ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 472 : พบต้นตอปัญหา
อสูรหิมะโจมตีได้อย่างรวดเร็ว มันทําให้เฉี่ยนเจินเฉียนและคน
อื่นๆ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่มันก็โผล่มาตรงหน้าหวังเย่าแล้ว หมัดที่เต็ม
ไปด้วยพลังมหาศาลนั้นได้พุ่งอัดเข้าใส่ตัวของหวังเย่าอย่างจัง
ต่อหน้าการโจมตีนี้ หวังเย่าระวังตัวอย่างมาก เขาได้เข้าไปใช้สกิล
หลอมรวมมิติทันที
หมัดอันน่ากลัวนี้พุ่งทะลุตัวของหวังเย่าไปพร้อมกับทําให้พื้นที่
ด้านหลังได้ระเบิดออกเป็นวงกว้าง มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการ
โจมตีนี้น่ากลัวแค่ไหน
หวังเย่าได้ออกมาจากที่นั่นก่อนจะปรากฏตัวขึ้นข้างๆ กลุ่มของ
เฉี่ยนเจินเฉียน
“นายไม่เป็นอะไรนะ ? ” เฉี่ยนเจินเฉียนมองไปที่หวังเย่าและอด
ไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ผมไม่เป็นไร” หวังเย่าส่ายหน้า ก่อนจะมองไปที่อสูรหิมะ
ตอนนั้นเองอสูรหิมะก็ได้มองไปยังพื้นที่ที่มันทําลายเมื่อตะกี้ก่อน
จะมองไปที่หมัดของมัน สุดท้ายมันก็มองไปที่ หวังเย่าแล้วเผยสายตา
แปลกใจออกมามันหยุดอยู่กับที่ราวกับคิดตามสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้
นี่คือเวลาที่ดีที่จะลงมือ หากเฉี่ยนเจินเฉียนและคนอื่นๆ ไม่ลงมือ
ตอนนี้ก็อาจจะเสียโอกาสดีๆ นี้ไป
ทุกคนพากันใช้พลังของตัวเองรวมถึงพลังของเกราะก่อนจะทํา
การโจมตีออกมา
ตูม !
ภายใต้การโจมตีอันน่ากลัวของพวกเขา พื้นที่นั้นก็ถูกทําลายไป
พลังที่ไม่รู้จบได้ระเบิดออกมากลืนกินร่างของอสูรหิมะ
หวังเย่าไม่ได้อยู่เฉย แม้ว่าไฟมังกรของเขาจะใช้แทบไม่ได้ผล แต่
ครั้งนี้เขาก็ได้ใช้พลังมิติไปพร้อมกับไฟมังกรด้วยจนทําให้พื้นที่นั้นเกิด
การระเบิดขึ้นมา
ตูม !
เสียงดังสนั่นพร้อมพื้นดินที่สั่นไหวไปตาม จากการโจมตีครั้งนี้
ถึงกับทําให้หิมะด้านบนถล่มลงมาด้วย
ตูม !
เสียงดังก้องขึ้นพร้อมกับหิมะที่ไถลลงมาจากยอดเขาหวังเย่าและคนอื่นๆ ไม่มีเวลาพอจะมาสนใจอสูรหิมะอีกต่อไป
ก่อนที่หิมะจะไหลมาถึงตัวพวกเขา พวกเขาก็บินขึ้นไปบนฟ้าด้วย
ทักษะของตัวเองทันที
เมื่อเห็นหิมะถล่มลงมา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งไปกับพลังของ
ธรรมชาติที่ไม่อาจจะมองข้ามได้
แผ่นดินที่ไหวนี้ไม่ได้กินเวลานานนักเพราะนี่คือฝีมือของคนไม่ได้
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ในตอนที่พลังของทักษะกําลังจะหมดลง แผ่นดินไหวก็หยุดลงพอดี
พวกเขาลงมาจากท้องฟ้าและมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่า
แผ่นดินไหวได้ทําให้ภูเขานี้เปลี่ยนไปอย่างมาก
พื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่ตะกี้ถูกทับถมด้วยหิมะที่หนากว่า 10 เมตร
“อสูรหิมะคงโดนหิมะฝังไปแล้ว” ฮวงเทียนเจวี๋ยนเห็นหิมะที่หนา
ใต้เท้าของเขาก็พูดขึ้นมา
“มันน่าจะตายแล้ว ยังไงซะหิมะนี่ก็หนากว่าสิบเมตร ก่อนหน้านี้
เราช่วยกันโจมตีมัน มันไม่น่าจะรอดมาได้” ไป๋พั่วหล้างวิเคราะห์ขึ้นมา
“บอกได้ยาก ในด้านพลังการป้องกันของมันแล้ว มันไม่น่าจะตาย
ได้ ฉันคิดว่ามันน่าจะโดนฝังอยู่ด้านล่าง มันคงขึ้นอยู่กับเวลากว่าที่มันจะออกมาได้” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้น นี่คือความคิดที่ใกล้เคียงกับความ
เป็นจริงมากที่สุด
“แต่ตอนนี้เราต้องรีบออกจากที่นี่กันก่อน” หลี่ว่านเฟิงคิ้วขมวด
และพูดขึ้นมา
“ใช่ เราต้องรีบออกจากที่นี่ ตามที่ชายคนนั้นบอกมา หลังจากที่
ข้ามภูเขาลูกนี้ไปแล้ว เราจะพบกับมิติลับในอีกไม่ช้า” ซือคงเป่าพูด
ขึ้นมา
“แล้วจะรออะไร รีบไปกันเถอะ” จางจื้อเฉียงเป็นคนแรกที่เดิน
ออกไป
คนที่เหลือเองก็รีบตามไปทันที
สุดท้ายหวังเย่าก็หันกลับไปมองด้วยสายตาครุ่นคิด สุดท้ายเมื่อไม่
พบอะไรเขาก็เลือกเดินออกจากที่นั่นมา
ผ่านไป 30 นาทีอยู่ๆ จุดที่พวกเขาเคยยืนอยู่ก็เกิดการสั่นไหว
ขึ้นมา จากนั้นหิมะก็ถล่มลงไปอีกครั้ง หลังจากที่หิมะถล่มลงไปไม่กี่
วินาทีก็มีร่างของอสูรหิมะปรากฏขึ้นมาตอนนี้ที่ร่างของอสูรหิมะมีเลือดจํานวนมากไหลออกมา ชัดแล้วว่า
มันบาดเจ็บ สายตาของมันจับจ้องไปทางที่หวังเย่าเดินจากไป จากนั้น
มันก็มองไปยังเส้นตัดมิติบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าซับซ้อน
….
เมื่อเดินทางต่อในครึ่งหลัง ทั้งเจ็ดคนก็ได้มาพบกับกิ้งก่าน�าแข็ง
กิ้งก่านี้คํารามออกมาพร้อมกับโจมตีใส่ทั้งเจ็ดคนแต่ก็ยังโดน
จัดการได้อย่างง่ายดาย
หิมะบนท้องฟ้าเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนทําให้หิมะที่กองกันที่พื้น
หนาขึ้นตามไปด้วย
การเดินแต่ละครั้งจะทําให้ขาของพวกเขาจมลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ
มันทําให้การเดินทางยากลําบากอย่างมาก แต่สําหรับทั้งเจ็ดคนแล้วมัน
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หลักๆ แล้วพวกเขาก็แค่ต้องรู้ทางไม่งั้นแล้วอาจจะ
หลงได้
แน่นอนว่าส่วนที่สําคัญที่สุดก็คือเวลา
พวกเขาไม่รอช้าและเดินหน้ากันต่อ
เมื่อมาถึงที่เขตนอกของภูเขา อยู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคําราม
ของกิ้งก่าที่ดังขึ้นบ่อยกว่าเดิมมันง่ายที่ว่าหากโดนพวกมันโจมตีอาจจะกลิ้งตกจากเขาไป ไม่ต้อง
เดาเลยว่านี่มันอันตรายอย่างมากสําหรับคนทั่วไป แต่มันไม่ใช่สําหรับ
พวกเขา พวกเขายังคงเดินหน้ากันต่อได้
ผ่านไป 1 ชั่วโมง สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงยอดเขาได้ ตอนนั้นเสียง
คํารามของกิ้งก่าก็เหมือนจะหายไปด้วย
ฉากรอบๆ เริ่มชัดเจนขึ้นมา
ทั้งเจ็ดยืนอยู่บนยอดเขาพร้อมกับมองไปยังเส้นตัดมิติบนท้องฟ้า
ก่อนจะพบกับวังวนที่เหมือนกับเมฆลอยวนอยู่ ซึ่งชัดแล้วว่ามันคือ
ทางเข้าของมิติลับ