ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 530 : ดาวจิ้งจอก
ตอนที่ 530 : ดาวจิ้งจอก
อากาศที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแต่ก็ยังมีกลิ่นหอมแฝงอยู่ มันเหมือนกับกลิ้นของยาแต่น้ำที่นี่น่ะสะอาดอย่างมาก
“หวังเย่า หวังเย่า ตื่นได้แล้ว”
มือคู่หนึ่งจับที่แขนของหวังเย่าเอาไว้และเขย่าตัวเขาเบา ๆ
หวังเย่าได้กลิ่นยาและพบว่าที่มือกับหัวของเขามีผ้าพันเอาไว้
เขาค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา จนกระทั่งเมื่อรู้ว่ามีคนเรียกเขาอยู่ เขาก็ตกตะลึงนิด ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้า ๆ
นี่มันที่ไหน ?
หวังเย่าลืมตาขึ้นและพบว่าตอนนี้สายตาของเขาพร่ามัว ภาพที่มองเป็นเงาทับซ้อนกันก่อนที่สุดท้ายสายตาเขาจะชัดขึ้น
รอบตัวเขามีแต่กำแพงสีขาว เพดานมีไฟสีส้ม เมื่อมองไปข้าง ๆ ก็เห็นคนคนหนึ่งนั่งอยู่ หวังเย่าทั้งแปลกใจและดีใจ ตอนนั้นเขาพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง
“ โอ้ ในที่สุดก็เจอเธอจนได้ ! ”
หวังเย่าร้องครางออกมาตอนที่ลุกขึ้นแล้วโดนแผลของตัวเอง
จ้าวเมิ่งซียังไม่ทันได้ตอบกลับ หวังเย่าก็ถามขึ้นมา “ที่นี่มันที่ไหน ? ทำไม..เธอถึงมาอยู่นี่ได้ ? ”
จ้าวเมิ่งซีร้องไห้ออกมาและมองหวังเย่าด้วยสีหน้าเจ็บปวด เธอยื่นมือเข้าไปจัดผมที่ยุ่งของหวังเย่าให้เรียบร้อย
“ที่นี่คือดาวทมิฬ นายอยู่ในอาการโคม่ามา 50 ปีแล้ว” เธอสะอื้นออกมา
“อะไรนะ ! 50 ปีเลยหรือ”
หวังเย่าตกใจ เมื่อเห็นกระจกที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เขาก็รีบหยิบมันขึ้นมาส่องดูสภาพของตัวเอง
“ฉันดูแก่ขึ้นเยอะแต่ดูไม่เหมือนอายุ 70-80 ปี อย่างมากก็แค่ 35-36 ปี หากเทียบกับที่โลก” หวังเย่าพูดขึ้นก่อนจะถามกับนาฬิกาในหัวเพื่อตัดสินเวลา
—ชื่อ : ดาวทมิฬเวลารอบดวงอาทิตย์ : 300 วันเวลาหมุนวนตัวเอง : 36 ชั่วโมงระดับ : 100(เพียงพอที่จะให้กำเนิดไข่สัตว์อสูรได้)—
มันผ่านมา 50 ปีตั้งแต่ที่เขาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดในตอนนั้น
เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของหวังเย่า จ้าวเมิ่งซีก็ได้อธิบายออกมา “ เกราะของนายบินผ่านดาวนี้โดยไม่ได้รายงานต่อกองทัพทมิฬ ดังนั้นนายเลยโดนยิง บวกกับการที่เกราะเสียหายรุนแรงอยู่แล้ว การป้องกันของนายจึงลดลงอย่างมาก ดังนั้นนายจึงบาดเจ็บแบบนี้”
“มันเพราะ…แผลของนายยังไม่ถูกรักษา แม้ว่าจะรักษาได้แต่ก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก” จ้าวเมิ่งซีมองไปที่หวังเย่าก่อนจะสะอื้นออกมาอีกครั้งแล้วพูดต่อ “ฉันมาที่ดาวนี้ก่อนนาย ฉันได้เจอกับฮาร์วี่”
ตอนนั้นจ้าวเมิ่งซีก็หน้าแดงขึ้นมา ท่าทีนี้ทำให้หวังเย่าปวดใจไม่น้อย
“ฉันบอกเขาว่านายเป็นแฟนของฉันและขอให้เขาจ่ายเงินเพื่อรักษานาย”
ปากของหวังเย่าสั่น “ ไม่มีเงื่อนไขอะไรใช่ไหม ?”
“เขาเป็นคนดี ไม่ใช่แค่จ่ายค่ารักษาให้กับนายเท่านั้น แต่ยังใช้เงินจำนวนมากเพื่อฉีดยาชีวิตให้กับนายเพื่อที่นายจะได้มีชีวิตยืนยาวขึ้น”
“ระหว่างนั้นเขาก็พาฉันมาหานายบ่อย ๆ ”
“แล้วจากนั้น…”
หวังเย่ากำหมัดแน่น
“เพราะนายโคม่าอยู่และเขาดูแลฉัน เขาดูแลฉันอย่างดีมาโดยตลอด”
ตาของหวังเย่ากระตุกไปตาม
“ฉันปฏิเสธแล้วแต่คืนนั้น…หลังจากคืนนั้นเขาก็ทำให้ฉันรับรู้ถึงประสบการณ์ที่น่ายินดีที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน ความรู้สึกนั้น…นายไม่อาจจะทำให้ฉันได้ ! ”
แกร๊ก !
หมัดของหวังเย่ากำแน่นจนเสียงกระดูกดังขึ้นมา
หวังเย่าพยายามกดความโกรธในใจเอาไว้แล้วถามขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ “จ้าวเมิ่งซี เธอ…บ้าไปแล้วรึไง ! ”
ตาของหวังเย่าแดงก่ำขึ้นมา เขาค่อย ๆ มองไปที่จ้าวเมิ่งซีตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอก็รู้ว่าฉันให้ค่าอะไรมากที่สุด ฉันยอมตายแทนที่จะโดนเธอหักหลัง”
“ตลอดมาฉันคิดว่านายน่ะรู้จักฉันดีแต่ดูเหมือนว่า…จะไม่ได้เป็นแบบนั้น ! ”
เมื่อเห็นหวังเย่าโกรธจนตัวสั่น จ้าวเมิ่งซีก็ตัวสั่นนิด ๆ ด้วยความกลัว “หวังเย่า ฉันแค่บอกความจริงกับนาย”
“มันผิดรึไงที่มนุษย์น่ะเป็นแค่เครื่องมือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอำนาจเมื่อเทียบกับคนบนดาวทมิฬนี้ ? ”
“เธอเงียบไปเลย ! ” หวังเย่าอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว
“หวังเย่า นายทำให้ฉันกลัวนะ” จ้าวเมิ่งซีรีบลุกขึ้น จากนั้นหวังเย่าก็พบว่าเธอนั้นท้องอยู่
“เธอ…ท้องกับเขางั้นหรือ ? ”
จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมาและลูบท้องตัวเอง “นี่ลูกคนที่ 7 แล้ว นายทำได้แบบเขารึเปล่า ? ”
สีหน้าของหวังเย่าหม่นลง เขาดึงเข็มที่แขนออกแล้วลุกขึ้นยืน “ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอแล้ว เฮ้อ…”
หวังเย่าพยายามฝืนยิ้มออกมา “ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุข เราไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก เงินที่ติดไว้ฉันจะหาทางจ่ายคืน”
ตอนที่หวังเย่ากำลังจะเดินออกไปนั้น อยู่ ๆ ประตูก็เปิดออก
ชายที่สูงกว่า 2 เมตร หน้าตาหล่อเหลาได้เดินเข้ามา
เมื่อเห็นหวังเย่าลุกขึ้นยืน เขาก็ยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปหาจ้าวเมิ่งซีแล้วจูบเข้าไปที่หน้าผากของเธอ
“เมิ่งเอ๋อ ดูเหมือนว่าเพื่อนเธอจะตื่นแล้ว เธอคงสบายใจได้แล้วสินะ”
จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมาและจูบเข้าที่ปากของอีกฝ่าย “แน่นอน ฮาร์วี่ที่รัก”
“นี่หยามฉันรึไง ? ” หวังเย่ายกหมัดขึ้นคิดจะต่อยใส่ฮาร์วี่
แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บอยู่แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ได้ลดลงมาก หากเขาต่อยอีกฝ่ายจริง ๆ อีกฝ่ายคงพิการไม่ก็บาดเจ็บสาหัส แต่ฉากที่ทำให้หวังเย่าช็อกก็เกิดขึ้น หมัดของเขาเหมือนจะช้าไปและโดนอีกฝ่ายจับข้อมือเอาไว้
ฮาร์วี่ใช้แรงแค่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้กระดูกของเขาหัก ถ้าอีกฝายใช้แรงมากกว่านี้อาจจะทำให้มือของเขาหลุดออกจากแขนก็ได้
หวังเย่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ฮาร์วี่ยิ้มออกมา ทันทีที่เขาปล่อยมือ หวังเย่าก็ต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
“มนุษย์น่ะเปราะบาง นายอ่อนแอในสายตาของคนในดาวทมิฬ”
ฮาร์วี่กอดจ้าวเมิ่งซีเอาไว้แล้วยิ้มออกมา “เธอบอกว่ามีอาหารที่ชื่อว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสินะ ฉันพูดถูกรึเปล่า ? ”
“ถูกแล้ว” จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมา
“หวังเย่า จำไว้ว่านายน่ะเป็นขยะ ถ้านายคิดจะท้าทายฉันอีก ฉันก็พร้อมเสมอ….” ฮาร์วี่ลูบจมูกตัวเองแล้วพูดขึ้น “แน่นอน ถ้านายเอาตัวไม่รอดที่นี่ นายจะมาหาฉันก็ได้ ตราบใดที่นายคุกเข่าให้ฉัน ฉันรับปากว่าจะช่วยนาย ยังไงซะ…ภรรยาของฉันก็เคยผูกพันกับนายมาก่อน”
“แกรีบไปได้แล้ว ให้ฉันขอร้องแกงั้นหรือ ฝันไปเถอะ ! ” หวังเย่าตัวสั่น เขามองไปที่อีกฝ่ายพร้อมกัดฟันแน่น “ฮาร์วี่ แกจำไว้ สักวันฉันจะให้แกชดใช้”
ฮาร์วี่ยักคิ้วและล้อเลียน “ได้สิ ฉันจะรอละกัน”
หวังเย่ารีบเดินออกมาทันที
แต่ตอนนั้นเองเขากลับได้ยินเสียงคนเรียกเขา “หวังเหยา…หวังเย่า…”
หวังเย่าหันกลับไปมองและพบกับผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็น
ฟ่านฉิงเหมย !
เธอก็อยู่ที่นี่ด้วย…ดูเหมือนว่าเธอจะบาดเจ็บหนัก
หวังเย่ารีบเดินตามไปทันทีก่อนจะพบว่าเธอถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน
ในห้องนั้นได้มีเสียงกรรไกรและเลื่อยดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเครื่องต่าง ๆ
“ฉิงเหมย เธอเป็นอะไรไป ? เธอต้องรอด ! ”
หลังจากนั้นสักพักพยาบาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีลนลานก่อนจะเคาะประตูห้องฉุกเฉิน
ประตูเปิดออกพร้อมกับหมอที่เดินออกมาแล้วถามขึ้น “มีเรื่องอะไร ? ”
“เราได้ตรวจสอบแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนของดาวทมิฬ เธอไม่ได้มีบัตรประจำตัว ดังนั้นเรา…จึงไม่อาจจะช่วยเธอได้” หมอเงียบอยู่สักพักแล้วพึมพำออกมา “งั้นก็เอาตามนั้น”
เขาหันกลับไปมองทีมแพทย์ด้านในและพูดขึ้น “ปล่อยเธอตายไป”
หวังเย่าที่นั่งอยู่ด้านหน้าได้ยินทุกอย่าง เขารีบวิ่งไปจับมือหมอเอาไว้ “หมอ ช่วยเธอด้วย”
แพทย์ทุกคนไม่อาจจะเข้าใจภาษาของเขาได้และมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าประหลาดใจ
หมอได้เอาเครื่องบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและบอกให้หวังเย่าพูดอีกครั้ง
มันเหมือนกับโทรศัพท์ที่คอยแปลภาษาเพื่อสื่อสารกับอีกฝ่าย
หมอพยักหน้าและส่งมันให้กับหวังเย่า คำพูดของเขาได้ถูกเปลี่ยนเป็นตัวหนังสือเพื่อสื่อสารกับอีกฝ่าย
เมื่อหวังเย่าเห็นตัวหนังสือบนเครื่องนั้น เขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตะลึง
“ค่าใช้จ่าย 16.85 ล้านเหรียญ รีบจ่ายมา ถ้าหากช้ากว่านี้เธอกคงไม่รอด”
ตอนนี้หวังเย่าพบว่าตัวเองไร้ความสามารถเป็นครั้งแรก
ในโลกมนุษย์ เขาก็จนแต่ไม่เคยหมดหนทางเหมือนในวันนี้
แม้แต่เหรียญเดียว เขาก็ยังไม่มี
หวังเย่ากัดฟันแน่นและพูดใส่เครื่อง “ฉันยืมก่อนได้ไหม ฉันจะคืนให้เป็นสองเท่า”
หมอรับเครื่องมา เมื่ออ่านข้อความนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะเผยรอยยิ้มดูถูกออกมา
เขามองมาที่หวังเย่าด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของหวังเย่า จนทำให้หวังเย่ากระเด็นออกไป
เลือดไหลออกมาจากมุมปากหวังเย่า เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดออกก่อนจะค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังจากห้องฉุกเฉิน
จากนั้นก็มีเสียงสบถดังออกมา ไม่จำเป็นต้องแปล หวังเย่าก็พอเข้าใจความหมายได้ “ไอ้คนจนนี่ ไปตายที่ไหนก็ไป ! ”
หวังเย่ามองไปที่ห้องฉุกเฉิน ในใจเขาอยากจะช่วยฟ่านฉิงเหมยอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะช่วยเธอไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ให้เธอได้ตายในอ้อมแขนของเขาก็ยังดี !
“หวังเย่า อย่าทำตัวเป็นเด็ก นี่คือความจริง ที่นี่คือดาวทมิฬ” จ้าวเมิ่งซีและฮาร์วี่เดินเข้ามาจากทางด้านหลัง
จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้นต่อ “นายรู้จักสมุนไพรทั้งหมดในโลกรึไง ? แม้ว่ามันจะรักษาเธอได้ทันที แต่นายคงหามันมาไม่ทัน”
“ตอนที่นายหามันเจอ ฟ่านฉิงเหมยก็ตายแล้ว”
หวังเย่าหันไปมองจ้าวเมิ่งซีและฮาร์วี่ ด้วยสายตาที่ราวกับจะกินพวกนั้นทั้งเป็น
“มีแค่คนเดียวที่ช่วยฟ่านฉิงเหมยได้ตอนนี้ เขาอยู่ตรงหน้านายแล้ว” จ้าวเมิ่งซีมองไปที่ฮาร์วี่
ฮาร์วี่พยักหน้าและยิ้มให้กับหวังเย่าก่อนจะพูดขึ้นด้วยภาษาจีน “หวังเย่า ตราบใดที่นายยอมทิ้งศักดิ์ศรีของนายและคุกเข่าให้กับฉัน งั้นฉันจะช่วยนาย”
หวังเย่ามองไปที่ฮาร์วี่ด้วยสายตาแค้นเคืองก่อนจะหันกลับไปมองห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
ตัวของเขาสั่นเทาราวกับกำลังตัดสินใจเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต
“แม้แต่คนที่นายรักก็ยังไม่อาจจะปกป้องได้ ลูกผู้ชายประสาอะไรกัน ! ”
หวังเย่านิ่งอยู่นาน เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันกลับมาช้า ๆ
“แกจะไม่กลับคำใช่ไหม ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“แน่นอน ฉัน ฮาร์วี่ เป็นคนที่ยิ่งใหญ่บนดาวทมิฬแห่งนี้ ถ้าฉันไม่ใหญ่พอคงไม่มีทางอยู่จนถึงทุกวันนี้หรอก” ฮาร์วี่พูดอย่างภูมิใจ
“ได้ ฉันจะเชื่อแก” หวังเย่าค่อย ๆ คุกเข่าลงไปกับพื้น
ตอนนั้นทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน
ตามด้วย…
สายฟ้าที่ผ่าลงมา
ม่านปลิวออก หวังเย่าพบว่าตัวเองกำลังคุกเข่าอยู่ใจกลางลาน !
รอบ ๆ นั้นมีผู้ชมมากมาย มันมีทั้งคนที่มีหัวเป็นกระทิง, หัวม้าและยังมีคนที่เหมือนกับคนแต่มีหูเป็นกระต่าย
หวังเย่าตัวสั่นเพราะเขารู้ว่าเขาโดนหลอกแล้ว !
นี่มันฉากในละครชัด ๆ
ฮาร์วี่ยกมือขึ้นและโบกมือให้กับทุกคน
ตอนนั้นได้มีชายคนหนึ่งที่สวมมงกุฎลุกขึ้นยืนและปรบมืออย่างพอใจ
เขาไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ เขามีหูเหมือนหมาจิ้งจอก !
“ฮาร์วี่ นายแสดงได้เก่งจริง ๆ ! ”
อยู่ ๆ ตัวของจ้าวเมิ่งซีก็สั่นไหว ตอนนี้เธอกลับเปลี่ยนเป็นคนที่มีหูหมือนหมาจิ้งจอกแทน
เธอยิ้มออกมาและสะบัดมือของฮาร์วี่ออกไป
ฮาร์วี่ก็เผยร่างที่แท้จริงออกมา มันคือมนุษย์จิ้งจอกที่มีหางอยู่ด้านหลัง
ฮาร์วี่ยิ้มให้กับผู้หญิงข้างกาย “ มิยายา ทักษะการแสดงของเธอนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ การที่เธอหลอกหวังเย่าว่าท้องน่ะได้ 3 คะแนนเลย โดยเฉพาะตอนที่ด่าเขาจนน้ำตาไหลออกมา ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้ว ฉันเกรงว่าจะไม่เห็นสีหน้านี้จากเธอง่าย ๆ ! ”
ห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกก่อนจะมีมนุษย์จิ้งจอกเดินออกมาบนเวที
“การแสดงของหลินฉีก็ดีเหมือนกัน ดูเหมือนว่าหลัง ๆ นี้เธอจะพยายามอย่างหนัก”
ทุกอย่างตะกี้นี้เป็นแค่การแสดงทั้งหมด !
จ้าวเมิ่งซี, ฟ่านฉิงเหมย ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเธอไม่ได้หักหลังเขา แต่หวังเย่าไม่ได้ดีใจแม้แต่น้อย
นี่คือการดูหมิ่นที่หนักที่สุด เพราะคนที่นี่มองเขาเป็นแค่ตัวตลก !
“ลงนรกไปซะ ! ”
หวังเย่าตะโกนออกมา เขาจับเก้าอี้เหล็กตรงหน้าแล้วฟาดเข้าใส่ทั้งสามคน
กำไลมิติ, กำไลเกราะต่าง ๆ ก็หายไปหมดแล้ว อสูรของเขาตายหมดแล้ว หวังเย่าได้แต่ใช้ของข้างกายเป็นอาวุธ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มทั่วไปเลย
ปัง !
เข็มที่เหมือนกับกระสุนพุ่งปักที่คอของหวังเย่า
เขาโดนไฟช็อตแล้วล้มลงไปกับพื้น แต่เขากลับได้ยินทุกอย่างชัดเจน
“เสียงปรบมืออยู่ไหนกัน ? ” พิธีกรถามขึ้นมาด้วยภาษาที่หวังเย่าเข้าใจได้
ผู้ชมทุกคนใส่หูฟังพิเศษ ไม่ว่าจะพูดภาษาอะไรออกมา แต่พวกเขาก็เข้าใจได้
พิธีกรไปยืนอยู่ข้างนักแสดงทั้งสามคนและพูดขึ้น “ธีมการแสดงในวันนี้น่าสนใจจริง ๆ ในชุดการแสดงที่มีชื่อว่าศักดิ์ศรีของเครื่องมือที่ไม่มีค่า ! ”
“เพื่อที่จะพิสูจน์มุมมองของเขาและเพื่อที่จะแสดงความสามารถในการแสดง ฮาร์วี่ได้ใช้คอมเพื่อคัดลอกคนในความทรงจำของหวังเย่าขึ้นมา เขาได้ทำการศึกษาความคิดของเครื่องมือคนนี้”
“แน่นอนว่าเพื่อจะเล่นให้สมบทบาท เจ้าหญิงมิยายาและเจ้าหญิงหลินฉี ก็ได้ทำการศึกษาบทบาทของทั้งสามคนเป็นอย่างดี”
“พวกเธอมองข้ามฐานะตัวเองและได้ทำการแสดงอย่างสมบทบาท ตอนนี้มาโหวตกัน”
การโหวตเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่พิธีกรจะตะโกนออกมา “ยินดีกับทั้งสามคนด้วยที่ได้ที่หนึ่งไป ! ”
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านล่างเวทีก่อนที่จะมีทหารเดินเข้ามาใส่กุญแจมือหวังเย่าเอาไว้แล้วลากเขาไปโยนใส่ที่รถ
ที่ด้านนอกมีฝนตกลงมา
หวังเย่านั่งอยู่ด้านหลังรถและมองออกไปนอกหน้าต่าง
สังคมในดาวนี้คล้ายกับโลกมนุษย์ แต่มันมีคนหลากหลายแบบในสังคมนี้
เมื่อมองดูจอขนาดใหญ่ที่ฉายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็เดาได้ไม่ยากว่าดาวนี้ถูกปกครองโดยจิ้งจอก
ทหารที่นำตัวหวังเย่ามานั้นยังคงเงียบและแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
รถมาจอดที่สำนักงานแห่งหนึ่งก่อนที่ประตูรถจะถูกเปิดออก
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านฮาร์วี่อยากได้คะแนน และต้องเป็นที่หนึ่งเพื่อให้ได้ได้บัลลังก์ ไม่งั้นนายคงตายไปตั้งแต่แรกแล้ว ”
“เขาให้นายได้อยู่ต่อและส่งนายไปที่เหมือง นายมีอะไรจะคัดค้านรึเปล่า ? ”
หวังเย่าไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด แต่อีกฝ่ายก็ส่งเครื่องแปลภาษามาให้เขาดู
หวังเย่ายิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ฉันจะไปคัดค้านอะไรได้ ? หึหึ…..ฉันควรจะยินดีด้วยซ้ำ”
รถขับไปในทะเลทรายที่ห่างไกล มันมืดขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายพวกเขาก็มาถึงเหมืองที่เป็นเหมือนป้อมปราการ
ประตูป้อมถูกเปิดออกอย่างช้าๆ หวังเย่า ได้ถูกนำตัวลงมาจากรถก่อนจะถูกส่งตัวไปยังห้องขัง
“นักโทษหมายเลข 2020423 ออกมา !”
เสียงหนึ่งดังขึ้น หวังเย่าไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่ก็ถูกคนด้านหลังผลักออกมา