ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 393 : ย่างเนื้อกลางทะเลทราย
ตอนที่ 393 : ย่างเนื้อกลางทะเลทราย
หวังเย่ามองไปยังชายกำยำที่นั่งอยู่ที่ทางออกของหุบเขา เขาอยากจะยืนยันความคิดของเขา
“จากข้อมูลที่ผมได้มาก่อนหน้านี้ กิ้งก่ามังกรน่าจะไม่ได้คลั่งแบบนี้แต่แรก มันต้องมีความลับบางอย่างที่ทำให้เป็นแบบนี้ ท่านบอกผมได้ไหมว่าทำไม ? ” หวังเย่ามองไปที่ชายกำยำด้วยสายตาคาดหวัง
ชายกำยำแสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โง่ มันจริงที่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายที่นี่ นายท่านกับชายอีกคนบอกว่าควรจะมาบอกพวกเจ้าล่วงหน้า ตอนนี้ข้าบอกได้แค่ว่ากิ้งก่ามังกรโดนปีศาจครอบงำถึงได้เป็นแบบนั้น”
เมื่อพูดจบชายกำยำก็ถอนหายใจออกมา ยังไงซะกิ้งก่ามังกรก็เป็นหนึ่งในเพื่อนของเขาในโลกนี้
สุดท้ายเขาก็ได้ฆ่าเพื่อนของตัวเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะสาบานกันมาแล้วว่าเมื่อใครโดนปีศาจควบคุม อีกฝ่ายจะต้องลงมือจัดการห้ามใจอ่อน แต่หลังจากที่ทำแบบนั้นแล้วเขาก็ไม่อาจจะทนความเจ็บปวดและความเศร้าในใจได้
ยังไงซะพวกเขาก็เป็นเพื่อนกันมานาน...
หลังจากที่ชายคนนั้นพูดจบเขาก็เงียบไป หวังเย่าที่อยู่ข้าง ๆ คิดทบทวนจากข้อมูลที่ได้มา
ตอนนี้ไม่ว่าเจ้านายลึกลับและชายอีกคนเป็นใคร แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้หวังเย่าต้องคิดทบทวนเรื่องนี้
ข้อคาดเดาในใจของเขาเริ่มที่จะมีน้ำหนักมากกว่าเดิม
เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา
ถ้าเป็นแบบที่เขาคิดจริง ๆ งั้นเขาอาจจะได้รู้ถึงความจริงส่วนหนึ่งของโลกเข้าแล้ว ….
….
ในหุบเขา ทีมอื่น ๆ ก็พากันเดินหน้าอย่างระมัดระวัง
ที่นี่คือหุบเขาที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ พวกเขาไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางช้าไปมากกว่าเดิมเพื่อความปลอดภัย
ยิ่งพวกเขาระวังกันแค่ไหนก็ยิ่งใช้เวลามากเท่านั้น
พวกเขาใช้เวลากว่า 30 นาทีแต่เพิ่งจะถึงส่วนกลางของหุบเขา
มันเห็นได้ว่าพวกเขาระวังกันแค่ไหน
อันที่จริงแล้วมันไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตในหุบเขาแห่งนี้และไม่มีอันตรายใด ๆ ด้วย
หวังเย่าใช้เวลาไม่นานก็ออกจากหุบเขานี้ได้
มันก็แค่เขตไร้ชีวิต.…
กล่าวได้ว่าพวกนี้ระวังตัวกันมากเกินไป แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีแต่การทำแบบนี้ก็จะเป็นภาระต่อจิตใจของพวกเขาเอง
ในตอนที่อยู่ใจกลางหุบเขา แม้ว่าพวกเขาจะระวังตัวอยู่ แต่พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลาที่นี่ พวกเขาแค่อยากออกจากหุบเขานี้เร็ว ๆ
ทีมแรกที่นำหน้า นำทีมโดยตี้เวยจื๊อ
ด้านหลังพวกเธอก็คือทีมจากเมืองอื่น ๆ
ทุกคนพากันเร่งความเร็วขึ้นเพื่อที่จะออกจากหุบเขานี้โดยเร็วที่สุด
ไม่นานทุกคนก็มาถึงที่ทางออกของหุบเขา
เมื่อใช้ความเร็วเต็มที่พวกเขาจึงใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็ออกมาที่ทางออกหุบเขาได้
เมื่อพวกเขาออกมาจากหุบเขา พวกเขาก็ต้องตึงเครียดกันอีกครั้ง
หุบเขาอาจจะปลอดภัยแต่ภายนอกอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขามีประสบการณ์มากมาย เป็นธรรมดาที่จะไม่มองข้ามเรื่องนี้
ทุกคนพากันมองไปยังชายหัวโล้นตรงหน้าด้วยความสงสัย ส่วนชายคนนั้นกลับไม่ได้สนใจคนกลุ่มนี้เลย
ไม่นานพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายกำยำ
ชายคนนี้สวมชุดเกราะปกคลุมทั้งตัวรวมถึงใบหน้าด้วย มันไม่ง่ายที่จะบอกได้ว่าชายคนนี้เป็นใครกัน
สุดท้ายพวกเขาก็ได้กลิ่นเนื้อย่างจนต้องน้ำลายสอออกมา แค่มองตอนแรกก็พบเนื้อย่างตรงหน้าชายกำยำและชายหนุ่ม เนื้อนี้สีทองอร่ามจนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลออกมา แต่เมื่อหันไปดูรอบข้างก็พบกับทะเลทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
เมื่อเห็นชายสองคนที่อยู่ในทะเลทรายตรงหน้าพวกเขา พวกเขาก็รู้ทันทีว่ามันผิดปกติ
นี่ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่ย่างเนื้อในทะเลทรายก็ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากแล้ว
พวกนี้ไม่กลัวสัตว์อสูรในทะเลทรายมากินพวกเขารึไงกัน ?
สองคนนี้ดูเป็นตัวตนที่แปลกประหลาดมาก พวกนี้สมองมีปัญหาไม่ก็ไม่มีสมองแน่ ๆ ถึงคิดที่จะทำแบบนี้
ถ้าอยากจะกินเนื้อจริง ๆ ทำไมไม่กลับไปที่หุบเขาด้านในกัน ?
พวกนี้ทำไมต้องย่างเนื้อกลางทะเลทรายด้วย ?
บอกได้ว่าความคิดของนี้แปลกเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดถึง
เมื่อเห็นสองคนนี้ทุกคนก็อดนึกถึงชายคนหนึ่งไม่ได้ พวกเขามั่นใจกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ว่าหนึ่งในสองคนนี้ต้องเป็นคนที่ใช้เฮลิคอปเตอร์บินเข้ามาที่หุบเขาอย่างแน่นอน
ตอนนี้ชายกำยำได้ปกปิดพลังของตัวเองไว้ ชายคนนี้ถือว่าควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์
แม้แต่นักรบระดับ SS ที่มากับอัจฉริยะของแต่ละเมืองก็ยังไม่สามารถมองออกได้
ชายกำยำปกปิดพลังของตัวเองได้หมดจดจนพวกเขาไม่อาจจะรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้
หากไม่ใช่เพราะหวังเย่าได้เห็นชายกำยำจัดการกับกิ้งก่ามังกรด้วยมือเปล่ามาก่อน หวังเย่าก็อาจจะคิดแบบนั้นก็ได้
เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังย่างเนื้อกันอยู่นั้น คนส่วนมากก็พากันมองออกไปภายนอก แต่ฉากตรงหน้าพวกเขาก็ยังเป็นทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาอยู่ดี แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังมองชายสองคนที่ย่างเนื้อกันอยู่