรวจจับ หวังเย่าก็พอรู้ทิศทางที่มาของเสียงน้ำนั่น
“มีหนองน้ำอยู่ข้างหน้างั้นรึ ? ” หวังเย่าแสดงสีหน้าสงสัยออกมาแต่ก็ยังไม่คิดจะเดินหน้าเข้าไปหามัน
หวังเย่าขยายการตรวจสอบของเกราะออก สักพักเขาก็หัวเราะออกมา
เพราะภายใต้การตรวจสอบนี้เขาก็พบว่าด้านหน้าของเขามีหนองน้ำโผล่มาจริง ๆ
ทั้ง ๆ ที่หนองน้ำอยู่ห่างไม่มาก แต่เขากลับมองไม่เห็น !
ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่อาจจะโทษตัวเองได้ เพราะหญ้าเหล่านี้สูงเกินไป จนบดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นของเขาไปมาก
ตอนนี้หวังเย่าบอกไม่ได้ว่าหญ้าพวกนี้เป็นหญ้าที่ขึ้นบนดินรึเป็นหญ้าที่ขึ้นในน้ำกันแน่
มันทั้งสูงและมีทั่วทั้งหนองน้ำ มันมากซะจนบอกได้ว่าที่นี่ดูไม่ต่างอะไรจากทุ่งหญ้าเลย หญ้าพวกนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่าครึ่งของหนองน้ำ การที่มีหญ้าเยอะแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ เพราะแค่หญ้าพวกนี้ก็แทบปกปิดหนองน้ำได้เกือบหมดแล้ว
ใครจะไปรู้ว่าด้านล่างหนองน้ำแห่งนี้จะเป็นยังไง
แต่มันต้องน่าประหลาดใจมากแน่ ๆ
ตอนนี้หวังเย่ากังวล หากเขาเดินหน้าต่อก็จะเข้าไปในหนองน้ำ งั้นคงมีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะมีสัตว์อสูรแบบไหนรอเขาอยู่ที่นั่นบ้าง
แม้ว่าหนองน้ำนี้จะปกคลุมไปด้วยหญ้าและไม่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ในหนองน้ำก็ตาม แต่เขาก็ไม่กล้ามั่นใจอะไรแบบนั้น
เพราะในมิติลึกลับแบบนี้ไม่สามารถใช้แค่สามัญสำนึกทั่วไปตัดสินได้ ?
ที่นี่ทั้งน่ากลัวและแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
หากไม่เข้าไปในหนองน้ำก็ต้องบินขึ้นไป เพราะตอนนี้มันมีอยู่สองทางเลือกเท่านั้น แต่หวังเย่าก็กลัวว่าจะเจอกับอันตรายเช่นกันไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม
ยังไงซะท้องฟ้าก็เป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุด
อันที่จริงหวังเย่าก็ยังมีวิธีการเดินทางอื่นนั่นก็คือการควบคุมมิติ แต่วิธีนี้ไม่แน่นอนและอันตรายยิ่งกว่าการบินขึ้นไปบนท้องฟ้าซะอีก
ควบคุมมิติเลเวล 1 นั้นไม่อาจจะกำหนดทิศทางและระยะทางได้
ระยะห่างของมันสั้นและตำแหน่งก็ไม่แน่นอน เขาไม่กล้าบอกว่าจะไปถึงที่หมายได้อย่างแน่นอนด้วยสกิลนี้หรือไม่
ยกตัวอย่างเช่นถ้าเขาโผล่ไปอยู่ใจกลางหนองน้ำ งั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
“ดูเหมือนว่าต้องรีบเพิ่มสกิลเลเวลของเสี่ยวซวีซะแล้ว” นี่คือความคิดในหัวหวังเย่าตอนนี้
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ดังนั้นเขาจึงเหลือทางเลือกเดียวเท่านั้น
คือต้องบินขึ้นไป…
เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ตรวจสอบการพักฟื้นของสกิลหลอมรวมมิติและพบว่ามันพร้อมใช้งานอีกครั้ง มันทำให้เขาสบายใจขึ้นมาอย่างมาก
การที่มีสกิลหลอมรวมมิตินี้เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขากล้าบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
หากมีอันตรายเขาก็สามารถหลบเลี่ยงได้
เมื่อตัดสินใจแล้ว หวังเย่าก็ลงมือทันที เขารีบทำการถางหญ้ารอบ ๆ ตัวทิ้งไปเพื่อที่จะได้มองเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
จากนั้นเขาก็ได้เอาเฮลิคอปเตอร์ออกมาจากกระเป๋ามิติก่อนจะขึ้นไป แล้วบินไปยังหุบเขาตรงหน้า
เมื่อเปิดเครื่องยนต์ ใบพัดก็ค่อย ๆ หมุนแล้วค่อย ๆ ยกตัวขึ้นก่อนจะบินขึ้นไปบนฟ้าและมุ่งหน้าไปสู่หุบเขา
เสียงของเฮลิคอปเตอร์นั้นดังสนั่นจนทำให้คนด้านหลังหันมาสนใจ
พวกนั้นได้ข้อมูลล่วงหน้าและทิศทางคร่าว ๆ มาแล้ว แต่พวกเขาแค่ไม่รีบเดินทางไปที่นั่นแบบหวังเย่าก็เท่านั้น
แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่า แต่ก็ยังปลอดภัยกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รีบร้อนมากนักแค่ปลอดภัยก็ถือว่าดีแล้ว
เพราะถึงอย่างไรความปลอดภัยก็ต้องมาก่อนเสมอ
พวกเขามองไปที่เฮลิคอปเตอร์ที่ขึ้นบินบนท้องฟ้าด้วยความแปลกใจ
“เขาโง่รึไง …”
คนส่วนมากพากันคิดว่าหวังเย่านั้นโง่
เขาไม่ใช่คนแรกที่บินในมิติที่ไม่ได้รับการสำรวจ แต่สิ่งที่พวกเขาตั้งตารอคือหวังเย่าจะรอดต่อไปได้รึไม่ในมิติแห่งนี้