ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 524 : พบกันอีกครั้ง
ตอนที่ 524 : พบกันอีกครั้ง
คนที่ปรากฏตัวนี้คือชายหนุ่มลึกลับที่มีสัตว์เทพเป็นอสูร
ทำไมเขาถึงได้มาที่นี่ ?
หวังเย่าแปลกใจอย่างมาก
“ฉันตกเข้าไปในภาพลวงตาของนาฬิกาและคิดแล้วว่าคงออกมาไม่ได้ ไม่คิดเลยว่า…ภาพลวงตาของนาฬิกาจะพังลงเพราะนาย นายทำให้ฉันแปลกใจจริง ๆ ”
เชินสิ่วมองไปที่หวังเย่าด้วยสายตาประหลาดใจ
“ฉันชื่อหวังเย่า” หวังเย่าเครียดอย่างมากเมื่อพบกับอีกฝ่าย
ฉิงจีคิ้วขมวดแล้วมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ
ตลอดหลายปีมานี้มีชายลึกลับที่เข้ามาพัวพันกับแผนการของเขา แต่เขาก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน เป็นใครเพราะเขาเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของอีกฝ่ายเท่านั้น
คลื่นพลังที่ชายหนุ่มระเบิดออกมานั้นทำให้เขาแปลกใจ โดยเฉพาะสัตว์เทพที่ระเบิดพลังออกมา การได้เห็นสัตว์เทพนั้นทำให้ฉิงจีตะลึงไปเหมือนกัน
ด้วยความแข็งแกร่งที่สูงแบบนี้รวมถึงการมีสัตว์เทพด้วยนั้น ทำให้ชายคนนี้อย่างน้อยก็ทัดเทียมกับฉิงจีได้ ฉิงจีไม่กล้าจะประมาทอีกฝ่าย
“นายคือคนที่แอบคิดจะขโมยลูกปัดนี่มาตลอดใช่ไหม ? ” ฉิงจีมองไปที่เชินสิ่วด้วยสีหน้าเคร่งเคียด
เชินสิ่วมองไปที่ฉิงจีด้วยสีหน้าหนักใจเหมือนกัน สายตาเขาแสดงความแปลกใจออกมา “นายบาดเจ็บหนักมานี่ ! ” เขาแปลกใจอย่างมาก ก่อนจะพึมพำออกมา “ด้วยอาการบาดเจ็บนี้ ถ้าเป็นคนที่อ่อนแอก็คงจะตายไปแล้วสินะ”
“ก็ใช่ แต่มันก็นานมาแล้ว” ฉิงจีพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขามองไปที่เชินสิ่วแล้วพูดขึ้น “มันจะมีประโยชน์อะไรกับการที่จะต้องมาแย่งชิงของที่ไม่ใช่ของนาย นี่คือสมบัติของเผ่าชูมิ มีแค่คนที่มีสายเลือดเผ่าชูมิเท่านั้นที่จะดูดซับมันได้ นายเป็นคนนอกไม่ใช่รึไง ? ”
เชินสิ่วยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้ต้องการที่จะเป็นจ้าวมิติ หึ…ฉันไม่สนใจด้วยซ้ำ ฉันแค่ต้องการพลังในลูกปัดนั่นก็เท่านั้น ! ”
เมื่อพูดจบ เชินสิ่วก็ระเบิดพลังอันน่าทึ่งออกมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปหาลูกปัด
ชูหยุนที่โดนขังอยู่ในภาพลวงตาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาแย่งลูกปัดนั่น
“กล้าดีนี่ ! ” ฉิงจีกระทืบพื้นก่อนจะมีค่ายกลปรากฏขึ้น ลานได้ระเบิดแสงจ้าออกมา จนหวังเย่าต้องหลับตา
“ฟ่อ ! ”
งูปีกเงินปรากฏตัวขึ้นมาที่ด้านหลังของชูหยุน ปากขนาดใหญ่ของมันอ้าออกหวังที่จะกัดเชินสิ่ว
พิษถูกพ่นออกมาพุ่งเข้าใส่หน้าเชินสิ่วอย่างจัง จนทำให้หน้าของเขาเกิดควันลอยออกมา แต่ไม่นานรอยไหม้บนใบหน้าก็ฟื้นฟูกลับมาดังเดิม
“ลงนรกไปซะ ! ” หมัดของเชินสิ่วมีพลังแปลก ๆ แฝงอยู่ มันราวกับค้อนเหล็กที่พุ่งเข้าใส่งูเพื่อที่จะฆ่ามัน
ปัง !
คลื่นสะท้อนได้กระจายออกมากับการปะทะกันของหมัดและเกล็ดงู มันทำให้ลานหินเกิดรอยร้าวขึ้นมา
แกร๊ก…
หินนับไม่ถ้วนกระจายออกมาพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งไปทั่ว
หลังจากที่ได้ค่ายกลจากฉิงจีมา งูก็มีการป้องกันที่น่ากลัว แม้ว่าเชินสิ่วจะแสดงพลังอันน่าทึ่งออกมาแค่ไหน แต่งูตัวนั้นก็เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ไหวเอน
ฟ่อออ …
งูได้แสดงสายตาโกรธแค้นออกมา ตัวของมันบิดไปมาก่อนจะพุ่งเข้าไปเพื่อกัดเชินสิ่ว
“หลบไปให้พ้น ! ” เชินสิ่วตะโกนออกมาก่อนที่เสือขาวจะปรากฏตัวขึ้น พร้อมเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่ว
เสือขาวกัดเข้าที่คอของงู แต่งูก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ มันได้รัดคอของเสือขาวเอาไว้จนทำให้เสือขาวรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
โฮกก !
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเมืองที่รกร้างมาหลายปีได้ถล่มลงมา งูได้กางปีกออกแล้วบินขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อย ๆ
หวังเย่ามองดูการต่อสู้ของทั้งสองคนแต่เมื่อหันกลับไปมองชูหยุน เขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้เธอตัดสินใจทำแบบนั้นได้
หวังเย่ามองไปยังทั้งสองคนที่สู้กันอยู่ ก่อนจะละสายตากลับมา
สองคนนี้มีฝีมือทัดเทียมกัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันเลย
“ไอ้แก่ ตลอดหลายปีมานี้แกเอาแต่ซ่อนตัวไม่กล้าออกมา แกก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว”
เชินสิ่วรับมือฉิงจีได้ทุกท่วงท่าด้วยพลังที่เขามี
“ถึงฉันจะแก่แต่ก็ไม่ตายง่าย ๆ หรอก ! ”
เชินสิ่วไม่เข้าใจว่าทำไมฉิงจีที่บาดเจ็บหนักและดูอ่อนแอแบบนี้ แต่ถึงรับมือกับเขาได้
“ฉันมีพลังมากกว่าที่นายคิดไอ้หนุ่ม แต่ทำไมถึงมีคนโง่แบบนายอยู่อีกนะ”
“หือ ? ฉันโง่งั้นหรือ ? ฉันกลัวว่าแกยังไม่รู้ มนุษย์อย่างพวกแกน่ะคือเครื่องมือที่บรรพชนของฉันสร้างขึ้นมา พวกแกภูมิใจกับวิชาเต๋าที่ตัวเองมี แต่นั่นคือสิ่งที่ได้จากการเล่นของบรรพชนของฉันเท่านั้น” เชินสิ่วพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ
ฉิงจีคิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ก่อนที่จะหุบยิ้มไป “งั้นหรือ ? เมื่อวิชาเต๋าคือการเล่นของบรรพชนของนาย งั้นนายก็ลองทำลายมันดูสิ”
ฉิงจีคิ้วขมวด ที่ใต้เท้าของเขามีแสงส่องประกายขึ้นมาแต่ไม่มีใครเห็น มันมีพลังลึกลับปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ทั่วทั้งตัว แสงสีขาวที่ห่อหุ้มตัวเขาอยู่นั้นทำให้หินที่กระเด็นมาต่างก็ต้องกระเด็นกลับออกไป
“ได้ มันต้องมีทางอยู่แน่” เชินสิ่วพูดขึ้นมา เขาไม่กล้าจะประมาท พลังลึกลับได้ปะทุออกมาจากตัวเขาจนทำให้เสื้อของเขาขาดออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อด้านใน
ปัง !
แสงส่องประกายขึ้นมา ทั้งสองคนเหมือนกับสายฟ้าที่พุ่งเข้าพัวพันกัน พลังอันแข็งแกร่งสองอันได้เข้าปะทะกันจนระเบิดออกมาเป็นพายุพลังงาน
พายุนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันรุนแรงซะจนหวังเย่าไม่อาจจะประคองตัวเองได้
“แข็งแกร่งกันจริง ๆ ! ”
ทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าผู้ควบคุม 5 ดาวเลย บอกได้ว่านี่คือตัวตนสูงสุดในโลกก็ว่าได้
ยิ่งไปกว่านั้น ฉิงจีก็ยังบาดเจ็บอยู่ พลังที่เขาแสดงออกมาได้นั้นมีไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ
เชินสิ่วเองก็เหมือนกัน ตอนที่เจอกับเชินสิ่วในตอนแรกนั้น เขาไม่ได้ลงมือกับหวังเย่าโดยตรงเพื่อไม่ให้หวังเย่ามาสนใจตัวเอง เขาใช้เวลาหลายปีในโลกนี้ เพื่อนของเขาตายไปหลายคนเพราะภาพลวงตาของนาฬิกา ตัวเขาเองก็แทบจะหมดพลังแล้ว
หากทั้งสองคนยังมีพลังเต็มที่ งั้นโลกนี้อาจจะถูกทำลายเพราะการต่อสู้ของทั้งสองคนก็เป็นได้
ชูหยุนไม่ได้สนใจการต่อสู้รอบตัว เธอยังคงเดินเข้าไปหาลูกปัดเรื่อย ๆ
“ไม่ ! ” หวังเย่าตะโกนออกมา ตอนที่ฉิงจีกับเชินสิ่วยังสู้กันอยู่นั้น อยู่ ๆ เขาก็ได้พุ่งเข้าไปหาลูกปัดทันที
“เด็กน้อย นายคิดจะมีเรื่องกับฉันสินะ ? ” ฉิงจีคิ้วขมวด
“ลูกปัดนั่นเป็นของฉัน ! ” เชินสิ่วก็ตะโกนออกมา
หวังเย่ายังไม่ทันได้ตอบกลับ ทั้งสองก็พุ่งเข้ามาหาเขา
เมื่อหวังเย่าได้สติก็พบว่ามือของทั้งสองคนกำลังจับมือของเขาเอาไว้อยู่
ตอนนั้นฝ่ามือของทั้งสามคนต่างก็ระเบิดพลังออกมา
“ฉันจะทำลายลูกปัดนี่ ฉันไม่คิดจะยกมันให้กับพวกนายทั้งสองคนอย่างแน่นอน” หวังเย่ากัดฟันแน่นแล้วตะโกนออกมา เขากำลูกปัดไว้ในมือพร้อมกับใช้พลังทั้งหมดเพื่อทำลายมัน
ฉิงจีและเชินสิ่วคิ้วขมวด ทั้งสองคนต่างก็พากันลนลาน พวกเขาต้องหาทางหยุดหวังเย่าเอาไว้
ตอนนั้นพลังของทั้งสองคนถือว่าเทียบเท่ากันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
ตอนที่ทั้งสามคนยื้อกันอยู่นั้นก็มีคนที่สี่เดินเข้ามา
ชูหยุนมองไปที่ลูกปัดในมือหวังเย่าแล้วเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอยกมือขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปหาลูกปัด
“ไม่ ชูหยุน เธอนี่มันโง่จริง ๆ ตื่นได้แล้ว ! ” หวังเย่าตะโกนบอกกับชูหยุน
ถึงอย่างนั้นมือของชูหยุนก็ยังยื่นมาที่มือของหวังเย่าอยู่
หวังเย่ารู้สึกได้ถึงความเย็น แม้ว่ามือของเขากับฉิงจีและเชินสิ่วจะจับกันอยู่ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มเย็นจากมือของชูหยุน
“ตื่นได้แล้ว..”
มือของทั้งสี่คนต่างก็แย่งเอาลูกปัดนั่นก่อนที่สุดท้ายหวังเย่าจะได้ลูกปัดนั่นไป
“นาฬิกา ! ” หวังเย่ารีบตะโกนบอกกับนาฬิกา นาฬิกานี่หิวโหยพลังงานมานานแล้ว มันรีบดูดซับพลังของลูกปัดนั้นเข้าไปทันที
นาฬิกาปรากฏตัวขึ้นบนหัวของทั้งสี่คน พร้อมกับเสียงกลไกการทำงานของมันที่ดังขึ้นมา
แกร๊ก แกร๊ก…
หลังจากที่ดูดซับพลังงานเข้าไปแล้ว เข็มบนนาฬิกาก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เข็มนาทีของมันหมุนวนด้วยความเร็วสูงพร้อมกับก่อให้เกิดลมอันรุนแรงขึ้น
ครืน…
นาฬิกาสั่นไหวราวกับว่ากำลังจะพัง
สุดท้ายในตอนที่ทุกคนคาดไม่ถึงนั้น นาฬิกากลับระเบิดแล้วแตกออกเป็นชิ้น ๆ
ครืน !
ตอนนั้นทุกคนต่างก็รู้สึกชาที่แขน เมื่อได้สติกลับมาพวกเขาก็พบว่าแผ่นดินเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทั้งสี่คนล้มลงไปกับพื้นทันที
ตูม ตูม ตูม !
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่ทั้งสี่คนจะตกลงไป
หวังเย่ารู้สึกปวดไปทั้งตัว เขาลืมตาขึ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวแล้วพบกับโลกใบใหม่เข้า
“นี่มันอะไร ? ” หวังเย่าลุกขึ้นนั่งและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันแจ่มใส่และเมฆสีขาวที่ลอยไปมา
ท้องฟ้าที่แจ่มใสพร้อมกับต้นหญ้าที่พัดไปมาตามสายลม
นี่คือโลกที่งดงามเหมือนกับโลกอีกมิติที่เขายึดเอาไว้ มันไม่มีอะไรปนเปื้อน มันคือโลกที่เงียบสงบ
แต่นี่ไม่ใช่โลกที่เขายึดมา เขายังได้ยินเสียงคลื่นซัดเข้าหาโขดหินดังขึ้นจากที่ไกล ๆ
“เกาะ ! ”
“นี่มันที่ไหน ? ” หวังเย่าลุกขึ้นยืนและมองออกไปทางทะเล เขายืนอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ และมองออกไปรอบตัว
กริ๊ง !
เสียงนาฬิกาเดินดังขึ้นในหูของหวังเย่า
หวังเย่าสะดุ้ง ก่อนที่จะรีบหลับตาและตรวจสอบในหัวตัวเอง และพบว่าตอนนี้นาฬิกานั้นอยู่ในความคิดของเขา
“นี่…”
“ฉันรวมร่างกับมัน ! ”
มันไม่เหมือนกับนาฬิกาก่อนหน้านี้ การดูดซับพลังงานเข้าไปทำให้มันพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างมาก
หวังเย่าเปลี่ยนการทำงานของนาฬิกาให้มันกลายเป็นนาฬิกาแบบตัวเลข
เวลาอ้างอิง ดาวโลก : วันพฤหัสบดี ที่ 20-10-2222 เวลา 17.52.00 นาฬิกา
เวลาท้องถิ่น มิติเกาะ : พิกัด 23° 33’N 08’W วันจันทร์ ที่ 20-04-2020 เวลา 10.00.00 นาฬิกา
หวังเย่ามองไปที่เวลาที่มันแสดงอยู่สักพัก ก่อนจะพบบางอย่างที่แปลกประหลาด เวลาของดาวโลกนั้นเดินช้ามานานแล้ว แต่เวลาที่นี่กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว
อัตราการเดินของเวลาที่นี่กับดาวโลกนั้นต่างกัน คือ 1 นาทีของดาวโลกเท่ากับ 1 ปีของที่นี่
“พระเจ้า ถ้าฉันออกไปช้าและอยู่ที่นี่สัก 100 ปี งั้นฉันก็จะกลายเป็นคนแก่ แต่ที่ด้านนอกนั้นผ่านไปแค่ 1 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น”
หวังเย่าเริ่มกังวล เมื่อก้มหน้าลงเขาก็พบกับลูกปัดที่ตกอยู่ใต้เท้าของตัวเอง
เขาหยิบลูกปัดนั้นขึ้นมา และคิดจะเก็บมันใส่ถุงมิติ แต่ตอนนั้นเขาก็พบว่าเขาไม่อาจจะทำได้
แม้แต่…ระบบก็ไม่อาจจะใช้งานได้ !
“เสี่ยวซวี ออกมา ! ” หวังเย่าลองเรียกอสูรของตัวเองออกมา แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก “ ฉันโดนขังอยู่ที่นี่งั้นหรือ ? ”
ถ้าเกาะนี้มีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นมา แม้ว่าหวังเย่าจะแข็งแกร่งแต่ถ้าเขาไม่มีอสูรคอยช่วย งั้นเขาก็ไม่กล้าบอกว่าจะเอาชนะมันได้
“ระบบก็ใช้ไม่ได้ มีแค่นาฬิกาอย่างเดียวที่ใช้งานได้ ! ” หวังเย่าเก็บลูกปัดใส่กระเป๋าและเริ่มออกตามหาว่าอีกสามคนที่เหลืออยู่ที่ไหน
“ฉันคงไม่ได้ถูกดึงมาที่นี่แค่คนเดียวหรอกนะ ฉันหวังว่าสามคนนั้นคงไม่เป็นอะไร”
อันที่จริงแล้ว หวังเย่า, ฉิงจีและเชินสิ่ว ไม่ได้เป็นศัตรูกัน เขาหวังว่าสองคนนั้นจะไม่ตาย นี่ไม่ต้องพูดถึงในเกาะนี้เลย หากชูหยุนและอีกสองคนตายไป..เหลือแค่หวังเย่าที่รอดมาได้ งั้นไม่ต้องเดาเลยว่าเขาจะโดดเดี่ยวแค่ไหน
หากเป็นแบบนั้นเขาก็ขอตายไปด้วยเหมือนกัน !
หวังเย่าเดินไปในทุ่งหญ้าสักพักก่อนที่สุดท้ายจะพบว่านอกจากสัตว์ป่าที่อ่อนแอแล้ว มันไม่ได้มีอะไรที่เป็นภัยต่อ หวังเย่าเลย
เมื่อคิดแบบนั้นก็พบว่าคลื่นพลังลึกลับที่กระจายไปทั่วโลกมนุษย์นั้นไม่ได้มีอยู่ที่นี่ เพราะแบบนั้นจึงไม่มีอะไรที่เป็นภัยต่อเขา
หลังจากที่ได้ข้อมูลนี้มาแล้ว หวังเย่าก็ได้ตะโกนเรียกหาคนอื่น ๆ ในมือเขาถือมีดที่ทำขึ้นมาจากไม้ไผ่
หลังจากที่เดินทางอยู่สองชั่วโมงสุดท้ายเขาก็พบกับร่างหนึ่งบนต้นไม้สูง
นั่นคือผู้ชายที่ใส่กางเกงขาสั้นแค่ตัวเดียว กางเกงเขากำลังเกี่ยวกับกิ่งไม้อยู่ เขาเหมือนกำลังจะตกลงจากต้นไม้
ดูไปแล้วน่าตลกจริง ๆ
ถ้ากำไลมิติใช้ได้ เขาคงเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปอีกฝ่ายไว้แล้ว
บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคต
หวังเย่าไปช่วยฉิงจีลงมาจากต้นไม้ แต่ไม่นานเขาก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา
ฉิงจีได้รับบาดเจ็บหนัก ด้วยการที่โดนนาฬิกาสูบพลังไปนั้น ตอนนี้เขาหน้าซีดอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน
“คนแก่อย่างคุณจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ยังไง เมื่อมีคนอย่างผมอยู่ด้วย ? ”
โชคดีที่เกาะนี้มีทรัพยากรมากมาย มันมีสมุนไพรหายากที่แม้แต่ในโลกมนุษย์ก็ยังไม่มี
ไม่นาน หวังเย่าก็เจอกับสมุนไพรที่รักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ เขานำมันมาทำยาก่อนจะป้อนให้กับฉิงจี
ฉิงจีนั้นมีพลังชีวิตที่สูงจริง ๆ เมื่อกินยาที่หวังเย่าทำให้ ไม่นานเขาได้สติขึ้นมา “หิว…ฉันหิว…”
หวังเย่ารีบไปเก็บผลไม้มาให้กับฉิงจี ฉิงจีลุกขึ้นมากินมันก่อนที่สุดท้ายจะหลับไปอีกรอบ
หวังเย่าลุกขึ้นยืนก่อนจะมองไปรอบ ๆ จากนั้นเขาก็หลับตาลงมองนาฬิกาในหัวตัวเอง มือของเขาส่องแสงออกมาก่อนที่เขาจะใช้มีดในมือวาดเส้นวงกลมขึ้น
ฉิงจีได้นอนอยู่ในวงกลมนั้น
“กลับเป็นว่าฉันเชี่ยวชาญภาพลวงตาขึ้นมา ! ” หวังเย่าแปลกใจอย่างมากกับความสามารถที่เขาได้รับมานี้
ด้วยภาพลวงตานี้ สัตว์ทั่วไปก็ไม่อาจจะเห็นฉิงจีได้ พวกมันไม่อาจจะเป็นภัยต่อฉิงจีแม้ว่าจะปล่อยให้เขานอนอยู่ที่นี้
เมื่อจัดการเสร็จ หวังเย่าก็ได้ออกเดินทางเพื่อตามหาอีกสองคนที่เหลือ
จุดที่หวังเย่าโผล่มาคือทางตะวันออกของเกาะ เขาเดินหน้าไปทางเหนือข้ามภูเขาไปเรื่อย ๆ จนประมาณบ่าย 3 โมง เขาก็พบกับบางอย่างที่หน้าโขดหินทางเหนือ
เชินสิ่วยังแสดงสีหน้าโกรธจัดออกมาพร้อมกับมือที่กำหินเอาไว้แน่น ไม่คิดจะยอมปล่อยไปไหน
คลื่นซัดเข้าอัดที่แผ่นหลังของเขา แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือไปไหนเลย
“สองคนนี้แปลกจริง ๆ พวกนี้มีพลังชีวิตที่สูง ถ้าเป็นคนธรรมดากลัวว่าคงโดนฝังใต้ทะเลไปแล้ว”
หวังเย่าจับข้อมือของเชินสิ่วเอาไว้ แล้วพยายามดึงขึ้นมาแต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะปล่อยมือจากหิน
“เฮ้ย นี่นาย ปล่อยมือได้แล้ว”
หูของเชินสิ่วกระดิกไปตาม เมื่อได้ยินเสียงคน แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“เฮ้ ฉันมาช่วยปล่อยมือได้แล้ว” หวังเย่าตะโกนขึ้นมา
สีหน้าของเชินสิ่วบิดเบี้ยวไป ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยมือ จากนั้นหวังเย่าก็ลากเชินสิ่วกลับขึ้นมาได้
หวังเย่านอนหอบหายใจอยู่แล้วพูดขึ้น “ นายบอกที เพื่อลูกปัดนี่แล้ว ไม่ใช่แค่ต้องเสียเพื่อนไป 4 คน แต่ตัวเองยังเกือบต้องมาตายที่นี่ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ? ”
เชินสิ่วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วพึมพำออกมา “นายไม่เข้าใจหรอก …”
“หือ นายตื่นแล้วสินะ ถ้านายตื่นแล้วก็ลุกขึ้นเดินเองก็แล้วกัน” หวังเย่าเตรียมพร้อมที่จะเดินทางต่อก่อนจะหันกลับไปมองเชินสิ่ว “ไม่ต้องนอนต่อ รีบลุกขึ้นได้แล้ว”
ผ่านไปสักพักเชินสิ่วก็ยังไม่ขยับตัว ดูเหมือนว่าเขาจะสลบไปแล้ว
“ฉันจะไปแล้วนะ ! ” หวังเย่าเตะเชินสิ่วเบา ๆ แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายยังหลับตาอยู่เหมือนเดิมไม่ขยับเขยื้อน
“ก็ได้ ฉันจะถือว่านายเป็นหนี้ฉันก็แล้วกัน ! ” หวังเย่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแบกเชินสิ่วขึ้นมา เขาไม่อยากทิ้ง เชินสิ่วไว้แบบนี้
เชินสิ่วนั้นสูงไม่น้อยกว่า 230 เซนติเมตร ไม่ได้อ้วนรึผอม คนตัวใหญ่แบบนี้นั้นทำให้หวังเย่าต้องลำบากจริง ๆ
หวังเย่าแบกเชินสิ่วขึ้นไหล่ราวกับแบกของหนัก ก่อนจะพาเชินสิ่วเดินทางกลับไปที่ที่ฉิงจีอยู่ก่อนหน้านี้
ตอนนี้คู่ปรับสองคนกลับต้องมานอนข้างกัน หวังเย่าไม่ได้กลัวว่าทั้งสองจะตื่นมาสู้กันอีก และตอนนี้เรื่องสำคัญคือเขาต้องตามหาว่าชูหยุนอยู่ที่ไหน
ในกลางดึกคืนนั้นได้มีพายุก่อตัวขึ้นมา
เสียงของน้ำทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังไกลถึงใจกลางเกาะ ฝนเม็ดใหญ่เทลงมาเสียงดังสนั่น
จนถึงตอนนี้ หวังเย่าก็ยังไม่รู้ว่าชูหยุนอยู่ที่ไหนกันแน่ มันทำให้เขากังวลเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับสภาพอากาศในตอนนี้แล้ว ก็ทำให้หวังเย่าไม่กล้าแม้แต่จะพัก
ยังไงซะชูหยุนก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับฉิงจีและเชินสิ่ว หากประมาท เธอก็อาจจะบาดเจ็บหนักได้