ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 5 กลับผิดเป็นถูก
ตอนที่ 5 กลับผิดเป็นถูก
ทุกคนต่างก็พากันเบิกตากว้าง พวกเขาคิดว่านี่คงเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน แต่พวกเขากลับถูกหวังเย่าทำเอาตาค้าง
การ์ฟีลด์กลับมีพลังที่น่ากลัวถึงขนาดนี้อยู่
เสียงหัวเราะที่พวกเขาเตรียมไว้ถึงกับจุกอยู่ที่คอ
แม้ว่าหลายคนจะผิดหวังกับผลการต่อสู้ แต่หลายคนก็รู้สึกว่าการต่อสู้นี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง การต่อสู้นี้พลิกผันไปจากที่ทุกคนคาดเอาไว้ จ้าวซวนกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเข้าใจความคิดของหวังเย่า
“พี่ มันทำให้ฉันต้องอาย ! ฮือ…. ”
จ้าวซวนที่เคยหยิ่งผยองต่อหน้าทุกคน บัดนี้กลับทำตัวเหมือนเด็กสาวตัวน้อยที่โดนรังแก เขาวิ่งไปหาชายคนหนึ่งแล้วร้องไห้ออกมา
ตอนนี้จ้าวซวนไม่ได้แสดงท่าทีหยิ่งทะนงอีกต่อไป เขากลับดูน่าสงสาร ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
“ไม่ต้องร้อง แพ้ก็แพ้สิ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หรือจะให้พี่ช่วยสั่งสอนเจ้าหมอนั่น เพื่อระบายความแค้นให้นายดี ? ” ชายที่กอดจ้าวซวนอยู่ได้พูดปลอบออกมา
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ทุกคนต่างก็พากันแปลกใจ พวกเขาไม่คิดว่าจ้าวซวนจะมีด้านนี้อยู่ด้วย
ตัวเองสู้เขาไม่ได้ก็วิ่งมาขอให้พี่ลงมือแทน นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ แต่อย่างไรก็ตามจ้าวซวนก็ถูกหวังเย่าทำให้เสียหน้าไปแล้ว ต่อหน้าทุกคน ใบหน้าของเขาไม่มีเหลืออีกแล้ว
จ้าวซวนกัดฟันแน่น เขามองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
เขาเกลียดที่ต้องเสียหน้าแบบนี้ เขาได้บอกกับรุ่นพี่ตัวเองว่า “หวังเย่านี่น่ารังเกียจจริง ๆ ถ้าไม่ได้แก้แค้นมัน ฉันคงนอนไม่หลับ”
แต่เขาก็แพ้มาแล้ว
เนื่องจากการแข่งขันสัตว์อสูรของนักเรียนใกล้เข้ามา ดังนั้นนักเรียนทุกคนจึงไม่อยากสร้างปัญหาขึ้นมาในช่วงนี้
ยังไงซะมันก็มีกฎในโรงเรียนอยู่ จ้าวซวนเองก็ต้องทำตามกฎเช่นกัน
แต่ก็มีบางคนที่อยากหาคนมาทดสอบพลัง เพื่อสนองความสะใจของตัวเอง
สำหรับผู้ใช้อสูรที่แข็งแกร่งนั้น จ้าวซวนคงสู้ไม่ได้ ดังนั้นนอกจากหวังเย่าแล้ว เขาก็ไม่มีปัญญารังแกใครได้
มีข่าวลือว่าจ้าวซวนเป็นศิษย์หลานของบรรพบุรุษจ้าวอู๋จี๋แห่งเมืองอรุณ ด้วยพื้นหลังที่ยอดเยี่ยม ไม่เพียงแต่ตระกูลทั่วไปในเมืองเวยกวางเท่านั้น กระทั่งตระกูลเก่าแก่ของเมืองก็ยังไว้หน้าตระกูลจ้าว แล้วจะมีใครกล้าปฏิบัติกับคุณชายน้อยแบบนี้
แต่โชคร้ายที่ในฐานะผู้ใช้อสูรนั้น จ้าวซวนไม่อาจจะเป็นคู่มือของหวังเย่าได้
อันที่จริงความแข็งแกร่งของทั้งสองนั้นไม่ได้ห่างกันมากนัก หวังเย่าอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย
แต่จ้าวซวนนั้นไม่มีความอดทนมากพอ เขาเย่อหยิ่งและมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ รีบร้อนลงมือจนเกินไปจึงพ่ายแพ้ให้กับหวังเย่า
จ้าวซวนที่ไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้นั้นจึงแพ้ให้กับหวังเย่า
หวังเย่ายังรักษาความใจเย็นเอาไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ การที่จ้าวซวนพ่ายแพ้ให้กับหวังเย่าจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
หวังเย่าเห็นว่าจ้าวซวนยังไม่ยอมรามือและฟ้องรุ่นพี่ของตัวเอง หวังเย่าก็ลุกขึ้นและพูดขึ้นต่อหน้าทุกคน “ก่อนหน้านี้คุณชายจ้าวเพิ่งจะพูดอะไรออกมา คิดว่าทุกคนก็คงจะได้ยินกันอยู่แล้ว ต่อหน้าผู้คนมากมายในลานฝึกแห่งนี้ แกยังคิดจะหาเรื่องฉันอยู่อีกหรือ ? ”
ทุกคนพากันเงียบ
นี่เป็นการรังแกหวังเย่าอย่างแน่นอน ในเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ก็ต้องจำในสิ่งที่เคยรับปากเอาไว้ เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นตัวเองที่พูดออกมา
รุ่นพี่ได้ยินแบบนั้นก็สีหน้าบิดเบี้ยวไป สักพักเขาถึงได้ฝืนยิ้มออกมาและพูดขึ้น “เพื่อนนักเรียนทุกท่าน พวกเราต่างก็เป็นนักเรียนของโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ ทุกปีจะมีผู้ใช้อสูรจำนวนมากออกไปล่าอสูรที่ด้านนอก ทำไมพวกเราต้องมาฆ่ากันเองด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วย รุ่นน้องเย่าลงมือกับน้องของฉันหนักเกินไป ดังนั้นฉันเลยอดไม่ได้ที่จะอยากสั่งสอนเขา”
เมื่อเห็นว่าคนโดยรอบยังฟังคำอธิบายของเขา เขาถึงได้พูดต่อ “ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น แต่เมื่อลองใคร่ครวญดูอีกทีฉันก็ล้มเลิก เพราะคำพูดที่พูดออกไปนั้นเทียบเท่ากับคำสัญญา กฎของโรงเรียนต้องการชี้แนะให้เป็นคนซื่อตรง หลังจากวันนี้ ศิษย์น้องของฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหวังเย่า ตอนนี้ พวกเราไม่รบกวนเวลาของทุกคนแล้ว แยกย้ายเถอะ”
งั้นหมายความว่าเรื่องนี้จะจบลงงั้นหรือ ?
ทุกคนต่างก็ไม่คิดว่าจ้าวซวนจะยอมเจ็บตัวฟรี ๆ
สีหน้าของจ้าวซวนเปลี่ยนไป ตอนนั้นเขาได้ตะโกนออกมาอย่างไม่เต็มใจ “พี่หลินเจี้ยน เรื่องนี้มองข้ามไม่ได้ หวังเย่ารังแกฉัน ไม่ใช่แค่นั้น เขายังฆ่ากบของฉันทิ้งอีกด้วย เขาไม่ไว้หน้าฉันเลยแม้แต่น้อย ในโรงเรียนน่ะไม่อนุญาตให้ฆ่าสัตว์อสูรของคนอื่นไม่ใช่หรือ”
ฝ่าฝืนกฎ – เมื่อคิดตามกฎแล้ว หวังเย่าก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นจริง ๆ
สีหน้าของหวังเย่าหม่นลง เขาพยายามผ่อนคลายที่สุดและพูดขึ้นมาภายใต้สายตาของทุกคน “กบยักษ์นั่นเป็นสัตว์อสูรระดับเงินขั้นสุดยอด ส่วนการ์ฟีลด์ของฉันเพิ่งจะขึ้นเป็นสัตว์อสูรระดับเงิน ถ้าหากฉันยั้งมือ แล้วเกิดขาหักรึแขนหักขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ ? ”
ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันหันกลับไปมองจ้าวซวน
พวกเขาไม่มั่นใจว่าหากหวังเย่าเอาชนะจ้าวซวนไม่ได้ จ้าวซวนจะยอมยั้งมือรึไม่ ? เห็นได้ชัดว่าหวังเย่าน่ะแค่ป้องกันตัวเท่านั้น
หลินเจี้ยนดึงจ้าวซวนออกมา ก่อนจะกระซิบบอกบางอย่างภายใต้สายตาของทุกคน จากนั้นจ้าวซวนก็ได้แต่กัดฟันแน่นแล้วตะโกนออกมา “หวังเย่า ความอับอายในวันนี้ฉันจะจดจำเอาไว้ มันก็เหมือนกับเรื่องของครูใหญ่ ถึงจะผ่านไป 30 ปี แต่ครูใหญ่ก็สามารถแก้แค้นคืนได้ ยังไงซะมันก็ไม่สายที่จะแก้แค้น ! ”
ครูใหญ่ของโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์เป็นคนที่หยิ่งทะนง วันทั้งวันเขาชอบพาพี่น้องของเขาออกตะลุยเข่นฆ่าศัตรูที่นอกเมือง ครูของโรงเรียนพลุน้ำแข็งเห็นว่าเขาช่างหยิ่งผยองจึงตบสั่งสอนเขาไป สามสิบปีต่อมา ครูใหญ่ของโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ก็ได้สังหารอีกฝ่ายถึงหน้าประตูบ้าน เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วเมืองอรุณ
เป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้
หวังเย่ายังคงมีสีหน้าเฉยเมย ท่ามกลางสายตาของทุกคนเขากลับหัวเราะออกมา “จ้าวซวน นายก็พูดจริงจังเกินไป นี่ไม่ใช่ความบาดหมางลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น ถ้านายชนะฉันได้ ฉันก็จะยอมรับ ถึงตอนนั้นต่อให้นายตบฉันต่อหน้าทุกคน ฉันก็จะไม่ตอบโต้ หรือแม้แต่จะด่ากลับสักคำ”