ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 536 : การร่วมมือ
ตอนที่ 536 : การร่วมมือ
อาหารอันโอชะกองอยู่ตรงหน้าหวังเย่าจำนวนมาก มันแทบทำให้เขาลืมไปเลยว่าเขาอยู่ในเหมือง อาหารพวกนี้ทำให้ความอยากอาหารของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว
“แน่นอนหากมีความแข็งแกร่งเพียงพอ แม้แต่ในนรกก็ยังสบายได้”
หวังเย่ายกมือขึ้นและเริ่มกินอาหารอย่างตะกละ อาหารนี่มีแต่พวกสองอันดับแรกที่ได้กิน ไม่คิดเลยว่าผ่านไปแค่สามวันเขาจะได้กินมัน
“สักวันฉันจะ..” หวังเย่ามุดหน้าลงไปในถ้วยพร้อมกับคิดในใจ “ฉันจะฆ่าผู้คุมที่นี่ แม้แต่เจ้าชายก็ต้องโดนฉันจัดการ ”
หวังเย่ากินอาหารบนโต๊ะหมดไปอย่างรวดเร็ว 3 ชุดติด จนหมดเวลาอาหารเขาถึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
เมื่อเปิดประตูร้านอาหารมา หวังเย่าก็ลูบท้องด้วยความพอใจ เขายังไม่ได้เข้าไปในเขตเหมือง ตอนนั้นก็มีชายหัวโลนสองคนเดินตามเขามา พวกนี้มีอาวุธกับตัวด้วย
“อย่าขยับ ไม่งั้นฉันจะแทงแกจริง ๆ ” ชายคนหนึ่งจี้มีดมาที่เอวของหวังเย่า แล้วขู่ออกมา
หวังเย่าหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น “ฉันไปหาเรื่องพวกแกสองคนตอนไหน ? ”
“แกไม่ต้องพูด แล้วแกจะเข้าใจเอง”
ตอนนั้นเองกลับมีเม็ดฝนตกลงมาจากฟ้า
ตั้งแต่ที่มาที่ดาวนี้เขาเพิ่งเจอกับฝนเป็นครั้งแรก !
ไกลออกไปมีม้าหัวเป็นวัวยืนอยู่ฝูงหนึ่งล้อมชายตัวสูงเอาไว้
ชายคนนั้นคาบบุหรี่ไว้ที่ปาก นิ้วสีทองของเขาจับไปที่บุหรี่แล้วค่อย ๆ พ่นควันออกมาจากปาก
ควันได้ปลิวไปตามลมราวกับความรู้สึกที่พร่ามัว
หวังเย่าขมวดคิ้ว เขารู้สึกเหมือนกับตอนที่โดนไถเงินโดยนักเลงข้างถนน
ภายใต้สถานการณ์ปกติ จากความแข็งแกร่งที่หวังเย่ามีแล้ว เขาคงไม่กลัวเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเขาเห็นร่างกายของอีกฝ่าย เขาก็เข้าใจว่าเขาไม่อาจจะเอาชนะอีกฝ่ายได้และต้องแพ้อย่างขาดลอย
นี่มันมนุษย์มังกร !
ชายคนนี้ได้เปรียบทางร่างกายอย่างมาก !
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจถึงความโหดร้ายของที่นี่
หวังเย่ายังไม่ทันได้คิดอะไร คนด้านหลังก็ตะโกนขึ้นมา “คุกเข่าลงไป ! ”
หวังเย่าหูอื้อและมองไปที่มนุษย์มังกรตรงหน้า !
“แกไม่ได้ยินรึไง !” ชายหัวโล้นสองคนเตะเข้าที่ข้อพับของหวังเย่า แล้วกดไหล่หวังเย่าลงไปให้เขาคุกเข่าลงกับพื้น
“เรียกพี่ใหญ่มา ! ” ชายอีกคนกำผมของหวังเย่าเอาไว้ แล้วดึงหัวเขาให้เงยหน้าขึ้นมามองมนุษย์มังกร
หวังเย่าแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมา
มนุษย์มังกรมองมาที่หวังเย่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขายังคงสูบบุหรี่ต่อไปภายใต้สายฝน
เขาหยิบเอาเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ข้าง ๆ แล้วไม่พูดอะไรมากก่อนจะแทงใส่ที่หัวของหวังเย่าอย่างจัง
ปัง !
เสียงกระดูกแตกดังขึ้นพร้อมกับหวังเย่าที่ล้มลงไปกองกับพื้น
“ไอ้หนู แกจำได้ไหมว่าฉันเป็นใคร ? ”
หวังเย่าปล่อยให้เลือดไหลอาบตาและมองไปที่อีกฝ่าย
“ฉันชื่อฮาลิเฟค ที่เหมืองนี้แม้แต่นักโทษระดับ A ก็ยังต้องเคารพฉัน แกรู้ไหมว่าทำไม ? ”
หวังเย่ายิ้มออกมา ก่อนจะพูดว่า “แกคงไม่จับฉันมาเพื่อสั่งสอนฉันเฉย ๆ หรอกนะ ? แกอยากพูดอะไรก็พูดมา ! ”
ฮาลิเฟคยิ้มออกมาและมองไปที่หวังเย่า ก่อนจะก้มลงแล้วพูดขึ้น “แกรู้จักโทมัสสินะ”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ หวังเย่าก็พอเดาออกแล้ว
ฮาลิเฟคพูดต่อ “แกอาจจะไม่รู้ว่าโทมัสน่ะเป็นพวกปล้นสุสาน โจรปล้นสุสานที่เก่งที่สุดบนดาวนี้ ! พี่ฉันที่อยู่ด้านนอกส่งมันเข้ามาที่เหมืองนี้ ! ” ฮาลิเฟคยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ “ฉันเป็นคนที่ให้แผนที่บึงกับมันและขอให้มันตามหาไข่ของสัตว์อสูรในสุสานให้กับฉัน แต่แก….” ฮาลิเฟคจับคอเสื้อหวังเย่าแล้วพูดขึ้น “ทำไมแกถึงฆ่าเขา ? ”
“แผนที่นั่นแม้ว่าจะมีเส้นทางบอกอยู่ แต่มันก็ขาดเส้นทางสำคัญ ฉันรอมา 10 ปีเพื่อให้โทมัสวาดแผนที่ที่สมบูรณ์ขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าแกจะจัดการกับเขา ! ”
ฮาลิเฟคเตะท้องของหวังเย่า
“ส่งแผนที่มาแล้วฉันรับปากว่าจะไม่ฆ่าแก ! ”
หวังเย่าทำท่าสับสน “แผนที่อะไร ฉันไม่รู้ว่าแกพูดถึงเรื่องอะไร ? ”
หวังเย่ารู้ดีเมื่อเขาบอกว่าแผนที่อยู่ที่ไหน เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ทางเดียวที่จะรอดคือไม่บอกความลับนี้เพื่อยื้อเวลาเอาไว้จนกว่าเขาจะแกร่งพอที่จะเอาคืนอีกฝ่ายได้ !
“แกคงไม่รู้จักชื่อเสียงของฉันสินะ”
ฮาลิเฟคมองไปที่ลูกน้องของเขาและพูดขึ้น “ไม่ต้องปราณี ! ”
ปัง ปัง …
หมัดและเท้าถูกเตะและต่อยใส่หวังเย่า หวังเย่าได้แต่เอามือมาป้องส่วนที่สำคัญเอาไว้
ไม่รู้ว่าเขานอนอยู่นานแค่ไหน หัวของหวังเย่าตอนนี้มีเลือดไหลออกมาจนย้อมที่นั่นกลายเป็นสีแดง
เมื่อเห็นว่าหวังเย่าไม่ร้องขอความเมตตา ฮาลิเฟคก็พูดขึ้น “ค้นตัวมัน ! ”
ไม่นานแหวนมิติทั้งสิบวงของหวังเย่าก็ถูกยึดไปรวมถึงชุดดำน้ำด้วย แต่มันไม่ได้มีแผนที่อะไรเลย
“หัวหน้า ฉันค้นตัวมันแล้วแต่ไม่เจอเลย”
ฮาลิเฟคหรี่ตาลงและลากหวังเย่าขึ้นมามองเข้าไปในตาหวังเย่า “ไอ้หนู แกอึดดีนิ แกคงไม่ได้ทำสัญญากับสัตว์อสูรหรอกนะ ? ”
ฝนสาดลงมาที่หน้าหวังเย่า ตอนนั้นเขาได้หัวเราะออกมา “แกพูดตลกอะไร ถ้าฉันทำสัญญากับสัตว์อสูร ฉันคงให้มันฆ่าแกไปแล้ว”
ฮาลิเฟคหรี่ตาลงแล้วปล่อยหวังเย่าลงไปคุกเข่ากับพื้น
ฮาลิเฟคหันกลับและมองไปที่หอคอยราวกับคิดบางอย่าง
หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดขึ้น “แกฉลาดดีนี่ ฉันคิดว่า…แกคงไม่ให้ข้อมูลที่มีค่ากับฉันสินะ ? ”
ในตอนที่พูดเขาก็หันกลับแล้วไปยืนอยู่ด้านหลังหวังเย่า เขาใช้มีดจ่อคอหวังเย่าเอาไว้
“แค่เพราะมันเป็นเวลาพัก แต่มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะฆ่าคนไม่ได้ ”
“แก…แกต้องตาย !”
ตอนที่ฮาลิเฟคกำลังจะลงมือนั้น หวังเย่าก็ใจสั่นขึ้นมา เขารู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะฆ่าเขาจริง ๆ
ปรี๊ด….
เสียงนกหวีดของผู้คุมดังขึ้น
ฮาลิเฟคผงะถอยกลับไป “ชิ เกิดบ้าอะไรขึ้น ! ”
“พี่ใหญ่ เราควรหนีได้แล้ว ! ”
“จับมันไว้ อย่าให้มันหนี”
ฮาลิเฟคกัดฟันแน่นและกดหวังเย่าลงกับพื้น
ตอนที่พวกเขากำลังจะหนีไป ก็มีผู้คุมคนหนึ่งได้วิ่งเข้ามาแล้วตะโกนขึ้น “ยกมือขึ้นแล้ววางอาวุธลง ! ”
แม้ว่าจะมีปืนแค่กระบอกเดียว แต่ทุกคนที่นั่นต่างก็วางอาวุธของตัวเองลงไปกับพื้นแล้วยกมือขึ้น
ฮาลิเฟคมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าข่มขู่ “ไอ้หนู แกโชคดี แต่ยังไงฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้”
ลูกน้องอีกคนกระซิบบอกกับฮาลิเฟค “พี่ใหญ่ มันมีบางคนที่ได้ไข่สัตว์อสูรนั่นไป ดังนั้นเลยปกป้องเด็กนี่รึเปล่า ? ”
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ครั้งนี้มันเป็นปัญหาแน่ ๆ ”
ผู้คุมสองคนได้พยุงตัวหวังเย่าขึ้นมา ผู้คุมคนหนึ่งเดินเข้ามาดูอาการหวังเย่า “2020423 ตอบตามจริง ตะกี้เกิดอะไรขึ้น ? มีคนคิดจะฆ่านายในเวลาพักงั้นหรือ ? ”
หวังเย่ากลืนเลือดลงคอแล้วพูดขึ้นมา “บังเอิญว่าฉันหกล้ม มันไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก”
หวังเย่าพูดจบก็ไอออกมาอย่างแรง ตราบใดที่ไม่มีคนโดนฆ่า แม้ว่าหวังเย่าจะรายงานเรื่องนี้ แต่อย่างมากพวกนี้ก็แค่ทำการลงโทษไม่ให้กินอาหาร และต้องเป็นแรงงานแค่ 2 วัน เมื่อครบกำหนดพวกนั้นก็จะออกมาหาเรื่องหวังเย่าอยู่ดี และอาจจะแรงขึ้นไปอีก
ตอนนี้เขายังไม่คิดจะทำอะไรตอบโต้กลับ เพราะเขามีวิธีที่จะเอาคืนอยู่แล้ว เขาต้องให้พวกนี้ชดใช้ด้วยชีวิต !
“ใช่แล้ว เราเห็นไอ้หนูนี่ล้ม เราเลยไปช่วยประคอง” ฮาลิเฟคพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“เขาล้มลงจนพวกนายหลายสิบคนต้องมาช่วยเลยหรือ เขาเป็นลูกนายรึยังไง ? ” ผู้คุมถามขึ้นมา
หวังเย่าทนความเจ็บปวดเอาไว้แล้วปัดมือผู้คุมที่ประคองอยู่
ผู้คุมมองมาที่หวังเย่าแล้วฮึดฮัดออกมา “งั้นก็แยกย้ายได้แล้ว ! ”
จนกระทั่งผู้คุมเดินออกไป ฮาลิเฟคก็ได้เข้ามาตบหน้าหวังเย่าอย่างแรง “ไอ้หนู ดูจากที่แกไว้หน้าฉัน ฉันจะให้เวลาแก 3 วัน แกลองไปคิดดูดี ๆ ว่าแกเอาแผนที่ซ่อนไว้ที่ไหน ไม่งั้น…. ฉันจะให้แกลิ้มรสชีวิตที่แย่กว่าความตาย”
เมื่อพูดจบเขาก็ล้วงกางเกงแล้วเดินหนีไป
หวังเย่านอนอยู่ที่พื้นด้วยความโล่งอกและมองดูสายฝนที่สาดลงมา
หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงเท้าเดินเข้ามาก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้น “มาร่วมมือกัน”
หวังเย่าลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วมองไปที่อีกฝ่าย
ชายคนนี้หวังเย่ารู้จัก
ตอนที่เขามาที่เหมืองนี้ในตอนแรกนั้น หวังเย่าถูกชายคนนี้เรียกว่ากระสอบทราย และเขาก็แพ้พนันเพราะหวังเย่า
เขาคือชายที่ชื่อฟอเนอร์ ระดับ F
“ร่วมมือกันงั้นหรือ ? ” หวังเย่าแสดงสีหน้าสับสนออกมา
ฟอเนอร์เดินเข้ามาหาหวังเย่า แล้วประคองหวังเย่าไว้ก่อนจะยิ้มออกมา “หวังเย่า ฉันจำพลังงานในตัวนายได้ตั้งแต่ที่นายเข้ามาในเหมืองแล้ว”
“หือ ? ” หวังเย่ามองไปที่ฟอเนอร์ด้วยความสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องพลังงานผัวผวน
“พลังงานนี้เหมือนเป็นพลังงานชีวิตที่ส่งออกมาโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันมีชิปในตาฉันที่สามาถมองพลังงานออกได้อย่างชัดเจน”
“หากเทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว ตอนที่นายมาที่นี่ตอนแรกนายยังอ่อนแออยู่ ฉันจึงพนันว่านายจะโดนฆ่า จากนั้นนายก็ทำให้ฉันแปลกใจ มันมีหลายอย่างในโลกที่ไม่อาจจะวัดได้ด้วยพลังงาน ความคิดคนไม่อาจจะเดาออกได้ เดาว่าความสามารถในการต่อสู้ของนายคงถึงขีดจำกัดในดาวที่นายจากมา นายจึงถือว่าไม่ใช่พวกระดับ K อีกต่อไป”
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “แล้วไง ? นายต้องการจะบอกอะไร ? ! ”
“พลังงานของนายเปลี่ยนไป แค่คลื่นพลังงานเพียงอย่างเดียวก็พบว่าตอนนี้นายอยู่ระดับ H สามวันที่ผ่านมานี้นายไปทำอะไรมาใช่ไหม…”
หวังเย่าไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา แต่ในใจเขากลับช็อกอยู่ไม่น้อย
ฟอเนอร์เดินเข้ามาและมองมาที่หวังเย่า “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ การที่ฉันจะร่วมมือกับนาย เราต่างก็ได้ประโยชน์”
หวังเย่าเห็นว่าฟอเนอร์มั่นใจอย่างมากก่อนจะถามขึ้นมา “นายรายงานเรื่องนี้กับผู้คุมแล้วช่วยฉันไว้หรือ ? ”
ฟอเนอร์ยิ้มและพยักหน้า “ตอนนี้เราคุยเรื่องการร่วมมือกันได้รึยัง ? ”
“นายว่ามาว่าจะให้ฉันทำอะไรให้ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
ไม่คิดเลยว่าฟอเนอร์จะเป็นคนตรง ๆ แบบนี้ “ ฉันต้องการแผนที่ของนาย”
หวังเย่าชะงักไป แต่ฟอเนอร์ก็พูดขึ้นต่อ “นายทำสัญญากับสัตว์อสูรไปแล้ว แน่นอนว่าฉันมีแผนอื่น”
“งั้นหรือ นายบอกมาได้รึเปล่า ? ”
“มันจริงที่ว่าก่อนที่ฉันจะมาหานาย ฉันได้ยินคนนอกบอกว่าทำไมนายถึงได้ถูกส่งมาที่นี่ และนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันกล้ามาคุยเรื่องร่วมมือกับนาย เรามีศัตรูคนเดียวกัน พวกเผ่าจิ้งจอก ! ”
หวังเย่ามองไปที่ฟอเนอร์ด้วยความแปลกใจ เขารู้แล้วว่าชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแบบที่เห็นภายนอกอย่างแน่นอน
“ถ้านายไปที่พีระมิดนั่นมาแล้ว นางคงเดาได้ว่าพวกจิ้งจอกไม่ได้เกิดขึ้นมาที่นี่ พวกนั้นน่ะบุกรุกเข้ามาเมื่อหลายแสนปีก่อนและยึดทรัพยากรรวมถึงบิดเบือนประวัติศาสตร์ หลายแสนปีก่อนคนส่วนมากที่อยู่ที่นี่เป็นยักษ์ แต่เพราะสงครามการเมืองที่ทำให้สัตว์อสูรและนักรบจำนวนมากต้องตายไป สุดท้ายอำนาจของที่นี่ก็โดนเผ่าจิ้งจอกชิงไป บรรพบุรุษของฉันเป็นหนึ่งในพวกแรก ๆ ของดาวนี้ เผ่าหูใหญ่ ! ”
“แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเผ่าจิ้งจอก คนของเราจึงทำการตัดหูตัวเองออกตอนที่ยังเป็นเด็กแรกเกิด ก่อนจะใส่หูเทียม จนทำให้เราดูเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป” เมื่อพูดจบ ฟอเนอร์ก็ได้ถอดหูเทียมของตัวเองออก…แน่นอนว่าเขาไม่มีหู !
“พยายามมาหลายหมื่นปี สุดท้ายเผ่าของเราก็ควบคุมส่วนหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกได้ หลายร้อยปีก่อนเราได้แยกตัวออกมาเป็นฝ่ายใหม่เพื่อต่อต้านเผ่าจิ้งจอก !”
“ในฐานะสมาชิกหลักของฝ่ายใหม่ ฉันได้แฝงตัวเข้ามาในเหมืองนี้เพื่อที่จะหาร่างของฟาโรห์เมื่อหลายแสนปีก่อน เราจะได้เปิดเผยความจริงที่ว่าเผ่าจิ้งจอกบุกรุกเข้ามาก่อนจะแย่งบัลลังก์จากพวกนั้นไป”
“ที่นายพูดมาน่าเชื่อถือ แต่ถ้าช่วยนายแล้ว ฉันจะได้อะไร ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ฉันรับปากกับนาย 3 ข้อ ข้อแรกคือฆ่าคนของฮาลิเฟค, จับเขาก่อนจะส่งเขาให้กับนายจัดการได้ตามใจ”
หวังเย่าพยักหน้านี่เป็นเงื่อนไขที่ดี
“อย่างที่สองคือตราบใดที่ฉันยังรอด ฉันจะพานายออกจากเหมืองนี้ ”
หวังเย่าพยักหน้าอีกครั้ง
“อย่างที่สาม หลังจากที่แย่งบัลลังก์มาได้แล้ว ฉันจะส่งตัวฮาร์วี่ให้กับนาย ! ”
หวังเย่าพยักหน้าด้วยความพอใจ “มันไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องปฏิเสธ ฉันเต็มใจจะร่วมมือ”
“แต่…” หวังเย่าเงียบไปชั่วครู่ “นายรู้ไหมว่าทำไมโทมัสถึงใช้เวลาเป็นสิบปีในการหาสุสาน ? ”
ฟอเนอร์พยักหน้า “ฉันได้ยินมา บอกกันว่าบึงนั้นน่ะมีสัตว์อสูรเลเวล 80-89 พวกนักโทษจำนวนมากที่เข้าไปไม่มีทางกลับออกมาได้”
“ใช่ ฉันเข้าไปในสุสานแล้วรอดกลับมาได้ แต่นั่นเพราะมันมีนักโทษจำนวนมากเป็นกระสอบทรายและด้วยโชคของฉันด้วย ถ้าฉันต้องนำทางเข้าไปอีกรอบ ฉันไม่มั่นใจว่าจะพาเข้าไปถึงที่นั่นได้อย่างปลอดภัยหรือไม่”
หวังเย่าจงใจปกปิดข้อมูลเอาไว้ เพราะสัตว์อสูรส่วนมากนั้นถูกกิ้งก่าจัดการไปแล้วก่อนที่มันจะกลายเป็นสารอาหารให้กับแฟนธอม
เมื่อรวมกับการที่แฟนธอมกำลังจะปกครองบึง บอกได้ว่าตอนนี้บึงนั้นปลอดภัยอย่างมากสำหรับเขา
หวังเย่าจงใจพูดแบบก็เพื่อป้องกันตัว
หนึ่งคือเขาจะให้เวลาแฟนธอมได้เติบโต อีกอย่างคือเพื่อยืนยันว่าฟอเนอร์นั้นแกร่งแบบที่อีกฝ่ายบอกเอาไว้
นี่แค่นักโทษระดับ F กล้าบอกว่าจะฆ่าลูกน้องและจับตัวนักโทษระดับ A มาได้ มันไม่เกินไปหน่อยรึไง ?
ถ้าเขาไม่จัดการเรื่องของฮาลิเฟคก่อน หวังเย่าก็ไม่มีทางส่งแผนที่ให้กับฟอเนอร์แน่ !
ฟอเนอร์เงียบไปสักพัก เขารู้ถึงความอันตรายของบึงนั้นดี มันมีไม่กี่คนที่รอดกลับมาได้ตั้งแต่ที่เหมืองนี้ก่อตั้งขึ้นมา
“งั้นจากที่นายบอกมา นายจะให้แผนที่ฉันตอนไหน ? ”
“นายให้เวลาฉันสักครึ่งเดือนได้รึเปล่า ? มันจริงที่ว่าฉันมีสัตว์อสูรแล้ว แต่เพราะมันยังเติบโตไม่เต็มที่ ขอเวลาอีกครึ่งเดือนให้มันพอปกป้องตัวเองได้ ฉันก็มั่นใจว่าจะพานายไปที่พีระมิดได้อย่างปลอดภัย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟอเนอร์ก็ยิ้มออกมา “เอาตามที่นายบอก ครึ่งเดือนจากนี้ ฉันจะพิสูจน์ว่าฉันเป็นคู่หูที่เชื่อใจได้”
“ดี ขอให้เป็นการร่วมมือที่ดี”
ทั้งสองจับมือกันแน่น !