ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 405 : วิกฤตมาเยือน
ตอนที่ 405 : วิกฤตมาเยือน
3 วันก่อนมิติลับบนเกาะได้พังลงไปพร้อมกับเกิดวังวนขึ้นมาด้านบนเกาะ วังวนนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างกว่า 30 เมตร
มันมีสีดำสนิท ไม่มีใครรู้ว่าด้านในเป็นสถานที่แบบไหน
ผู้เชี่ยวชาญได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้และได้ถ่ายรูปที่นี่เอาไว้เพื่อทำความเข้าใจกับมัน
วันก่อนหัวหน้าผู้ตรวจสอบและชายหนุ่มลึกลับได้มุ่งหน้าไปที่เกาะแห่งนั้น พวกเขาสังเกตการณ์อยู่นานแต่ก็ไม่ได้เข้าไปด้านใน
และดูเหมือนว่าพวกเขาจะผนึกที่นี่ไว้สักพัก
เมื่อไล่อ่านข่าวมา หวังเย่าก็พบกับรูปภาพที่ทำให้เขาต้องรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
วังวนนี้เหมือนกับฉากที่เขาเคยเห็นในต่างโลกมาก่อน ตอนนี้มันยังไม่ชัดเจนว่าต้นเหตุเป็นเพราะอะไรแต่มันก็เห็นได้ว่าโลกอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤต ตอนนี้เวลาเหมือนจะไม่เหลืออยู่แล้ว
เมื่ออ่านส่วนหลังของข่าวนี้ หวังเย่าก็ได้พบอะไรที่น่าสนใจอีก
หวังเย่าได้ปิดโน๊ตบุ๊คลงและไม่ลังเลที่จะใส่เกราะก่อนจะออกจากโรงแรมมาทันทีเพื่อมุ่งหน้าไปที่สนามบิน
หลังจากที่มาถึงสนามบิน หวังเย่าก็ได้ซื้อตัวไปเมืองหัวเซี่ยในเวลาที่ใกล้ที่สุดก่อนจะไปรอที่ห้องรับรองผู้โดยสาร
หวังเย่ารอกว่าสิบนาทีก่อนจะมีพนักงานมาตรวจตั๋วแล้วขึ้นเครื่องไป
เมื่อมาถึงที่นั่งเฟิร์สคลาส หวังเย่าก็หลับตาเพื่อพักผ่อน เพราะหลายวันมานี้เขารู้สึกเพลียอย่างมากและไม่ได้พักผ่อนเลย
ไม่กี่นาทีต่อมาเครื่องก็ได้ขึ้นบินมุ่งหน้าสู่เมืองหัวเซี่ย
ตอนนี้เครื่องบินทะยานขึ้นมาอยู่ที่ความสูงระดับ 10 กิโลเมตร ก่อนจะปรับทิศทางไปตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้
บางครั้งพวกเขาก็จะพบกับฝูงนกบินผ่าน แต่พวกมันก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขานัก
การเดินทางในเส้นทางนี้ในอดีตนั้นปลอดภัยมาโดยตลอด
ไม่นานพวกเขาก็มาพบกับพายุ เมื่อเครื่องบิน บินเข้าไป พวกเขาก็ได้เปิดระบบป้องกันซึ่งทำให้ผู้คนไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากนัก แม้ว่าเครื่องบินจะสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ออกจากพายุมาได้
จากนั้นพวกเขาก็บินผ่านเมฆก้อนใหญ่ก่อนจะพบกับตาคู่หนึ่งที่มองมายังเครื่องบินลำนั้นของพวกเขาแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ตาคู่นั้นก็แค่มองราวกับมองมดปลวกก่อนจะละสายตาหนีไป
เครื่องบิน ได้บินต่อมาอีก 30 นาทีก่อนจะพบกับปัญหาครั้งใหญ่
ไกลออกไปได้ก็มีฝูงนกที่โจมตีใส่เครื่องบิน ปีกสีดำของมันดูคมกริบแค่มองก็ทำให้รู้สึกอึดอัดได้แล้ว
ตอนที่เครื่องบินได้ตกเป็นเป้าของนกพวกนี้แล้ว เสียงสัญญาณเตือนก็ได้แจ้งกับผู้โดยสารทุกคน
แสงสีแดงในเครื่องถูกเปิดขึ้นและทำให้หวังเย่าลืมตาขึ้นมา หลังจากที่นักบินบอกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้หวังเย่ารู้ว่าตอนนี้เครื่องบินกำลังถูกโจมตีจากฝูงนก
ในอดีตนั้นการเดินทางในเส้นทางนี้ปลอดภัยมาโดยตลอด แต่วันนี้พวกเขากลับต้องมาเจอปัญหาที่หนักหน่วง
เครื่องบินนี้ไม่ได้ติดตั้งอาวุธใด ๆ มันมีแค่อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการป้องกันเท่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงนกเหล่านี้ก็ทำให้เครื่องบินต้องเปิดการใช้งานระบบป้องกันขึ้นมา
แม้ว่าจะยากแต่นักบินก็พยายามบินในเส้นทางเดิม
แต่ถึงอย่างนั้นนกพวกนี้ก็ไม่คิดจะปล่อยเครื่องบินไปง่าย ๆ
ดูเหมือนว่าพวกมันตั้งใจจะทำลายเครื่องบินไปให้ได้
แม้ว่าจะมีระบบการป้องกันซึ่งทำให้เครื่องบินไม่ได้เสียหายในทันที แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ ๆ
เครื่องบินสั่นไหวไปกับการพุ่งชนของนกฝูงนี้
ทุกคนบนเครื่องต่างก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา
คนส่วนมากไม่ใช่คนทั่วไป ดังนั้นเมื่อตกอยู่ภายใต้การโจมตีก็ไม่ได้ทำให้พวกเขากรีดร้องแตกตื่นออกมาเหมือนกับคนทั่วไป แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นพวกเขาก็พากันเหงื่อตกอยู่ดี
ยังไงซะนี่ก็อยู่บนท้องฟ้าที่สูงจากพื้นกว่า 10 กิโลเมตร หากเครื่องบินตก งั้นพวกเขาก็ต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
มันไม่แปลกที่จะกังวล
มันอาจจะมีร่มชูชีพให้ใช้งาน แต่บนท้องฟ้าก็ยังมีพวกนกอยู่จำนวนมาก ถ้าสู้อยู่บนพื้นดิน พวกเขาอาจจะพอรับมือไหว แต่หากสู้อยู่บนท้องฟ้ามันทำให้พวกเขาเสียเปรียบอย่างมาก
แม้ว่าจะรอดจากพวกนกไปได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะลงไปที่พื้นได้รึไม่
ประเทศหัวเซี่ยมีพื้นที่ที่ยังไม่สำรวจอยู่อีกเยอะ พื้นที่เหล่านั้นอันตรายอย่างมาก เมื่อตกลงไปในพื้นที่เหล่านั้น โอกาสรอดคงมีน้อย
มันอาจจะมีคนรอดไปได้ก็จริง แต่ตอนนี้ทุกคนได้แต่ภาวนาให้เครื่องบินรอดจากการโจมตีนี้ไปให้ได้
สัญญาณเตือนยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมแสงสีแดงที่กระพริบไปมา
มันได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักใจที่ทุกคนแสดงออกมาผ่านสีหน้า
หวังเย่าเองก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมาเช่นกัน เขารู้สึกว่าเครื่องบินสั่นไหวหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในหัวของเขาตอนนี้คิดถึงผลกระทบหลังจากการโจมตีครั้งนี้
กัปตันตอนนี้สีหน้าหม่นหมองลงเป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ ก็เหงื่อผุดเม็ดโต
ตอนนี้ที่พวกเขาทำได้ก็คือต้องควบคุมเครื่องบินให้ดีที่สุด
นี่คือวิกฤตจริง ๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา
นกพวกนี้โจมตีเครื่องบิน และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดจนตอนนี้ที่ผิวเครื่องบินเริ่มมีเลือดเปรอะไปทั่วพร้อมกับขนที่ปลิวว่อนไป
สถานการณ์ดูย่ำแย่ขึ้นไปเรื่อย ๆ
เลือดนั้นอาบเครื่องบินมากขึ้นเรื่อย ๆ …
กลิ่นเลือดในระดับความสูงขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลดีเลย
มันอาจจะทำให้ตัวตนที่น่ากลัวกว่านี้หันมาสนใจเครื่องบินก็ได้ เรื่องนี้กัปตันรู้ดีแก่ใจ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะแสดงท่าทีลนลานออกมาได้ ชีวิตของคนทั้งลำอยู่ในกำมือของเขา