ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 529 : ออกเดินทาง
ตอนที่ 529 : ออกเดินทาง
ทั้งมิติสั่นไหวอย่างรุนแรง ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดผู้คนก็ได้เห็นร่างขนาดใหญ่ที่ราวกับเทพส่องแสงสว่างจ้าออกมา
ชูหยุนถูกรายล้อมด้วยนักสู้จากหัวเซี่ยพร้อมกับหวังเย่าที่คอยอยู่ข้าง ๆ
หวังเย่ามองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยความกังวลเมื่อเห็นเม็ดเหงื่อนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาที่หน้าผากของเธอ
มิติใหม่นี้ปิดสนิทแล้วตอนนี้ชูหยุนได้ใช้พลังของหินกฎในการเคลื่อนย้ายมิตินี้ออกไป มันไม่ได้เชื่อมต่อกับเส้นตัดมิติอีก มันได้แยกตัวออกจากโลกเดิมไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
มันคือภารกิจที่สำคัญ ชูหยุนไม่ใช่แค่สร้างดาวเคราะห์ขึ้นมา แต่ยังต้องหาวงโคจรรอบระบบสุริยะที่เหมาะให้กับมันอีกก่อนจะปรับวงโคจรให้กับมัน ในฐานะเจ้าของดาวเคราะห์นี้ นี่คือความสามารถของผู้กำเนิด มันถือว่ามันเป็นกฎของจักรวาล
สุดท้ายทุกคนก็รู้สึกว่าท้องฟ้านั้นเริ่มสว่างขึ้น แต่ทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับแสงอาทิตย์จากทางตะวันตก
“สำเร็จแล้ว ! เราได้ดาวเคราะห์ดวงใหม่แล้ว ! ”
ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันลุกขึ้นยืนและมองไปยังแสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามา ที่พื้นดินเริ่มมีเงาของคนนับไม่ถ้วนทอดไปตามพื้นดิน พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์และยกมือบังแสงเอาไว้ “ เรารอดแล้ว ! ”
“ไม่มีก๊าซลึกลับแล้ว ! ”
“ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมแล้ว ! ”
“เราอยู่ในโลกใหม่”
ทุกคนพากันโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
หวังเย่ามองไปยังผู้คนโดยรอบก่อนจะมองไปที่พื้น จากนั้นก็มีข้อมูลส่งเข้ามาในหัวของเขาชื่อ : ดาวเย่าเวลาเดินทางรอบดวงอาทิตย์ : 475 วันเวลาหมุนวนตัวเอง : 24 ชั่วโมงระดับ : 90 (สามารถสร้างแก่นสัตว์อสูรขึ้นมาได้)กฎของโลก : สมบูรณ์หวังเย่ามองไปที่แผ่นพลังของชูหยุนก่อนที่เธอจะหันกลับมายิ้มให้กับเขา
“ทำไมมันถึงถูกเรียกว่าดาวเย่า ? ”
“เพราะพี่เป็นดาวที่สว่างที่สุดในชีวิตของฉัน” ชูหยุนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“เอาแบบนั้นเลยหรือ ? ”
“จะเอาอะไรอีก ?”
แสงแดดสาดเข้ามาที่หน้าชูหยุนซึ่งทำให้เธอดูสดใสขึ้นมา
หวังเย่าจับมือเธอไว้แน่น
“พี่เย่า ฉันเห็นลูกของเรา แม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่มีลูก แต่ฉันก็รู้ว่าหน้าตาของเขาจะเป็นยังไง”
หวังเย่าดีใจอย่างมากและถามขึ้นมา “ผู้ชายรึผู้หญิง”
ชูหยุนซบที่อกของหวังเย่าแล้วพูดขึ้นอย่างอาย ๆ “ ผู้ชาย”
“งั้นหรือ ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ผู้คนโดยรอบเห็นว่าชูหยุนไม่ได้เป็นอะไร พวกเขาจึงพากันแยกย้ายออกไปเหลือแค่คนรู้จักไม่กี่คนที่เดินเข้ามาหาพวกเขา
“ชูหยุน รบกวนเธอมากจริง ๆ ” ผู้คนพูดขึ้นมา
ชูหยุนหันไปหาทุกคนและพูดขึ้น “ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย ฉันทำในสิ่งที่ควรทำ”
ไป๋เฟยเฉิงถามขึ้นมา “ตะกี้ฉันได้ยินที่เธอพูดมา เธอน่าจะดูแลตัวเองเพื่อลูก สำหรับหวังเย่าแล้ว…นายสนใจจะเป็นประธานาธิบดีของหัวเซี่ยรึเปล่า ? ”
“ใช่ ในฐานะเจ้าของดาวนี้แล้ว นายที่เป็นสามีเธอนั้นมีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้นำของที่นี่”
“ใช่ ” ทุกคนต่างก็เห็นด้วย
หวังเย่ารีบโบกมือ “ไม่เอาน่า ให้ผมทำหน้าที่ของการเป็นทหารก็พอ แต่การที่ให้ผมดูแลประเทศนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ผมไม่ได้มีความสามารถพอ ผมทำไม่ได้”
ในฐานะผู้ปกครองของหวังเย่า หลี่ว่านเฟิงก็พูดขึ้นมา “เรื่องของชาติ เขายังไม่มีความสามารถพอ ฉันรู้สึกว่าสำหรับสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฉันว่าผู้ตรวจสอบสูงสุดนั้นเหมาะสมกว่า เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะหาผู้นำคนใหม่ ระหว่างนี้ตำแหน่งผู้นำจะเป็นของผู้ตรวจสอบสูงสุด ฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้”
เฉี่ยนเจินเฉียนพยักหน้า “ฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอของน้องหลี่”
ทุกคนยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีคนหนึ่งเดินออกมา
“เสี่ยวซวี ! ” หวังเย่าแปลกใจเป็นอย่างมาก เขาหาเสี่ยวซวีไม่เจอมาสักพักแล้ว ตอนแรกเขาคิดว่าชูหยุนได้ใช้พลังมิติปิดกั้นความสามารถของอสูรมิติเอาไว้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่
เสี่ยวซวีอยู่ในร่างของสาวน้อย เธอเดินเซไปเซมาเข้ามาหาหวังเย่า ก่อนจะล้มลงในอ้อมแขนของหวังเย่า
“นายท่าน อย่าโทษเสี่ยวซวีนะ” เสี่ยวซวีดูอ่อนแออย่างมาก สายตาของเธอดูพร่ามัวลงไปเรื่อย ๆ
“เสี่ยวซวี เธอเป็นอะไรไป ? ”
เสี่ยวซวีแทบลืมตาไม่ได้ เธอมองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น “ข้าได้ฉีกมิติออกและเจอพี่จ้าวและพี่ฟ่าน”
“อะไรนะ ! ”
ทุกคนพากันมองเสี่ยวซวีด้วยความกังวล
“ พี่จ้าวนั้นไม่ได้บาดเจ็บ เธอแค่โดนหนวดนั่นรัดเอาไว้ ฉันได้ใช้เลือดตัวเองเพิ่มพลังทำให้เธอหลุดออกจากหนวดนั่น ฉันไม่อยากให้หนวดนั่นรู้ตัว ดังนั้นฉันจึงโยนพี่จ้าวเข้าไปในมิติอื่น”
“นี่…แล้วฟ่านฉิงเหมยล่ะ ? ”
เสี่ยวซวีสูดหายใจเข้าลึก ๆ “นางโดนหนวดนั่นจับไป ข้าใช้เลือดที่เหลือห่อหุ้มตัวนางเอาไว้…นางไม่น่าจะตายในเวลา 200-300 ปี”
“นี่…”
เสี่ยวซวีเสียงสั่นเครือ “นายท่าน เสี่ยวซวีต้องไปแล้ว …ข้าไม่อาจจะอยู่กับนายท่านได้อีกต่อไป..นาย..นายท่านต้องไม่ตาย”
แกร๊ก !
สุดท้ายร่างของเสี่ยวซวีก็แตกสลายและหายไปในอากาศ
“เสี่ยวซวี ! ” หวังเย่าตะโกนออกมาและทรุดลงไปกับพื้น
ทุกคนพากันมองไปที่หวังเย่า การเผชิญหน้ากับหนวดปีศาจนั่นทำให้อสูรมิติบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ งั้นมนุษย์คงไม่อาจจะทำอะไรได้แน่
มนุษย์นั้นอ่อนแอเกินไป ในจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้พวกเขาไม่ต่างอะไรจากมดปลวกที่ได้แต่รอวันตาย
ไป๋เฟยเฉิงมองไปที่หวังเย่าซึ่งนั่งตัวสั่นอยู่กับพื้น เขารู้สึกได้ว่าหวังเย่านั้นเจ็บปวดและสิ้นหวังแค่ไหน
เขาเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น ๆ ก่อนจะกำหมัดแล้วพูดขึ้นมา “หวังเย่า นายจะทิ้งความสบายในตอนนี้ไปที่ดาวนิบิรุรึเปล่า ? ”
หนึ่งในดาวที่แข็งแกร่งในตอนนี้ นิบิรุเป็นดาวเคราะห์ระดับ 200 ในจักรวาล มันสามารถให้กำเนิดสัตว์อสูรระดับเลเวล 200 ขึ้นมาได้
ตั้งแต่หวังเย่าบอกว่ามนุษย์มีต้นกำเนิดมาจากพวกนั้น แต่คนส่วนมากคิดว่ามันเป็นแค่ตำนานเท่านั้น
ในจักรวาลนี้อายุขัยของมนุษย์น่ะสั้นเกินไป
การได้อยู่ในที่ที่สงบนี้ก็ถือว่าดีแล้ว แต่มันจะส่งผลดีอะไรต่ออนาคตของพวกเขา ?
เมื่อมันมีหายนะ มนุษย์ก็ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้
การปรากฏตัวของก๊าซลึกลับนั้นทำให้ต้นไม้และสัตว์เกิดการกลายพันธุ์ ทุกคนต้องอยู่ในความกังวล นอกจากที่ปลอดภัยแล้ว พวกเขาไม่กล้าที่จะเดินทางไปที่ไหน
ตอนนี้มนุษย์ได้มายังดาวเคราะห์ดวงใหม่แล้ว มันไม่มีก๊าซลึกลับอยู่ สุดท้ายพวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตสงบสุข ใครบ้างที่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง ?
เมื่อเห็นสีหน้าโศกเศร้าของหวังเย่า ชูหยุนก็คุกเข่าลงไปกอดเขาเอาไว้แน่น
“พี่เหยา นายคิดยังไงก็ทำแบบนั้นเถอะ ความหวังในชีวิตฉันถูกเติมเต็มแล้ว ฉันไม่รู้สึกเสียดายแล้ว”
ไป๋เฟยเฉิงมองไปที่หวังเย่า “ในฐานะนักสู้แล้ว ภารกิจของเรายังไม่จบ หนวดนั่นเข้ามาในระบบสุริยะแล้ว เราคงอยู่ในช่วงเวลาสงบสุขได้ไม่นาน”
“เพื่อความมั่นคงของมนุษย์ หวังเย่า นายอยากจะสู้ในนามของมนุษย์รึเปล่า ? นายอยากจะไปสู้กับสงครามที่ไม่รู้จบรึเปล่า ? ”
หลี่ว่านเฟิงกัดฟันแน่น “นายบอกไม่ใช่รึไงว่าเชินสิ่วได้ทิ้งเกราะให้กับนาย ? ตอนนี้มันแค่ขาดพลังงาน ตราบใดที่นายตกลง ฉันจะยอมสละอสูรของฉันทั้งหมดเพื่อช่วยให้นายเดินทางไปดาวนิบิรุ”
“ฉันเองก็จะช่วยนายด้วย” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้นมา
“ฉันด้วย”
“ฉันด้วย”
นักสู้ระดับสูงทุกคนต่างก็พากันพูดขึ้นมา แต่พวกเขารู้ดีว่าที่พวกเขาพูดมานั้นหมายถึงอะไร
การต่อสู้ของจักรวาลนั้นอันตรายอย่างมาก บางทีทุกอย่างอาจจะเสียเปล่า พวกเขาอาจจะเสียเพื่อนของพวกเขาไป
บางที..เพื่อนพวกเขาอาจจะทำสำเร็จ แต่…อาจจะไม่มีใครอยู่จนเห็นวันนั้นได้ !
“พวกคุณ…” หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตาและมองไปรอบ ๆ
ผู้ชายก็ร้องไห้ได้ นี่ไม่ต้องนับหวังเย่าเลย
ไป๋เฟยเฉิงพยุงหวังเย่าขึ้นก่อนจะตบไหล่เขา “นายพักก่อนเถอะ ปัญหาเรื่องพลังงานของเกราะนั้น พวกเราจะจัดการเอง” เขาหันไปมองทุกคนก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากที่นั่นไป
ในศูนย์วิจัยชั่วคราว
จอด้านหลังได้แสดงให้เห็นถึงสัตว์อสูรชนิดต่าง ๆ
“การสนับสนุนหวังเย่าถือว่าเป็นการพัฒนามนุษย์ในระยะยาว ฉันจะไม่สนใจเหตุผลอื่น”
“วันนี้เราจะยืนหยัดเพื่อหวังเย่า”
“ฉันจะไม่พูดไร้สาระ ฉันจะไม่ให้พวกนายต้องตายเปล่า ฉันวางแผนเอาไว้แล้ว”
“ตามการศึกษาของเราก่อนหน้านี้แล้ว โลกปนเปื้อนก๊าซลึกลับ ตอนนี้เรามีตัวอย่างดีเอ็นเอของสัตว์อสูร 90 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าที่นี่จะไม่มีสัตว์อสูร แต่เราก็สามารถสร้างมันขึ้นมาโดยการโคลนนิ่ง”
“และสัตว์อสูรนั้นเกิดขึ้นมาจากดีเอ็นเอที่เราได้เก็บมา มันจะไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้มากนัก แต่ก็เป็นมิตรต่อมนุษย์และเลี้ยงให้เชื่องได้ง่าย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็พากันตื่นเต้นกับข่าวนี้ !
“สัตว์อสูรของพวกนายจะไม่หายไปเปล่า ๆ นักวิจัยของเราจะเก็บดีเอ็นเอของสัตว์อสูรเอาไว้ แล้วจะคืนสัตว์อสูรที่แกร่งกว่าให้กับพวกนาย แต่มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะพัฒนามันให้มาอยู่ระดับเดิมได้” ไป๋เฟยเฉิงบอกกับทุกคน
“ตามที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ ในฐานะผู้ใช้อสูรแล้ว ภารกิจของเรายังไม่จบ ตามที่นักวิจัยได้วิเคราะห์เส้นตัดมิติแล้ว การที่หนวดนั่นบุกรุกเข้ามา มันทำให้กฎของดาวเคราะห์พังลง”
“หากทั้งจักรวาลเหมือนกับร่างกายของเรา งั้นดาวเคราะห์ก็เป็นเหมือนกับเซลล์ในตัว”
“มันยากที่เซลล์ทั่วไปจะรับมือกับการรุกรานของเนื้อร้ายนี้ได้ หนวดนั่นได้หาจุดอ่อนของจักรวาลและได้ใช้ก๊าซลึกลับเพื่อทำให้เซลล์นั้นไม่อาจจะจับมันได้ ก่อนที่สุดท้ายจะลอบเข้ามาโจมตี”
“เส้นตัดมิติก็เหมือนกับเข็มที่แทงเข้ามาในดาวเคราะห์ ”
“ผู้ใช้อสูรของเราต้องรับหน้าที่ในการปกป้องดาวนี้เอาไว้ เราจะคอยตรวจสอบมิติโดยรอบ หากพบกับเส้นตัดมิติ เราจะทำการกำจัดมันทันที ! ”
“เข้าใจแล้ว ! ”
หวังเย่าและชูหยุนได้ไปนั่งอยู่บนเนินเขา ทั้งสองจับมือกันไว้แน่น
ลมตอนเย็นค่อย ๆ พัดผ่านจนทำให้หวังเย่าได้กลิ่นตัวของชูหยุนลอยมาตามลม
“พี่เย่า พี่ว่าลูกของเราควรจะชื่ออะไรดี ? ”
“ให้ฉันตั้งชื่อรึว่าเราจะมีลูกอีกคนดี” หวังเย่าหัวเราะออกมา
ชูหยุนมองไปบนท้องฟ้าและพึมพำออกมา “รึว่าจะตั้งชื่อว่า หวังเต๋า ? ”
“หวังเต๋า ..” หวังเย่านึกถึงช่วงเวลาบนเกาะ
“มันเป็นชื่อที่ดีและน่าจดจำ งั้นตั้งชื่อเขาว่าหวังเต๋าก็แล้วกัน”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องชอบ” ชูหยุนหัวเราะออกมา
หวังเย่ายิ้มและลูบหัวเธอก่อนจะเอามือจับของหวังเย่าไปวางที่ท้องของเธอ “น่าเสียดายที่ฉันไม่เห็นตอนที่ลูกเกิด..เธอต้องดูแลตัวเองและลูกให้ดี”
“อืม” ชูหยุนซบไปที่ไหล่ของหวังเย่าพร้อมน้ำตาที่ซึมออกมา
หวังเย่าถามขึ้นมา “ใน 10 ปีเธอจะเป็นหนึ่งเดียวกับโลกนี้ เธอกลัวรึเปล่า ? ”
ชูหยุนเงยหน้าขึ้นและพูดขึ้น “ฉันไม่กลัวโชคชะตาของตัวเองหรอก แต่ฉันกลัว…ว่าจะไม่ได้เจอพี่อีกต่างหาก”
หวังเย่ามองไปที่ชูหยุนพร้อมเช็ดน้ำตาให้กับเธอ “เด็กน้อย”
“ผ่านไปพันปี พี่จะจำฉันได้ไหม ? ” ชูหยุนถามขึ้นมา
หวังเย่าใจสั่น เขากอดชูหยุนเอาไว้แน่น ก่อนจะพูดออกมาว่า “จำได้สิ ชื่อเธอจะอยู่ในใจฉันตลอดไป จนวันสุดท้ายที่ฉันตาย ฉันก็จะจำชื่อเธอ”
3 วันต่อมา หวังเย่าก็ได้ใส่เกราะและยืนอยู่บนลาน
ไป๋เฟยเฉิงได้ส่งหินพลังงานให้กับหวังเย่า เขายัดมันเข้าใส่ที่อกก่อนที่เกราะจะส่องแสงสว่างขึ้นมา
“หวังเย่า นายต้องรอดให้ได้ เราหวังว่านายจะกลับมา” ไป๋เฟยเฉิงยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ “ไม่สิ ลูกหลานของเราหวังว่านายจะกลับมา”
“คุณพูดเรื่องอะไรกัน ผมเชื่อว่าด้วยความก้าวหน้าของเราแล้ว เราจะกลับมาใช้สัตว์อสูรได้อีก”
“อย่าเรียกฉันว่าคุณเลย เรียกฉันว่าลุงไป๋ก็พอแล้ว” ไป๋เฟยเฉิงพูดขึ้น
“ได้ ลุงไป๋ ! ”
“ฮ่าฮ่า..เด็กโง่”
“การวิจัยของเราได้บอกว่าอสูรในดาวเคราะห์นี้เติบโตได้สูงสุดเลเวล 90 อายุขัยอยู่ที่ 300 ปี มากสุดไม่เกิน 500 ปี”
“ความหวังเดียวของฉันตอนนี้คือตอนที่นายกลับมาในอนาคต นายไม่มาเต้นบนหลุมศพของฉันก็พอแล้ว”
ทุกคนพากันหัวเราะออกมา
“หวังเย่า ตอนที่นายกลับมา นายต้องไปหาลูกหลานของเราและบอกสิ่งที่พวกบรรพบุรุษได้ทำไป ! ” เฉี่ยนเจินเฉียนหัวเราะออกมา
“ได้ ” หวังเย่าตอบกลับ
หลี่ว่านเฟิงเดินอออกมาตบไหล่หวังเย่า “หวังเย่า นายคือความภาคภูมิใจของฉัน ! ”
ชาโรน่าเดินเข้ามาเธอพูดขึ้นด้วยภาษาจีน “สิ่งเดียวที่น่าเสียดายในชีวิตฉัน คือการที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับนาย…. ”
ตี้เวยจื๊อถอดหน้ากากออกและพูดขึ้น “หวังเย่า เราก็ไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ดูจากสิ่งที่นายทำเพื่อทุกคน ฉันก็พร้อมที่จะนอนกับนาย ! ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็เหงื่อตก
สุดท้ายเมื่อบอกลากับทุกคนแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้จักคนมากนัก แต่ก็ทำให้หวังเย่าต้องสลดอยู่ดี
“ดูแลตัวเองด้วย ฉันจะไปแล้ว ! ” หวังเย่าโบกมือลาทุกคนก่อนจะเปิดใช้งานเกราะแล้วเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปบนท้องฟ้า
หวังเย่าอยู่ห่างจากพื้นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
“ชูหยุน ฉันรักเธอ ! ”
หวังเย่าพึมพำออกมาพร้อมกับพุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศออกไปในจักรวาลไกลออกไปนั้นดาวนิบิรุกำลังหมุนวนโดยมีดวงดาวที่ราวกับแขนอยู่โดยรอบ
ในจักรวาลนั้นเงียบงัน
หวังเย่าปรับท่าการบินและมุ่งหน้าไปที่นั่น
ในตอนที่เขาบินผ่านดวงดาวไป เขาก็เห็นเปลือกบางอย่างที่มีบางอย่างรูปร่างคล้ายกับเถาวัลย์พันไว้แน่น เถาวัลย์นี้ยื่นออกมาจากเปลือกนั้นและเพื่อบดบังเส้นทางในมิติภายนอกเอาไว้
เถาวัลย์ที่หนากว่าเถาวัลย์ในโลก ในตัวมันมีน้ำสีเขียวไหลไปมาทำให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้หวังเย่าตกใจที่สุดคือ หวังเย่ารู้สึกได้ถึงพลังอาฆาตของมัน
ไม่นานเถาวัลย์นั้นก็รู้ว่าหวังเย่าบินผ่าน มันได้ทำการโล่ตามหวังเย่าไปทันที
“เตือน ได้รับการโจมตี”
ระบบในเกราะได้ทำการส่งสัญญาณเตือนให้กับหวังเย่า
เถาวัลย์อย่างน้อยหมื่นอันได้ไล่ตามหวังเย่าจากทุกทิศทาง
“ฉันต้องหนี” หวังเย่าปรับความเร็วทันที แต่ชัดแล้วว่าความเร็วสูงสุดของชุดนี้อยู่ที่ 1.2 เท่าของความเร็วแสง
เถาวัลย์นั้นเริ่มบางลงและเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นว่าสลัดเถาวัลย์นั่นหลุดแล้ว หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่ตอนนั้น หวังเย่ากลับพบกับดอกไม้ที่มีปากขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามาหวังจะกัดเขา
หวังเย่าปรับทิศทางการบินก่อนจะพุ่งไปด้านหลังมันแล้วใช้ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา !
ตูม !
แสงส่องประกายขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นมา ตอนนั้นปากของดอกไม้กลับถูกฉีกขาดออกจากกัน
แรงระเบิดนี้ทำให้หวังเย่าช้าลงไปด้วย
ตอนนั้นกลับมีแส้ได้ฟาดเข้ามาที่หลังของหวังเย่าจนทำให้เขาเลือดไหลออกมา
“ พระเจ้า ฉันตายไม่ได้จนกว่าจะถึงจุดหมาย”
ในตอนที่หวังเย่าช้าลงนั้น เถาวัลย์นับไม่ถ้วนก็รวมตัวกันเป็นแหขนาดใหญ่เพื่อจับหวังเย่าเอาไว้
“จบแล้ว ! ฉันต้องตายแน่ ๆ !” ในตอนนั้นเอง หวังเย่าไม่ทันได้เรียก แต่อสูรในกำไลก็ได้ออกมาปกป้องหวังเย่าเอาไว้
การ์ฟิลด์ หงอคง ตือโป๊ยก่าย !
“พวกแกบ้าไปแล้วรึไง ! ” หวังเย่าตะโกนออกมา
สัตว์อสูรทั่วไปไม่อาจจะสู้ในจักรวาลได้ ในสภาพแวดล้อมแบบนี้แล้ว พลังของพวกมันก็ถูกจำกัดไว้อย่างมาก
ตอนที่หวังเย่ายังไม่ทันได้ตั้งตัว ตือโป๊ยก่ายก็ได้ปรากฏตัวที่อกของเกราะแล้วถีบหวังเย่าออกไป ส่วนตัวเองนั้นต้องกลายเป็นอาหารแทน
“ไม่…”
ไกลออกไปนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้น ตอนนั้นหวังเย่ารู้สึกราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
อสูรที่อยู่กับเขาผ่านเรื่องลำบากมากมายมาด้วยกัน แต่กลับต้องมาสละตัวเอง
ถึงมันจะตายไป แต่พลังงานที่เหลือก็ยังกลับมาหาหวังเย่า
ตอนนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูหวังเย่า “นายท่าน เราจะอยู่ที่นี่ตลอดไป เราไม่ได้จากไปไหน”
ตอนนั้นในใจหวังเย่ามีแต่ความเจ็บปวด มิติภายนอกเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย
หวังเย่าบินออกมาได้หลายสิบปีจนเขารู้สึกชินชากับมันแล้ว
ระหว่างนี้พวกเขาได้พบกับการโจมตีหลายครั้ง เขารอดมาได้ แต่ตอนนี้ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าถูกใช้จนพลังงานหมดแล้ว
สุดท้ายเขาก็เข้าใจว่าทำไมเชินสิ่วถึงต้องอยู่ที่มิติของเผ่าชูมินานแบบนี้ เพราะการเดินทางมาที่นี่มันยากลำบากอย่างมาก
มันไม่อาจจะใช้โหมดบินอัตโนมัติได้ ฟังก์ชันการค้นหาก็ไม่อาจจะทำงานได้ แม้แต่ปืนก็ยังต้องใช้พลังงาน พลังงานที่ใช้นั้นมันสูงเกินไป
ในอีก 30 ปีแสง หวังเย่าต้องไปที่ดาวเคราะห์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อเติมพลังงาน
ในดาวเคราะห์สีฟ้าดวงหนึ่งที่ฐานกองทัพในห้องสังเกตการณ์
“ พบยูเอฟโอใกล้เข้ามา ยิงเลยรึไม่”
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นมาสามครั้ง ไม่นานก็มีมิสไซน์ถูกยิงออกมา
……….
เสียงสัญญาณเตือนได้ปลุกหวังเย่าขึ้นมา เขาลืมตาขึ้น ตอนนั้นเขาอยากจะด่าออกมา แต่กลับกระอักเลือดแล้วสลบไปแทน
“เป้าหมายโดนยิงแล้ว ขอให้สถานีอวกาศเก็บกวาดด้วย”
ไม่นานก็มียานหลายลำบินออกมาจากสถานีอวกาศ สิ่งที่อยู่ในนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหูเหมือนหมาจิ้งจอก !
ยานเหล่านั้นบินออกมาและเก็บเกราะที่มีหวังเย่าอยู่ด้านในก่อนจะบินกลับไปที่ดาวตัวเอง